ปฏิบัติการถ่ายลำกลางอ่าวไทย - LIGHTERING OPERATION
ปฏิบัติการถ่ายลำกลางอ่าวไทย -
LIGHTERING OPERATION
โดย พรานทะเล
กว่าจะมาเป็นน้ำมันที่ใช้เติมรถ, เรือหรือเครื่องบิน เพื่อให้เราเดินทางได้สะดวก
หรือใช้กับเครื่องจักรตามอุตสาหกรรมต่างๆ นั้นมีที่มาที่ยาวไกลและขั้นตอนต่างๆ
ที่ซับซ้อนมากมาย ซึ่งน้ำมันเหล่านี้ถ้าย้อนกลับไปต้องผ่านกระบวนการกลั่น
ผ่านการขนส่งมาจากแห่งผลิตผ่านการขุดเจาะ และการสำรวจหาแหล่งน้ำมันดิบ
น้ำมันดิบ (Crude Oil)
เป็นวัตถุดิบหลักเบื้องต้นที่เรานำมาจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง
อินโดนิเซีย จีน เพื่อเข้าโรงกลั่นในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีโรงกลั่นอยู่หลายโรง เช่น
โรงกลั่นบางจาก โรงกลั่นระยอง โรงกลั่นสตาร์ โรงกลั่นไทยออยล์ และโรงกลั่นเอสโซ่
ซึ่งมีกรรมวิธีในการนำน้ำมันดิบมาสู่โรงกลั่นที่แตกต่างกันไป
น้ำมันดิบที่นำมาจากตะวันออกกลาง เช่น โอมาน, ชาอุดิอาระเบีย ฯลฯ
ล้วนต้องใส่เรือขนาดใหญ่มาทั้งสิ้น เพื่อประหยัดค่าขนส่ง
เรือที่นำน้ำมันดิบจากแหล่งดังกล่าวนี้ เรียกว่า เรือขนาด
VLCC (Very Large Crude Oil Carrier)
มีขนาดบรรทุกได้ประมาณไม่เกิน 3 แสนตัน หรือขนาด ULCC
(Ultra Large Crude Oil Carrier)
ซึ่งบรรทุกได้มากกว่า 3 แสนตันต่อเที่ยว ซึ่งโดยทั่วๆไปเราจะใช้ขนาด VLCC
เนื่องจากความลึกในอ่าวไทยมีขีดจำกัด
เรือ VLCC ที่ขนน้ำมันมาส่งให้โรงกลั่นในเมืองไทยมีขนาดประมาณ 2 แสน 7
หมื่นตัน หรือประมาณ 300 ล้านลิตรต่อเที่ยว เรือ VLCC นี้จะมีความยาวประมาณ
340 เมตร กว้างประมาณ 50 เมตร และส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำหรือกินน้ำลึกประมาณ 22 เมตร
ถ้าเราลองจินตนาการขนาดของเรือ VLCC ก็คงขนาดสนามฟุตบอลสองถึงสามสนามต่อกัน
ส่วนที่จมลงใต้น้ำก็ประมาณตึก 5 ชั้น
ส่วนที่เป็นโครงสร้างเหนือน้ำจะสูงขึ้นไปในอากาศอีกประมาณ 50 เมตร
ซึ่งเท่ากับตึกประมาณ 15 ชั้น การนำเรือใหญ่ขนาด VLCC
ก็เท่ากับการอยู่บนตึกขนาด 10 ชั้น ยาวขนาด 2 สนามฟุตบอล มีน้ำหนักประมาณ 3 แสนตัน
วิ่งในทะเลซึ่งเรือขนาดนี้จะมีแรงเฉื่อยสูงมาก นั้นหมายถึงเรือความเร็วปกติประมาณ
15 น็อต หรือ 25 กม.ต่อชั่วโมง
เมื่อหยุดเครื่องจะมีแรงเฉื่อยให้เรือลอยต่อไปอีกมากกว่า 4 กม. จึงจะหยุดนิ่งได้
ผู้ที่จะนำเรือ VLCC
จะต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเยี่ยมจึงจะควบคุมเรือให้ได้อย่างต้องการ
เนื่องจากความใหญ่ของเรือ VLCC
จึงทำให้ไม่สามารถจะเข้าสูบถ่ายน้ำมันให้กับโรงกลั่นเอสโซ่ ทั้งขนาดของทุ่นรับเรือ,
ความลึกของน้ำ บริเวณเกาะสีชังด้านใน
ตลอดทั้งความยุ่งยากในการนำเรือในน่านน้ำที่จำกัด
จึงต้องมีการปฏิบัติการถ่ายลำจากเรือ VLCC ดังกล่าวให้กับเรือเล็กกว่า คือ
ขนาด MST (Medium size Tanker) ซึ่งมีขนาดประมาณ 1 แสนตัน (120 ล้านลิตร)
ซึ่งก็ไม่เล็กทีเดียว แต่ยังสามารถเข้าท่าของได้ (เรือขนาด 1
แสนตันจะมีความยาวประมาณ 250 เมตร กินน้ำลึกประมาณ 17 เมตร)
นั้นหมายถึงการสูบถ่ายถึง 3 เที่ยวของเรือ MST จึงทำให้เรือ VLCC
หมดลำได้
การปฏิบัติการถ่ายลำนั้นเราเรียกว่าการทำ Lightering หรือ Lightening จะขอเรียกเรือ
VLCC ว่าเรือแม่ (Tanker to be lightered) และเรือ MST ว่าเรือลูก (Lightening
tanker) ซึ่งจะทำการถ่ายลำกันกลางอ่าวไทยที่มีความลึกของน้ำเพียงพอ คือ
บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขัน ห่างชายฝั่งประมาณ 90 กิโลเมตร
เรือที่ขนน้ำมันทั้งเรือแม่และเรือลูกจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพด้านความปลอดภัยของเรือจากบริษัทผู้จ้างเรือ(Charterer)
ว่ามีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ คือ ต้องมีความปลอดภัยในการปฏิบัติการถูกด้าน เช่น
มีอุปกรณ์การเดินเรือและวิธีการอย่างดี มีคนที่มีความรู้ความสามารถทำงานในเรือ
มีอุปกรณ์และวิธีการป้องกันความปลอดภัยต่างๆ ของเรือ และชีวิตคนในเรือเพียงพอ
มีอุปกรณ์และวิธีการป้องกันด้านสิ่งแวดล้อม (น้ำมัน, ขยะ, ของเสีย ฯลฯ) ดีเพียงพอ
นี่คือตัวอย่างเล็กน้อยในการคัดเลือกเรือที่จะเข้ามาใช้การขนส่งน้ำมันให้กับบริษัทผู้จ้าง(Chaterer)
ที่มองเห็นคุนค่าของความปลอดภัย
ทำให้มั่นใจในเบื้องต้นก่อนว่าเรือที่ขนน้ำมันเข้ามามีมาตรฐานพอ
ในการนำเรือใหญ่ขนถ่ายน้ำมันกันกลางทะเลนั้นมีขั้นตอนของคุณภาพหลายด้าน
คือจะต้องมีผู้ชำนาญการพิเศษในการนำเรือขนาดใหญ่ทั้งสองลำเข้าเทียบกันกลางทะเล
ซึ่งเรียกว่า Lightering Master
การจะมาทำหน้าที่นี้จะต้องมีประสบการณ์ในการเป็นกัปตันเรือน้ำมัน
และผ่านการฝึกอบรมด้านการนำเรือใหญ่และปฏิบัติการสินค้าจากโรงเรียนหลักสูตรพิเศษที่ประเทศอังกฤษ
และผ่านการทดสอบจาก
จากผู้ชำนาญการที่บริษัทฯ ยอมรับจึงจะเข้าทำหน้าที่ Lightering Master ได้
Ligthering Master
ผู้นี้จะต้องเตรียมการในการปฏิบัติการเทียบเรือใหญ่ โดยต้องจัดเรือเล็ก (Work boat)
สำหรับนำอุปกรณ์ต่างๆ ในการเทียบเรือไปในบริเวณปฏิบัติการ เช่น ลูกยางกันกระแทก
(Rubber Fender), ท่อสูบถ่ายน้ำมัน, อุปกรณ์กำจัดคราบน้ำมัน และอุปกรณ์ช่วยอื่นๆ
ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลและฝึกอบรมลูกเรือให้ปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อเรือและสิ่งแวดล้อม
โดย Lightering Master ผู้นี้
เมื่อเรือแม่และเรือลูกพร้อมปฏิบัติการกลางอ่าวไทยแล้ว
เรือเล็กช่วยเหลือจะนำลูกยางกันกระแทก (ขนาดเกือบเท่ารถบรรทุก) มาติดตั้งที่เรือลูก
เพื่อเป็นเบาะรองรับการกระแทกของเรือระหว่างเข้าเทียบกัน Lightering Master
ต้องตรวจความพร้อมของเรือทั้งสองลำ ซึ่งมีกัปตันเรือเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด
ซึ่งประกอบด้วยการเช็ครายการต่างๆ ให้ถูกต้องตามขั้นตอน
จึงจะเริ่มปฏิบัติการในการนำเรือเข้าเทียบต่อไปได้
เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดแล้วการนำเรือเข้าเทียบกันก็จะเกิดความเสียหายอย่างรุ่นแรงได้
เมื่อทุกอย่างพร้อม Lightering Master
ซึ่งอยู่บนเรือลูกจะสั่งการให้เรือทั้งสองลำออกเดินทางด้วยความเร็วและทิศทางที่กำหนดอย่างปลอดภัย
การนำเรือขนาดเท่าสนามฟุตบอลสองลำเข้าเทียบกันกลางทะเลต้องใช้ความรอบคอบระมัดระวังและประสบการณ์อย่างมากกว่าเรือทั้งสองจะเทียบกันเสร็จก็ใช้เวลา
3-4 ชั่วโมง ซึ่ง ถือเป็นช่วงเวลาวิกฤตของการปฏิบัติ เมื่อเรือเทียบผูกลวด (ขนาดเท่าแขนผู้ชาย)
จำนวนนับสิบเส้นให้เรือทั้งสองลำติดกันแล้วจึงลดความเร็วลงและหยุดเรือทอดสมอ
เพื่อทำการถ่ายลำต่อไป
ขั้นตอนในการเตรียมการถ่ายลำเริ่มต้นตั้งแต่การต่อท่อน้ำมันขนาดใหญ่
จำนวนสองชุดระหว่างเรือ ซึ่งต้องใช้คนที่มีความชำนาญและผ่านการฝึกอบรมมา
เนื่องจากอาจเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงานนี้ได้ มีการทดสอบการรั่วไหลของท่อทาง
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีน้ำมันรั่วไหลลงในทะเลแม้แต่หยดเดียว
การตรวจวัดถังเตรียมการท่อทางอุปกรณ์, เครื่องจักร
ภายในเรือทั้งสองลำอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ Lightering Master
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เริ่มการถ่ายลำ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมงต่อการถ่ายลำ 1
ครั้ง ซึ่งทุกขั้นตอนต้องทำตามเอกสารการสูบถ่ายที่คำนวณไว้อย่างดี
เพื่อควบคุมการทรงตัวของเรือและการป้องกันแรงกดที่จะกระทำต่อตัวเรือถึงขนาดทำให้เรือที่ใหญ่ขนาดสนามฟุตบอลหักกลางได้
เมื่อถ่ายลงเรือลูกจนเต็มลำ และถอดท่อสูบถ่ายน้ำมันออกเรียบร้อย
เรือทั้งสองก็เริ่มเตรียมการแยกจากกัน
โดยออกเดินทางให้มีความเร็วและทิศทางที่ปลอดภัย ภายใต้การควบคุมของ Lightering
Master จนให้เรือแยกจากกันอย่างปลอดภัย เรือแม่จะจอดทอดสมอกลางอ่างไทย
คอยให้เรือลูกไปสูบถ่ายน้ำมันดิบขึ้นที่โรง1กลั่นแล้วกลับมาปฏิบัติการถ่ายลำต่อจนเรือแม่หมดลำ
ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนโดยย่อของการปฏิบัติการคุณภาพ
เพื่อให้แน่ใจว่าการถ่ายลำกลางทะเลของบริษัทน้ำมันผู้จ้างเรือ(Chaterer)
จะกระทำอย่างรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมและความปลอดภัยของส่วนรวม
เพื่อนำน้ำมันเข้าสู่ขบวนการกลั่นของโรงกลั่นต่อไป
|