วิธีการชำระเงินในการค้าระหว่างประเทศ
วิธีการชำระเงินในการค้าระหว่างประเทศ
โดย สสว.
25 พฤษภาคม 2549
ในการทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
หรือการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งผู้ซื้อผู้ขายอยู่กันคนละประเทศ
นอกจากจะต้องมีการตกลงกันว่าจะซื้อขายสินค้าอะไรปริมาณเท่าไร ราคาเท่าไร
ส่งมอบกันอย่างไร ส่งมอบกันเมื่อไร แล้วเรื่องสำคัญที่จะตกลงกันอีกเรื่อง คือ
วิธีการชำระเงิน วิธีการชำระเงินค่าสินค้า
ในการค้าระหว่างประเทศที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมี 4 วิธี คือ
1. การชำระเงินล่วงหน้า (Advance
Payment)
2. เปิดบัญชี (Open Account)
3.
ตั๋วเงินเพื่อการเรียกเก็บที่มีเอกสารประกอบ (Documentary Bill For Collection)
4. เลตเตอร์ออฟเครดิตที่มีเอกสารประกอบ
(Documentary Letter of Credit)
วิธีที่ 1
การชำระเงินล่วงหน้า (Advance Payment)
วิธีการแบบนี้
เป็นการตกลงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย โดยผู้ซื้อจะโอนเงินหรือส่งดร๊าฟ (Draft)
ไปให้ผู้ขายพร้อมกับการสั่งซื้อสินค้า เมื่อผู้ขายได้รับชำระค่าสินค้าแล้ว
จะส่งสินค้ามาให้ผู้ซื้อ วิธีนี้มักจะใช้เฉพาะสินค้าที่มีราคาไม่สูงมากนัก เช่น
สั่งซื้อสินค้าตัวอย่าง หนังสือตำรับตำรา หรือในกรณีในขณะที่สินค้าหายาก
และสินค้านั้นเป็นที่ต้องการทั่วไป หรือเครดิตของผู้ซื้อยังไม่เป็นที่เชื่อถือ
วิธีการนี้ผู้ซื้อมีความเสี่ยงและเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะต้องจ่ายเงินไปก่อนที่จะได้รับสินค้าและไม่แน่ว่าจะได้รับสินค้าตรงตามที่สั่งซื้อไปหรือไม่
วิธีที่ 2
เปิดบัญชี (Open Account)
การซื้อขายแบบ “เปิดบัญชี”
เป็นการตกลงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
โดยที่ผู้ขายยินยอมให้ผู้ซื้อชำระเงินค่าสินค้าภายหลังจากได้รับสินค้า จะเป็น 30
วัน หรือ 60 วัน หลังจากสินค้าลงเรือ หรือขึ้นเครื่องบินแล้วแต่จะตกลงกัน
หลังจากนั้นผู้ขายจะจัดการส่งสินค้า
และเอกสารที่เกี่ยวข้องไปให้ผู้ซื้อโดยตรงเพื่อที่ผู้ซื้อจะได้ดำเนินการนำสินค้าออกท่าเรือหรือสนามบินมาขายก่อน
วิธีการซื้อขายโดยการ “เปิดบัญชี” นี้ผู้ขายมีความเสี่ยงและเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เพราะต้องส่งสินค้าไปให้ผู้ซื้อก่อนโดยไม่มีหลักประกันว่าจะได้รับการชำระเงินตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้
การที่ผู้ซื้อและผู้ขายเลือกใช้วิธีการชำระเงินแบบ “เปิดบัญชี” ผู้ขายจะต้อง
ก. มีความเชื่อมั่น และ
แน่ใจว่าผู้ซื้อจะสามารถชำระเงินได้ตามกำหนดเวลาที่ตกลงกัน
ข.
แน่ใจว่าประเทศของผู้ซื้อไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ หรือ
กฎหมายห้ามการโอนเงินออกนอกประเทศ
ค.
มีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะให้สินเชื่อแก่ผู้ซื้อ
วิธีที่ 3
ตั๋วเงินเพื่อการเรียกเก็บที่มีเอกสารประกอบ (Documentary Bill for Collection)
วิธีการชำระเงินแบบนี้มี 2 ประเภท คือ
ก. D/P (Document against Payment)
ข. D/A (Document against Acceptance)
ก. D/P
แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ
1. D/P Sight
วิธีนี้ผู้ขายจะส่งสินค้าไปให้ผู้ซื้อและนำเอกสารต่างๆ
ที่ใช้ในการออกสินค้าไปยื่นต่อธนาคารของตนให้ส่งเอกสารไปเรียกเก็บเงินจากผู้ซื้อ
ผ่านธนาคารในประเทศาของผู้ซื้อเมื่อผู้ซื้อจะไปขอรับเอกสารที่ใช้ในการออกสินค้าจากธนาคาร
ผู้ซื้อจะต้องชำระค่าสินค่าให้ธนาคารก่อน ธนาคารจึงจะมอบเอกสารให้
2. D/P Term วิธีกากรเหมือนกับ D/P
Sight แต่ D/P Term มีการกำหนดระยะเวลาการชำระเงิน เช่น 30, 60 หรือ 90 วัน
นับจากวันที่ผู้ขายส่งสินค้าลงเรือ หรือ ขึ้นเครื่องบิน
ข. D/A
วิธีการชำระเงินแบบนี้คล้ายกับวิธีการชำระเงินแบบ D/P ต่างกันที่วิธี D/P
ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินให้ธนาคาร ก่อน
ธนาคารถึงจะมอบเอกสารที่ใช้ในการออกสินค้าให้ส่วนวิธี D/A
มีกำหนดระยะเวลาการชำระเงินเช่น 30, 60 หรือ 90 วัน หลังจากรับรองตั๋วเงิน
เมื่อผู้ซื้อไปขอรับเอกสารที่ใช้ในการออกสินค้าจากธนาคาร
ผู้ซื้อเพียงแต่รับรองตั๋วเงิน ธนาคารจะมอบเอกสารให้
เนื่องจากทั้งวิธี D/P และ D/A
ผู้ซื้อจะไปออกสินค้าโดยไม่มีเอกสารที่ใช้ในการออกสินค้าไม่ได้
จึงเป็นที่มั่นใจแก่ผู้ขายได้ว่าผู้ซื้อจะต้องชำระหรือรับรองตั๋วแลกเงินก่อน
แต่อย่างไรก็ดีผู้ขายก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และมีความเสี่ยงอยู่กล่าวคือ
ถ้าผู้ซื้อปฏิเสธการรับสินค้า
โดยไม่ยอมชำระเงินหรือรับรองตั๋วแลกเงินเนื่องจากผู้ซื้อมีปัญหาในด้านการเงิน
หรือมีปัญหาในด้านการตลาดผู้ขายต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำสินค้ากลับ
หรือขายในราคาถูกให้กับผู้ซื้อรายใหม่ หรืออาจจะต้องขายทอดตลาดขาดทุนมากมาย
วิธีการชำระเงินในลักษณะนี้
โดยปกติมักจะกระทำกันระหว่างผู้ซื้อผู้ขายที่ได้ทำการค้ามานาน จนความคุ้นเคย
และไว้ใจกัน หรืออาจจะเป็นบริษัทสาขา หรือบริษัทในเครือเดียวกัน
ซึ่งตั้งอยู่ในต่างประเทศ การสั่งซื้อจึงไม่จำเป็นต้องเปิด L/C
วิธีที่ 4
เลตเตอร์ออฟเครดิตที่มีเอกสารประกอบ (Documentary Letter of Credit)
การชำระเงินวิธีนี้เป็นที่นิยมกันมากที่สุด เพราะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย คือ
ผู้ซื้อ (IMPORTER) และผู้ขาย (EXPORTER) โดยมีชื่อผูกมัดตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน
L/C ซึ่งแล้วแต่จะตกลงกัน โดยมีธนาคารเป็นสื่อกลาง
การที่ผู้ซื้อ (IMPORTER)
ได้มานิยมใช้บริการของธนาคารพาณิชย์ (COMMERCIAL BANK)
เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศโดยการเปิด L/C
ก็เพราะว่าธนาคารเปรียบเสมือนเป็นตัวกลางของทั้งผู้ซื้อ (IMPORTER) และผู้ขาย
(EXPORTER) ในประเทศของตน ผู้ซื้อก็มั่นใจว่าถ้าสั่งซื้อสินค้าโดยเปิด L/C
ไปให้ผู้ขายแล้ว ผู้ขายก็จะจัดส่งสินค้าให้ครบถ้วนตามที่ระบุไว้ใน L/C ทุกประการ
ถ้าหากผู้ขายไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขใน L/C
ธนาคารก็จะเป็นผู้รับผิดชอบในการติดต่อประนีประนอม
หรือต้องร้องเรียกของเสียหายจากผู้ขายให้ ในทางตรงกันข้าม ผู้ขายก็มั่นใจว่า
ถ้าขนส่งสินค้าไปให้ผู้ซื้อตามเงื่อนไขที่ระบุใน L/C
ที่ผู้ซื้อเปิดมานั้นครบทุกประการ ผู้ขายจะไปรับเงินได้จากธนาคารในประเทศของตน
เลตเตอร์ออฟเครดิตที่มีเอกสารประกอบ (Documentary Letter of Credit) คืออะไร
เลตเตอร์ออฟเครดิตที่มีเอกสารประกอบ
(Documentary Letter of Credit) คือคำรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรของธนาคาร (Issuing
Bank) ที่ให้กับผู้ขาย (Beneficiary) โดยการขอร้องและตามคำสั่งของผู้ซื้อ
(Applicant) ในอันที่จะจ่ายเงินทันที
หรือตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นจำนวนตามที่ระบุไว้โดยการแลกเปลี่ยนกับเอกสารตามที่ระบุไว้
เอกสารตามที่ระบุไว้ในเลตเตอร์ออฟ เครดิต มักจะเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับการค้า
การควบคุม การประกันภัย การขนส่ง อาทิเช่น ใบกำกับสินค้า (Invoice)
ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าใบกรมธรรม์ประกันภัย
เอกสารการขนส่งที่สอดคล้องกับวิธีขนส่งสินค้า
ประเภทของเลเตอร์ออฟเครดิต เลตเตอร์ออฟเครดิต แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
1. ประเภทเพิกถอนได้ (Revocable Letter
of Credit)
2. ประเภทเพิกถอนไม่ได้ (Irrevocable
Letter of Credit)
บุคคลต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับเลตเตอร์ออฟเครดิต ประกอบด้วย
ก. ผู้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต
(Applicant) หรือผู้ซื้อ
ข. ธนาคารผู้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต
(Issuing / Opening Bank)
ค. ผู้รับผลประโยชน์ (Beneficiary)
หรือผู้ขาย
ง. ธนาคารผู้แจ้งเลตเตอร์ออฟเครดิต
(Advising Bank)
เลตเตอร์ออฟเครดิตประเภทเพิกถอนได้ (Revocable)
ผู้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต
หรือธนาคารผู้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตมีสิทธิที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้
โดยไม่ต้องขอยินยอมจากผู้รับผลประโยชน์ เลตเตอร์ออฟเครดิตประเภทเพิกถอนไม่ได้
(Irrevocable) จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกไม่ได้
ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคือ ผู้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต
ธนาคารผู้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต ผู้รับผลประโยชน์
ชนิดของเลตเตอร์ออฟเครดิตประเภทเพิกถอนไม่ได้
เลตเตอร์ออฟเครดิตประเภทเพิกถอนไม่ได้ (Irrevocable) แบ่งออกได้หลายชนิดเช่น
ก. Stanby
L/C (เลตเตอร์ออฟเครดิต เพื่อการค้ำประกัน) เป็นเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ไม่มีสินค้าเข้ามาเกี่ยวข้องเปิดมาเพื่อเป็นการรับรองต่อผู้รับผลประโยชน์ว่า
-
จะชดใช้เงินที่ผู้ขอยืมไปจากผู้รับผลประโยชน์คืนให้แก่ผู้รับประโยชน์ในกรณีที่ผู้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตไม่สามารถใช้คืนได้
-
จะจ่ายให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ในกรณีที่ผู้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตปฏิบัติผิดสัญญาต่อผู้รับผลประโยชน์
ข. Transferable
L/C (เลตเตอร์ออฟเครดิตที่โอนสิทธิได้) คือเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ผู้รับผลประโยชน์สามารถขอให้ธนาคาร
โอนสิทธิ์ในเลตเตอร์ออฟเครดิต ให้กับผู้รับผลประโยชน์คนที่ 2 ได้
ค. Revolving
L/C (เลตเตอร์ออฟเครดิตหมุนเวียน) คือเลตเตอร์ออฟเครดิตที่มีเงื่อนไขไว้ว่าเมื่อได้มีการใช้ผลประโยชน์จากเลตเตอร์ออฟเครดิตไปเท่าไรแล้วจำนวนที่ใช้ไปแล้วนั้นจะมีผลใช้ได้อีกจนกว่า
เลตเตอร์ออฟเครดิต จะหมดอายุหรือตามจำนวนครั้งที่ระบุไว้ในลตเตอร์ออฟเครดิต
ง. Back-to-Back
L/C (เลตเตอร์ออฟเครดิตหมุนเลนเตอร์ออฟเครดิต) คือการนำเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ผู้ซื้อในต่างประเทศเปิดมาเพื่อสั่งซื้อสินค้าไปสนับสนุนการขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคาร
เพื่อสั่งซื้อสินค้าจากประเทศที่ 3 ส่งไปให้
จ. Red
Clause L/C (เลตเตอร์ออฟเครดิตให้เบิกเงินล่วงหน้าได้) คือ
เลตเตอร์ออฟเครดิตที่มีเงื่อนไขระบุว่า
ให้ผู้รับผลประโยชน์มีสิทธิเบิกล่วงหน้าจากเลตเตอร์ออฟเครดิตได้บางส่วนหรือทั้งหมด
เงื่อนไขดังกล่าวจะพิมพ์ด้วยหมึกสีแดง จึงเรียกว่า Red Clause L/C
ในการทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
วิธีการชำระเงินระหว่าประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องมีความรู้
ความเข้าใจอย่างถ่องแท้และต้องระมัดระวังอย่างมากโดยเฉพาะรายละเอียดในเอกสาร
เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาในการค้า