ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา สินค้าที่ดูแล้วขัดต่อ ศีลธรรม ประเพณี หรือกฏหมายของไทย เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

สกู๊ปพิเศษ ท่อแตก น้ำมันดิบ 50 ตัน ทะลักลงทะเลระยอง ใครเสียหายบ้าง..

เริ่มโดย mrtnews, ก.ค 31, 13, 20:02:12 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

สรุปเหตุการณ์น้ำมันดิบ 50 ตัน ไหลทะลักลงทะเลระยอง ไม่ว่าเหตุเกิดจากความประมาทหรืออุบัติเหตุ แต่สุดท้ายมีผลกระทบเดียวกันคือ สิ่งแวดล้อม ชายหาด โขดหิน สัตว์ทะเล ปะการัง ชาวบ้าน การท่องเที่ยว กลายสภาพเป็นสีดำทมิฬไปแล้ว


โดย เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 06.50 น. ของวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2556 ขณะที่เรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ชื่อ MARAN PLATO สัญชาติอิตาลี ขนาดบรรทุก 140,000 ตันกรอส ที่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง กำลังถ่ายน้ำมันดิบผ่านทุ่นรับน้ำมันดิบที่อยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร  มายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง แต่จู่ๆท่อยางรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้ว ช่วงระหว่าง กม.ที่ 19-20  ได้เกิดปริแตก ทำให้น้ำมันดิบรั่ว

ทันทีที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้รับการรายงานจากห้องควบคุมว่าได้เกิดเหตุแรงดันผิดปกติ และอ่อนลง ได้สำรวจพบมีน้ำมันรั่วไหลออกมา จึงสั่งให้หยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ด้วยการปิดวาล์วทันทีเพื่อไม่ให้มีการรั่วเพิ่ม  และได้นำทุ่นกักน้ำมัน (boom) กักคราบน้ำมันไว้และใช้เครื่องมือเก็บคราบน้ำมัน oil skimmer เก็บคราบน้ำมันขึ้นไปเก็บในภาชนะบนเรือ  พร้อมกับรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ จากนั้น  บริษัทได้ใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน 4 ลำพร้อมน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน  35,000 ลิตร

นอกจากนี้ยังใช้เรือสนับสนุน SC Management   3 ลำ ประกอบด้วย เรือ RS20, RS32 และ RS33 เพื่อวิ่งวนให้น้ำมันทำปฏิกิริยากับน้ำยาขจัดคราบน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ  และใช้ทุ่นกั้น (Boom) ความยาว 200 เมตรเพื่อจำกัดวงการแพร่กระจายของคราบน้ำมันเพื่อให้ง่ายต่อการขจัดคราบและประสานงานขอคำแนะนำจากหน่วยงานขจัดคราบน้ำมันสากล (Oil Spill Response) ณ ประเทศสิงคโปร์  ซึ่งขณะนี้กำลังส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้คำแนะนำโดยทันทีขณะที่ พลเรือโท รุ่งศักดิ์ เสรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตระเวนเพื่อดูทิศทางคราบน้ำมันด้วย

สุดท้ายเมื่อไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เนื่องกำลังลม คลื่น รุนแรงเป็นอุปสรรคในการปฎิบัติงาน จึงได้สั่งให้เครื่องบินขจัดคราบน้ำมันของ บริษัท ออยล์ สปิลเรสปอนส์ จำกัด (Oil Spill Response Limited) เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ มาบินพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันเช้าวันที่ 28 กรกฎาคม  ควบคู่ไปกับการใช้เรือพ่นน้ำยา นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อติดตามตรวจสอบและวิเคราะห์น้ำทะเลในบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อให้มั่นใจว่าจะขจัดคราบน้ำมันได้หมดโดยจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล

นายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก  กล่าวว่า กรณีเหตุท่อรับน้ำมันดิบของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC แตก น้ำมันดิบ รั่วไหลกลางทะเล  อยู่ระหว่างการประสานงานและหารือร่วมกับกลุ่มชาวบ้าน ชาวประมง และกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำการประเมินผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อยื่นฟ้องต่อศาล ขอให้มีคำสั่งให้ PTTGC ชดเชยค่าเสียหาย ทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรทางทะเล รวมทั้งความเสียหายที่เกิดจากการสูญเสียโอกาสและรายได้ในการประกอบอาชีพ ซึ่งอยู่ระหว่างประเมินมูลค่าความเสียหาย  ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ลุกลามไปเรื่อยๆ PTTGC ไม่สามารถควบคุมการแพร่ขยายของคราบน้ำมันในทะเลได้ เนื่องจากคราบน้ำมันดิบที่รั่วไหลลงทะเลมากถึง 50 ตัน และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูมรสุม ทำให้คราบน้ำมันแพร่กระจายออกเป็นบริเวณกว้าง จนพัดเข้าฝั่งบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวประมง ไม่สามารถออกเรือหาปลาได้ ในขณะที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับ รวมทั้งยกเลิกทัวร์และที่พัก

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่าได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องหน่วยงานภาครัฐให้แสดงความรับผิดชอบโดยการเป็นตัวแทนประชาชนในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก PTTGC ตาม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม 2535 มาตรา 96 และมาตรา 97 โดยเงินค่าเสียหายให้นำไปจัดตั้งกองทุนดูแล ชดเชย อาชีพของชาวประมง และธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งหากภายใน 7 วัน ภาครัฐยังไม่ดำเนินการใดๆ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจะยื่นฟ้องคณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน (กปน.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง ในข้อหากระทำผิดตามมาตรา9 (3) แห่ง พ.ร.บ.การจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณามาตรการปกครอง พ.ศ.2542 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่ดำเนินการฟ้องร้องค่าเสียหายต่อ PTTGC โดย คณะกรรมการ กปน. มีรมว.คมนาคมเป็นประธานคณะกรรมการโดยตำแหน่ง และมีอธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นเลขาธิการ

ซึ่งจะสามารถเก็บกู้น้ำมันได้หมดหรือไม่ ใช้เวลากี่วัน และเสียหายไปทั้งหมดมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งจะมีใครออกมารับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไปชนิดวันต่อวัน.

ที่มา -





แถลงการณ์ ความคืบหน้าเหตุท่อรับน้ำมันดิบ PTTGC รั่วในทะเล จ.ระยอง

ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้ว รั่วที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายัง โรงกลั่นน้ำมันของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จากัด (มหาชน) เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 27 กรกฎาคม 2556 นั้น


นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จากัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการสกัดกั้นและกาจัดคราบน้ำมันที่รั่วจากระบบท่อรับน้ำมันดิบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเล โดยคานึงถึงความรวดเร็วและปลอดภัยในการดำเนินงาน รวมทั้งการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้กลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างดีที่สุด

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2556 เวลาประมาณ 22.00 น. ได้พบว่า มีคราบน้ำมันบางส่วนไปถึงบริเวณชายหาดเกาะเสม็ด ซึ่งบริษัทฯได้จัดส่งทีมเฝ้าระวังเข้าไปในพื้นที่โดยทันที จนถึงเช้าวันนี้ (29 กรกฎาคม2556) บริษัทฯ ได้กั้นบูมเพื่อจำกัดบริเวณการแพร่กระจายของน้ำมัน โดยมีทีมงานของบริษัทฯ จานวน 200 คน สมทบกับทหารจากกองพันทหารราบที่ 7 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประสานขอกำลังมาทาการเก็บคราบน้ำมันให้ได้มากที่สุด โดยบริษัทฯ จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างดีที่สุด ในการเก็บคราบน้ำมันและลดผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด พร้อมกันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

โดยในวันนี้ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง คุณวิชิต ชาตไพสิฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุณวิเชษฐ์ เกษมทองศรี ได้เดินทางไปดูสถานการณ์ในพื้นที่ด้วยตนเอง นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ได้ให้นโยบายแก่บริษัทฯ ในการเร่งดาเนินการกาจัดคราบน้ำมัน พร้อมทั้งดูแลรับผิดชอบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

สาหรับมาตรการเพิ่มเติมในขณะนี้คือ การวางบูมที่หัวและท้ายอ่าวพร้าวเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันกระจายออกไปนอกอ่าว พร้อมทั้งให้เรือทาการฉีดน้ายาสลายคราบน้ามันเพิ่มเติมที่กลุ่มน้ำมันที่ลอยอยู่หน้าอ่าวขามและอ่าวน้อยหน่า อีกด้วย นอกจากนี้บริษัทกาลังส่งเครื่องมือดักจับคราบน้ำมัน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จาเป็นสาหรับเก็บคราบน้ามันไปเพิ่มเติมให้กับทีมงานที่กาลังขจัดคราบน้ำมันอย่างสุดความสามารถ ซึ่งบริษัทจะดาเนินการอย่างดีที่สุดเพื่อขจัดคราบน้ำมันให้หมดไปให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งจะให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างดีที่สุดทั้งในการขจัดคราบน้ำมันและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมต่อไป สาหรับความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน

นายอนนต์ กล่าวว่า บริษัทฯ จะทุ่มเทกำลังและทรัพยากรในการกอบกู้สภาพแวดล้อมให้คืนสู่สภาพเดิม และบริษัทฯ จะรับผิดชอบดำเนินการให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

ที่มา -