ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

รัฐบาลอิตาลีก็ตัดสินใจออกมาตรการคืน "คลอง" ให้ "เวนิส"

เริ่มโดย mrtnews, พ.ย 21, 13, 19:10:21 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

โดย : ลิเวอร์ เบิร์ด

หลังจากชาวเมืองเวนิสมีการเรียกร้องและต่อสู้มาเป็นเวลานานในการที่จะพยายามปกป้องรักษามนต์เสน่ห์ของสายน้ำแห่งเวนิส ในที่สุดรัฐบาลอิตาลีก็ตัดสินใจออกมาตรการจำกัดการสัญจรของเรือสำราญขนาดใหญ่ในคลองเวนิสแล้ว


สำหรับมาตรการใหม่ของเมืองเวนิสครั้งนี้ทางเมืองจะมีการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยให้เรือท่องเที่ยวขนาดยักษ์รุกรานเข้ามาจัตุรัสกลางเมือง โดยตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2014 เป็นต้นไป จะมีการจำกัดการสัญจรของเรือครุยส์ที่บริเวณด้านหน้าของจัตุรัสเซนต์มาร์ค

โดยจะอนุญาตให้เรือที่มีขนาดใหญ่กว่า 40,000 ตัน เข้ามาที่คลองจูเดคก้า ซึ่งเป็นคลองที่นำไปสู่จัตุรัสเซนต์มาร์คได้วันละไม่เกิน 5 ลำ ซึ่งจะช่วยให้ลดจำนวนลงได้ร้อยละ 20 จากจำนวนทั้งหมดในปี 2012 และต้องจอดนิ่งตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตก และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีหน้า เรือขนาดใหญ่ที่หนักมากกว่า 96,000 ตันทั้งหมดจะถูกห้ามไม่ให้แล่นเข้ามายังคลองจูเดคก้าเลย

ก่อนหน้านี้ชาวเมืองเวนิสและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่างออกมาประท้วงและแสดงความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเมืองที่มีโครงสร้างอันเปราะบางแห่งหนึ่งของโลก อันเนื่องมาจากปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นของเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ พวกเขาบอกว่าเรือท่องเที่ยวเหล่านั้นกำลังทำอันตรายต่อเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้เพราะเรือทำให้กระแสน้ำกัดเซาะฐานรากของอาคาร มีส่วนทำให้เกิดมลพิษรวมถึงมีผลกระทบต่อภูมิทัศน์ของเมืองในขณะที่เรือแล่นเข้ามาจอดจนบดบังความสวยงามของโบราณสถานของเมือง

มาตรการดังกล่าวเป็นผลมาจากการประชุมร่วมกันของเอ็นริโก เล็ตตา นายกรัฐมนตรีอิตาลี กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการขนส่งและวัฒนธรรม ผู้ว่าการแคว้นเวเนโตและนายกเทศมนตรีของเมืองเวนิสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบอนุมัติแผนการจำกัดหรือปิดการจราจรของเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่จะแล่นเข้ามายังพื้นที่บางส่วนของคลองเวนิสรวมทั้งการจำกัดการนำเรือเข้าเทียบท่าใกล้จัตุรัสเซนต์มาร์คกลางเมือง

"ในที่สุด แนวโน้มของการส่งเสริมเรือขนาดยักษ์ให้แล่นเข้ามายังคลองเวนิสก็ต้องถูกทบทวน ตอนนี้มีปริมาณเรือขนาดใหญ่ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนเรามากเพียงพอแล้ว แถมบางลำยังสามารถจอดห่างจากเซนต์มาร์คเพียงไม่กี่เมตร ต่อไปนี้จะมีการออกข้อจำกัดที่ชัดเจนสำหรับขนาดของเรือที่จะสามารถแล่นเข้ามายังเวนิสได้" จิออร์จิโอ ออร์โซนี่ นายกเทศมนตรีเมืองเวนิสกล่าวระหว่างการแถลงข่าว

ปัจจุบันเรือท่องเที่ยวสามารถแล่นเข้ามาจอดได้ถึงจุดตัดกันของทางแยกเข้าคลองจูเดคก้าและคลองแกรนด์ ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ห่างจากจัตุรัสเซนต์มาร์คเพียง 300 เมตร ภาพที่ขัดแย้งกันของเรือสำราญอันทันสมัยกับมหาวิหารเซนต์มาร์คสมัยศตวรรษที่ 11 เป็นสิ่งชี้หรือสะท้อนถึงปัญหาของเวนิสกับเรือท่องเที่ยวได้เด่นชัดที่สุด

อย่างไรก็ตาม มาตรการใหม่นี้ไม่ได้หมายความว่าเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่จะถูกแบนจากการแล่นเข้าเมือง เวนิสอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบวิธีการอนุญาตรวมถึงต้องมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ด้วย เพราะในขณะที่เรือขนาดใหญ่ถูกจำกัดไม่ให้เข้าไปที่คลองจูเดคก้า ทางเมืองจึงมีแผนที่จะสร้างช่องทางเดินเรือใหม่ไปยังสถานีจอดเรือหลักของเกาะซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างเป็นเวลา 2 ปี

เพนนี กาย เจ้าหน้าที่ของสมาคมเดินเรือระหว่างประเทศ (CLIA) กล่าวสนับสนุนมาตรการใหม่ครั้งนี้ว่า น่าจะเป็นสัญญาณและความมุ่งมั่นเชิงบวกของรัฐบาลอิตาลีและเมืองเวนิสในการที่จะหามาตรการระยะยาวที่ยั่งยืนในการแก้ปัญหาของเมือง

เธอบอกว่า เป้าหมายนี้เป็นเป้าหมายร่วมกันของอุตสาหกรรมการเดินเรือ โดยตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาถึงผลกระทบของการตัดสินใจต่อไปหลังจากที่มีการประเมินผลขั้นต้นไปแล้ว


"เวนิสเป็นเมืองที่ถูกจัดอันดับให้เป็นจุดหมายปลายทางของการล่องเรืออันดับหนึ่งในยุโรปมาโดยตลอด พวกเรามุ่งหวังที่จะเสริมสร้างบทบาทของอุตสาหกรรมการเดินเรือให้เข้มแข็งในฐานะผู้มีส่วนสำคัญในการสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจให้กับเวนิส" เพนนีกล่าว

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการจัดประท้วงเรื่องนี้โดยใช้คนราว 50 คน ใส่ชุดดำน้ำลงไปแหวกว่ายอยู่กลางคลองและทำเป็นโล่มนุษย์ป้องกันไม่ให้เรือจำนวน 12 ลำ แล่นไปข้างหน้าได้ ส่งผลให้การจราจรในน้ำติดขัดราวหนึ่งชั่วโมง

ความกังวลเกี่ยวกับภัยอันตรายจากเรือขนาดยักษ์ที่มีต่อเมืองเวนิสส่วนหนึ่งมาจากโศกนาฏกรรมเรือสำราญคอสตา คองคอร์เดียที่หนักถึง 114,500 ตัน ที่ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนแนวหินโสโครกจนเรือจมลงครึ่งลำเมื่อต้นปี 2012 และคร่าชีวิตนักท่องเที่ยวไป 32 คน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใกล้เกาะจีลโญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่เกาะทัสคานี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี ปฏิบัติการณ์กู้เรือลำนี้ให้กลับมาตั้งตรงได้อีกครั้งเพิ่งจะสำเร็จเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ที่มา -