สัมปทานรอบ 21 ระบบ "Thailand III Plus"

[mrtnews]

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21รวม 29 แปลง ในพื้นที่บนบกและในทะเลอ่าวไทย เพื่อให้เอกชนที่สนใจยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ก่อนหน้าที่จะเปิดสัมปทานดังกล่าวได้รับฟังความเห็นจากประชาชนและผู้เกี่ยว ข้องถึงเงื่อนไขและผลประโยชน์ระหว่างภาครัฐและเอกชน สัมปทานครั้งนี้จะอยู่ภายใต้ ระบบไทยแลนด์ทรีพลัส(Thailand III Plus) ที่ได้ "เพิ่มเติม"ผลประโยชน์จากระบบไทยแลนด์ทรีที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2532 คือ

1) การเก็บค่าภาคหลวงในอัตราร้อยละ 5 - 15 จากรายได้การขายปิโตรเลียม

2) เก็บเงินภาษีเงินได้ร้อยละ 50 จากกำไร

3) การเรียกเก็บเงินผลตอบแทนพิเศษ หรือ Special Remunerratory Benefit (SRB) เมื่อมีกำไรหลังคืนทุนแล้ว หรือเมื่อน้ำมันดิบมีราคาสูงตามหลักเกณฑ์ที่รัฐกำหนด

4) การสนับสนุนเงินเพื่อการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่น แบ่งเป็นช่วงสำรวจได้ไม่น้อยกว่าปีละ 1 ล้านบาท และช่วงผลิตไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านบาท

5) เสนอให้บริษัทไทยเข้าร่วมประกอบกิจการในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 และที่สำคัญต้องใช้สินค้าและบริการในประเทศก่อนเป็นอันดับแรก

นอกจากนี้ กรมเชื้อเพลิงฯยังได้เพิ่มการจัดเก็บผลประโยชน์เพิ่มเติมใน 2 ส่วน คือ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียม หรือ Signature Bonus เมื่อได้มีการลงนามกับเอกชนที่ได้รับสัมปทาน ไม่ว่าจะสำรวจพบหรือไม่ก็ตาม และยังเรียกเก็บผลประโยชน์เพิ่มเติม เมื่อผู้รัสัมปทานสามารถผลิตได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด หรือ Production Bonus

ทั้ง นี้ กรมเชื้อเพลิงฯคาดการณ์ว่า หากสัมปทานปิโตรเลียมทั้ง 29 แปลง มีผู้มายื่นขอ "ทุกแปลง" จะทำให้เกิดการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานในธุรกิจสำรวจและผลิต รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20,000 อัตรา สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ตามการประเมินศักยภาพเบื้องต้นที่มีโอกาสพบก๊าซธรรมชาติราว 1-5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และน้ำมันดิบในระดับ 20-50 ล้านบาร์เรล

ที่มา -