ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา สินค้าที่ดูแล้วขัดต่อ ศีลธรรม ประเพณี หรือกฏหมายของไทย เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

ปตท.สผ.ชี้แผน 5 ปี ทุ่มงบ 2.7 หมื่นล้าน รักษาระดับปิโตร

เริ่มโดย mrtnews, ม.ค 08, 14, 20:47:42 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

ปตท.สผ.เปิดแผนกลยุทธ์ 5 ปี (2557-2561) วงเงินรวม 27,282 ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นลงทุนนอกประเทศ 51% เตรียมเข้าซื้อกิจการในแหล่งเชลล์แก๊ส เชลล์ออยล์ในสหรัฐ รักษาระดับการเติบโตต่อเนื่อง


นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า แผนกลยุทธ์และการดำเนินงาน 5 ปี (2557-2561) ซึ่งจะใช้เงินลงทุนกว่า 27,282 ล้านเหรียญสหรัฐ จะแบ่งเป็นประมาณการรายจ่ายลงทุนจำนวน 17,532 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงานอีกจำนวน 9,750 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ไม่รวมวงเงินลงทุนในการเข้าซื้อกิจการที่จะมีดำเนินการผลิตอยู่แล้วเพื่อโอกาสทางธุรกิจ และรักษาระดับการเติบโตของรายได้ โดยเฉพาะในปี 2559 และ 2560 ที่รายได้จากการขายจะลดลงตามปริมาณการผลิตปิโตรเลียมที่ลดลง

"ความจำเป็นในการเข้าซื้อกิจการที่มีการผลิตปิโตรเลียมอยู่แล้วก็เพื่อสามารถที่จะรับรู้รายได้ได้ทันที ซึ่ง ปตท.สผ.อยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ที่จะเข้าซื้อกิจการในเชลล์แก๊ส และเชลล์ออยล์ที่สหรัฐอเมริกา โดยมีสัดส่วนหุ้นที่จะเข้าไปถือประมาณ 20% ซึ่งในนโยบายบริษัทหาก ปตท.สผ.ไม่ได้เข้าไปเป็นผู้ร่วมพัฒนาโครงการด้วย จะถือหุ้นไม่เกิน 40% โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 1-2 ปีนี้" นายเทวินทร์กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการในแหล่งปิโตรเลียมที่อยู่ในขั้นของการสำรวจนั้น มีการเจรจากับทางบริษัทบีจีที่ได้สัมปทานปิโตรเลียมในทะเลลึกของประเทศบราซิล จำนวน 4แปลง ในสัดส่วนหุ้นประมาณ 20% ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างรอให้รัฐบาลบราซิลอนุมัติ ส่วนการซื้อกิจการของบริษัทย่อยของ HessCorporation ในไทยนั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาสแรกของปี 2557 นี้

นายเทวินทร์กล่าวถึงแผนประมาณการรายจ่ายการลงทุนในช่วง 5 ปี จำนวน 17,532 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น จะแบ่งเป็นการลงทุนในประเทศเพื่อรักษาระดับการผลิตปิโตรเลียมเอาไว้ จำนวน 49% และเป็นการลงทุนนอกประเทศ 51% โดยแบ่งเป็นการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะพม่า 21% การลงทุนในอเมริกาเหนือ 16% ตะวันออกกลางและแอฟริกา 13% และการลงทุนในออสเตรเลีย 1%.

ที่มา -




ปตท.สผ.จ่อซื้อแหล่งเชลล์แก๊สในสหรัฐฯ เผยฮุบ Hess ดันยอดขาย 3.6 แสนบาร์เรล/วัน

ปตท.สผ.ตั้งเป้าปีนี้ยอดขายปิโตรเลียมโต 16% อยู่ที่ 3.37 แสนบาร์เรล/วัน หากประมูลซื้อกิจการ HESS ที่เหลือได้อีก 2แปลงจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.64 แสนบาร์เรล/วัน ส่วนงบลงทุน 5 ปีนี้ทุ่ม 2.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เน้นลงทุนในไทย 50% ของงบลงทุน แย้มสนใจลงทุนโครงการเชลล์แก๊ส/เชลล์ออยล์ในสหรัฐฯ ลั่น 1-2 ปีนี้มีความชัดเจน โดยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 20% ส่วนโครงการออยล์แซนด์ เคเคดีที่แคนาดา ต้องรีวิวแผนลงทุนทั้งหมดหลังขาดทุนยับ

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 3.37 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายปิโตรเลียม 2.92 แสนบาร์เรล/วัน มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งมอนทารา ออสเตรเลียที่ปีนี้ผลิตเพิ่มขึ้นสูงสุด 2.5 หมื่นบาร์เรล/วัน โครงการซอติก้า ที่พม่าผลิตก๊าซธรรมชาติ 300 ล้านลูกบาศ์กฟุต/วัน และโครงการ Natuna Sea A ที่อินโดนีเซีย

ทั้งนี้ หากบริษัทฯ เป็นผู้ชนะประมูลซื้อสินทรัพย์บริษัทย่อย Hess Corporation ในไทยที่ถือหุ้นในแหล่งภูฮ่อมและแหล่งไพลิน และกิจการ Hess ในแปลง Pangkah อินโดนีเซีย ส่งผลให้ปริมาณการขายปิโตรเลียมปีนี้ขยับเพิ่มเป็น 3.64 แสนบาร์เรล/วัน
ตามแผนปริมาณการขายปิโตรเลียม 5 ปีนี้ พบว่าปี 2559 ปริมาณการขายปิโตรเลียมจะลดลงมาอยู่ที่ 3.44 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากโครงการมอนทาราที่ออสเตรเลียและที่เวียดนาม ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันดิบจะผลิตได้น้อยลง ทำให้บริษัทฯ ต้องซื้อกิจการใหม่เพื่อให้บริษัทฯ ยังมีการเติบโตอยู่

"ไม่เกิน 10 วัน ก๊าซฯ จากแหล่งซอติก้าที่พม่าจะเข้าแท่นฯ และคาดว่าจะส่งไปป้อนขายยังพม่าเดือน ก.พ.นี้ และ เม.ย.จะเข้าตลาดในไทย ซึ่งเป็นตามแผนงานที่วางเอาไว้ ส่วนแหล่ง Pangkah ที่ได้ยื่นประมูลนั้นคงรอว่าพันธมิตรเดิมของ Hess จะใช้สิทธิซื้อหุ้นดังกล่าวหรือไม่ภายใน 60 วันข้างหน้า เช่นเดียวกัน Hess ในไทยคาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 1/2557"

นายเทวินทร์กล่าวถึงงบลงทุน 5 ปีของบริษัทฯ (2557-2561) ว่า บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 27,282 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในไทยและต่างประเทศ แบ่งเป็นการลงทุนในไทย 49% เพื่อคงปริมาณการผลิตในไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 21% อเมริกาเหนือ 16% และออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและแอฟริกา 14% โดยรายจ่ายการลงทุนดังกล่าวยังไม่รวมประมาณการเงินลงทุนที่บริษัทฯ อาจต้องใช้เพิ่มในการซื้อกิจการ

ซึ่งงบลงทุน 5 ปีนี้จะสูงขึ้นกว่างบลงทุน 5 ปีเดิมที่อยู่ที่ 24,641 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากรวมการลงทุนพัฒนาโครงการโมซัมบิก โครงการนาทูน่า ที่อินโดนีเซีย และแหล่ง M3 ที่พม่าเข้ามาด้วย โดยปีนี้บริษัทฯ จะใช้งบลงทุนรวม 5.50 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อมุ่งเน้นรักษาระดับการผลิตและเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น

"การซื้อกิจการอื่นๆ ในขณะนี้บริษัทฯ ได้ชะลอไว้ก่อน เพื่อรอผลสรุปการซื้อกิจการจาก Hess ทั้ง 2 แปลง ซึ่งหากล่าช้าก็คงต้องมองโอกาสการลงทุนโครงการอื่นๆ โดยเฉพาะโครงการผลิตน้ำมันและก๊าซฯ ในชั้นหินดินดานในอเมริกาเหนือ"

นายเทวินทร์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ สนใจเข้าไปลงทุนแหล่งผลิตน้ำมันและก๊าซในชั้นหินดินดาน (SHALE GAS/SHALE OIL) ที่สหรัฐฯ เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ คาดว่าภายใน 1-2 ปีนี้จะมีโอกาสเข้าไปร่วมลงทุน โดยจะถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20%

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมทุนโครงการผลิตน้ำมันดิบที่ทะเลน้ำลึก ประเทศบราซิล จำนวน 4 แปลง ซึ่งจะร่วมทุนกับบริษัทบีจี จากอังกฤษ

"การซื้อกิจการในอนาคตนี้ บริษัทฯ ไม่มีนโยบายที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากได้เพิ่มทุนจดทะเบียนไปเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทฯ ยังมีศักยภาพในการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วต่ออัตราการผลิตไม่ต่ำกว่า 10 ปีจากปัจจุบันอยู่ที่ 7 ปี"

ส่วนแหล่งแคนาดา ออยล์แซนด์ เคเคดี ซึ่งเป็นการผลิตน้ำมันจากทรายที่ประเทศแคนาดานั้น ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการทบทวนแผนลงทุนทั้งหมด โดยขอให้สแตทออยล์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนรายใหญ่เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการลดต้นทุนการผลิตลง เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีต้นทุนการผลิตสูงเมื่อเทียบกับเชลล์ออยล์ ทำให้โครงการดังกล่าวประสบปัญหาการขาดทุนมาโดยตลอดนับตั้งแต่ ปตท.สผ.เข้าไปลงทุนเมื่อปี 2553

ปัจจุบันแหล่งแคนาดา ออยล์แซนด์ เคเคดี มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.6 หมื่นบาร์เรล/วัน และมีแผนจะต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาแหล่งใหม่ ทำให้บริษัทฯ ต้องหันมารีวิวแผนการลงทุนทั้งหมดใหม่หรืออาจจะต้องขายหุ้นออกไปจากปัจจุบันที่ ปตท.สผ.ถือหุ้นอยู่ 40% แล้วแต่ความเหมาะสม คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 2557

นายเทวินทร์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมปิดกรุงเทพฯ ของ กปปส. ในวันที่ 13 ม.ค. 57 นี้ โดยใช้แผนงานการบริหารงานต่อเนื่อง (BCM) มาบริหารงาน โดยในส่วนของการผลิตและสำรวจปิโตรเลียมจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากแหล่งปิโตรเลียมอยู่ต่างจังหวัด แต่ในส่วนของการติดต่อด้านการเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นบริษัทฯ ได้มีพัฒนาระบบมารองรับไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานที่อาคารเอ็นโก้ก็ตาม

ที่มา -