ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

เรือบรรทุกกากน้ำมัน 3-6 หมื่นลิตร จมปากอ่าวมหาชัย ปูทะเล-ปลากระชังติดคราบน้ำมัน

เริ่มโดย mrtnews, เม.ย 09, 14, 20:25:34 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

วันที่ 8 เมษายน 2557 ว่าที่ร้อยตำรวจโทอาทิตย์ บุญญะโสภัต ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ลงเรือตรวจการณ์ของกรมทรัพยากรทางทะเล เพื่อออกไปตรวจติดตามสถานการณ์เรือบรรทุกกากน้ำมันจมลงบริเวณปากอ่าวมหาชัย ห่างจากชายฝั่งทะเลตรงปากคลองประมงพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ไปประมาณ 3-4 กิโลเมตร


ซึ่งเมื่อเรือตรวจการณ์ไปถึงพบว่า มีเรือของกรมเจ้าท่าโดยนายสุรชัย บุรพานนทชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร กำลังให้เจ้าหน้าที่ฉีดพ่นสารลดแรงตึงผิวลงบนพื้นผิวทะเลที่มีคราบน้ำมันลอยอยู่อย่างประปราย ซึ่งสารนี้จะช่วยทำให้คราบน้ำมันที่จับเป็นก้อนสีดำนั้น เกิดการแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ และจะถูกย่อยสลายไปโดยแสงแดด นอกจากนี้ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร มีเรือบรรทุกน้ำมันเก่า(กากน้ำมัน) ลอยอยู่ 1 ลำ กำลังพยายามกู้เรือบรรทุกน้ำมันเก่า) ที่จมอยู่ใต้ท้องทะเลลึกประมาณ 6.5 เมตร และมีการนำลูกยางมาล้อมรอบไว้เพื่อกั้นไม่ให้คราบน้ำมันกระจายลอยออกไปบริเวณด้านนอก

เบื้องต้นนายสุรชัย บุรพานนทชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรือบรรทุกกากน้ำมันที่จมลงและยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาได้ว่า เรือลำดังกล่าวเป็นเรือของคนไทย มีความยาวประมาณ 16 เมตร กว้าง 4.5 เมตร และความลึกของเรือ 1.8 เมตร บรรทุกกากน้ำมันมาประมาณ 3 – 6 หมื่นลิตร โดยกากน้ำมันเหล่านี้ทางเรือลำที่เกิดเหตุได้รับมาจากเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ จากนั้นก็กำลังมุ่งหน้าเข้ามาเพื่อจะเทียบท่าที่จังหวัดสมุทรสาคร แล้วก็จะนำกากน้ำมันทั้งหมดถ่ายเทไปขึ้นรถบรรทุก จากนั้นจะนำไปส่งให้กับบริษัทรีไซเคิล ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ  หรือไม่ก็จังหวัดสระบุรี เพื่อทำการรีไซเคิลและนำกลับไปใช้ใหม่ โดยจากการสอบถามลูกเรือที่มีอยู่ 5 คนนั้น บอกเพียงแค่ว่าสาเหตุที่เรือจมลงก็เพราะมีน้ำเข้าห้องเครื่อง แต่จะเข้ามาจากทางใดหรือจุดที่น้ำเข้าอย่างแน่ชัดนั้นยังไม่มีใครยอมให้ข้อมูล แต่หลังจากที่ลูกเรือเห็นว่าเรือกำลังจะจมลงก็ได้ทำการปิดวาล์วน้ำมันก่อน จากนั้นก็คาดว่าน่าจะมีการประสานไปยังบนฝั่งเพื่อแจ้งให้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีเรือจากบนฝั่งมาช่วยเหลือลูกเรือทั้ง 5 คนได้อย่างปลอดภัย ส่วนวิธีการที่จะกู้เรือบรรทุกกากน้ำมันที่จมอยู่ใต้ทะเลลึกประมาณ 6.5 เมตรขึ้นมานั้น ก็คือ ใช้ถังน้ำมันเปล่าใส่เข้าไปในห้องเครื่อง เพื่อให้ถังน้ำมันเปล่าเข้าไปแทนที่น้ำ ซึ่งก็จะทำเรือก็จะเบาและยกตัวลอยขึ้นมาได้เอง ขณะที่ในส่วนของปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลออกมานั้น ยังไม่สามารถที่จะประเมินได้ คงต้องรอให้กู้เรือขึ้นมาได้ก่อน ซึ่งก็คาดว่าจะสามารถกู้เรือได้เสร็จสิ้นภายในวันนี้อย่างแน่นอน
   
ด้านว่าที่ร้อยตำรวจโทอาทิตย์ บุญญะโสภัต ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า จากการประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในท้องทะเลตรงบริเวณจุดที่เรือจมลงนั้น ไม่รุนแรงมากนักและทางกรมเจ้าท่า ได้มีการนำสารลดแรงตึงผิวมาฉีดพ่นกำจัดได้จนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ บริเวณชายฝั่งทะเลตรงปากคลองประมง เนื่องจากเมื่อช่วงเช้ามืดมีลมพัดเข้าหาฝั่งทำให้คราบน้ำมันลอยเข้าไปตรงชายฝั่งทะเล ที่ชาวบ้านมีการทำประมงชายฝั่งกันเป็นจำนวนมาก เช่น ฟาร์มหอยแมลงภู่ หอยสองฝา และเลี้ยงปูทะเลในกระชัง เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ก็ได้สั่งการให้ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.พันท้ายนรสิงห์ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ ทำการสำรวจรายชื่อชาวประมงและความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางแพ่ง กับทางเจ้าของเรือต่อไป ส่วนในแง่ของการป้องกันเหตุระดับจังหวัดนั้น ก็จะได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการฯ ที่มีการแต่งตั้งไว้แล้ว มาหารือเพื่อวางมาตรการที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในการเฝ้าระวังเหตุและแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในลักษณะเช่นนี้ต่อไป

ขณะที่ พ.ต.ท.ทวีป เงินดี สารวัตรเวร สภ.โคกขามนั้น ก็บอกว่า หลังจากนี้จะได้สอบปากคำลูกเรือทั้ง 5 คน และติดตามตัวเจ้าของเรือมาสอบปากคำเพื่อแจ้งความดำเนินคดี และรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับชาวประมงชายฝั่งต่อไป ส่วนข้อหานั้น จะต้องขอเวลารวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตเดินเรือจากกรมเจ้าท่า รายละเอียดของเรือ ประเภทของสินค้าที่ขออนุญาตบรรทุก ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมรวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ และหลักฐานอื่นๆ ประกอบ จึงจะแจ้งข้อหาที่ชัดเจนได้

ส่วนทางด้านของชาวบ้านก็บอกว่า ตอนนี้ผลกระทบที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือ คราบน้ำมันสีดำเป็นก้อนๆ และมีลักษณะเหนียวหนืดที่ลอยเข้ามาบริเวณชายฝั่งทะเลได้มาจับติดอยู่ริมฝั่งและยังจับติดกับสัตว์ทะเลที่เลี้ยงไว้ด้วย เช่น ปูทะเล ทำให้ไม่สามารถที่จะนำไปบริโภคหรือขายได้

ที่มา -




เร่งติดตามการกระจาย ของคราบน้ำมัน

สมุทรสาคร - สั่งหาเจ้าของดำเนินคดีเรือบรรทุกกากน้ำมันเตาเก่าทำล่มปากอ่าวมหาชัย ทิ้งคราบน้ำมันลอยเข้าพื้นที่เลี้ยงหอยเสียหาย


ผู้สื่อข่าวรายงาน (วันที่ 8 มีนาคม 2557) ที่บริเวณชายฝั่งปากอ่าวมหาชัย ย่านหมู่ที่ 8 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร กลุ่มพิทักษ์ชายฝั่งและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร นำโดย นายวรพล ดวงล้อมจันทร์ กลุ่มพิทักษ์ชายฝั่งทะเล จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วยตัวแทนชาวประมงพื้นบ้าน ร่วมกันสำรวจเหตุการณ์ความเสียหายจากคราบน้ำมันลอยเหนือผิวน้ำ รับรับแจ้งมีเรือเหล็กขนาดใหญ่ขนกากน้ำมันเตาเก่า ล่มอยู่ห่างฝั่งประมาณ 4 กม.ส่งผลให้คราบน้ำมันกระคลุมบริเวณพื้นที่เลี้ยงหอยแมลงภู่เสียหายวงกว้าง โดยมีกลุ่มประมงชายฝั่งเลี้ยงหอยแครง และหอยแมลงภู ในเขตพื้นที่ และตำบลใกล้เคียงเฝ้าสังเกตการณ์ ด้วยเหตุไม่พอใจ ทั้งนี้เนื่องจากหลังเหตุเรือล่มที่เกิดตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ขับขี่เรือได้หลบหนีไป เรือขนทำให้คราบน้ำมัน

นายวรพล ดวงล้อมจันทร์ กลุ่มพิทักษ์ชายฝั่งทะเล จ.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินคราบน้ำมันที่รั่วออกจากเรือรั่วว่าจะลอยไปทางใดบ้าง และติดตามค่าความเสียหายคราบน้ำมันเนื่องจากบริเวณตำบลพันท้ายฯ และตำบลติดกันคือโคกขาม มีการทำประมงชายฝั่งเลี้ยงหอยแมลงภู เลี้ยงปู และหอยแครง อยู่จำนวนมาก อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อเจ้าของเรือแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ที่เข้ามากู้เรือ 4-5 คน ไม่ยอมเอ่ยปากบอกชื่อเจ้าของเรือ ซึ่งหลังตนทราบข่าวก็ได้ประสานไปยังกรมเจ้าท่าสมุทรสาคร ให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องคราบน้ำมันที่รั่วไหลระยะเริ่มต้นไว้ก่อน

ต่อมาช่วงประมาณ 10.00 น.วันเดียวกัน ว่าที่ร้อยตำรวจโทอาทิตย์ บุญญะโสภัต ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ได้นำเรือตรวจการณ์จากกรมทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสมุทรสาคร ออกไปตรวจติดตามสถานการณ์เรือบรรทุกกากน้ำมันจมลงบริเวณปากอ่าวมหาชัย ที่ยังจนอยู่ห่างฝั่งประมาณ 4 กิโลเมตร ในสภาพน้ำลึกประมาณ 8 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า นำโดยนายสุรชัย บุรพานนทชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร นำกำลังให้เจ้าหน้าที่ขณะฉีดพ่นสารผ่อนแรงตึงผิวน้ำมัน (Surfactant) ใส่ลงบนพื้นผิวน้ำที่มีคราบน้ำมันลอยอยู่ เพื่อป้องกันช่วยไม่ให้ลมพัดเข้าฝั่ง อย่างไรก็ตามล่าสุดไม่สามารถสกัดไว้ได้

สำหรับสารชนิดนี้จะช่วยทำให้คราบน้ำมันจับเป็นก้อนสีดำ จากการแตกตัวเป็นโมเลกุลเป็นเม็ดเล็กๆ ก่อนจะถูกย่อยสลายไปโดยแสงแดด นอกจากนี้ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร ตลอดจนมีการนำลูกยางมาลอยล้อมรอบคราบน้ำมัน เพื่อกั้นไม่ให้คราบน้ำมันกระจายลอยออกไปบริเวณกว้าง

นายสุรชัย บุรพานนทชัย ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาได้ ซึ่งคาดว่าลำไม่ใหญ่นัก ทำให้ยังมาสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียด อย่างไรก็ตามคาดว่าเป็นเรือบรรทุกขนาดกลาง หรือความยาวประมาณ 16 เมตร กว้าง 4.5 เมตร และความลึกของเรือ 1 เมตรกว่าถึง 2 เมตร เท่านั้น ซึ่งเบื้องต้นก่อนเกิดเหตุกำลังมุ่งหน้าเข้ามาในพื้นที่สมุทรสาคร เพื่อจะมาถ่ายเทออกหรือขนขึ้นยังขึ้นรถบรรทุกเพื่อส่งขายไปยังแหล่งรีไซเคิล และส่งไปที่อื่นๆ ทั้งนี้ก่อนจะมามีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือขัดข้องกระทั่งเกิดเหตุในที่สุด

ทั้งนี้จะได้สอบปากคำลูกเรือที่บอกว่า รับจ้างมากู้เรือรวม 5 คน ไปสอบหาที่มาที่ไป และเจ้าของผู้ค้ากากน้ำมันเตาหรือน้ำมันเก่าใช้แล้วให้อย่างแน่ชัดต่อไป โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เน้นกำชับ พร้อมดำเนินการเอาผิดตามกฏหมาย และติดตามชดใช้ความเสียของชาวบ้านด้วย

ด้านว่าที่ร้อยตำรวจโทอาทิตย์ บุญญะโสภัต กล่าวว่า จากเกิดเหตุการณ์นี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่ และผู้เกี่ยวข้อง เร่งติดตามหาเจ้าของเรือมาเพื่อดำเนินคดีแล้ว ซึ่งให้แจ้งความดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางแพ่ง กับทางเจ้าของเรือต่อไป โดยมีทั้งส่วนเรื่องของความถูกต้องของน้ำมันดังกล่าว และตรวจเช็คใบอนุญาตเดินเรือลักษณะนี้ด้วย

นายวรพล ดวงล้อมจันทร์ แกนนำกลุ่มพิทักษ์ชายฝั่งอ่าวมหาชัยฯ และแกนนำกลุ่มพิทักษ์ชายฝั่ง จ.สมุทรสาคร เผยว่า ในส่วนเขตพื้นที่ดูแลเป็นของ สภ.โคกขาม อ.เมืองฯ ซึ่งเริ่มมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบปัญหาจากคราบน้ำมันสีดำแจ้งว่าลอยมาตามผิวน้ำ และขณะลอยเข้าฝั่งแล้ว ซึ่งมีทั้งลักษณะเหนียวๆ ลอยเข้ามาบริเวณชายฝั่ง และป่าชายเลน ทั้งนี้ซึ่งเกรงว่าหากลอยไปเกาะหลักไม้ไผ่ของผู้เลี้ยงหอยแมลงภู่ จะทำให้รับความเสียหายหนัก อย่างไรก็ตามตนและสมาชิกยังคงติดตามประเมินทั้งภาพรวม เพื่อจะแจ้งปัญหานี้กับทางจังหวัดให้ทราบต่อไป

ที่มา -




คราบน้ำมันลอยเกลื่อน ปากอ่าวมหาชัย

เรือบรรทุกกากน้ำมัน 3-6 หมื่นลิตร ล่ม จมปากอ่าวมหาชัย คราบน้ำมันลอยเกลื่อน ชาวประมงเริ่มรับผลกระทบ เจ้าหน้าที่สั่งเร่งฉีดพ่นสารลดแรงตึงผิว เพื่อให้คราบน้ำมันเป็นก้อน ด้าน ตร.เล็งเอาผิด 5 ลูกเรือ...


เมื่อเวลา 10.30 น. เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 57 มีรายงานว่า ว่าที่ ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ได้ลงเรือตรวจการณ์ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสมุทรสาคร เพื่อติดตามสถานการณ์เรือบรรทุกกากน้ำมัน จมลงบริเวณปากอ่าวมหาชัย ห่างจากชายฝั่งทะเล เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ ซึ่งเมื่อเรือตรวจการณ์ไปถึง ก็พบว่ามีเรือของกรมเจ้าท่า โดยนายสุรชัย บุรพานนทชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร กำลังให้เจ้าหน้าที่ฉีดพ่นสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ลงบนพื้นผิวทะเลที่มีคราบน้ำมันลอยอยู่อย่างประปราย ซึ่งสารนี้จะช่วยทำให้คราบน้ำมันที่จับเป็นก้อนสีดำนั้น เกิดการแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ และจะถูกย่อยสลายไปโดยแสงแดด

เบื้องต้น นายสุรชัย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรือบรรทุกกากน้ำมันที่จมลงและยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาได้ว่า เรือลำดังกล่าวเป็นเรือของคนไทย มีความยาวประมาณ 16 เมตร กว้าง 4.5 เมตร และความลึกของเรือ 1.8 เมตร บรรทุกกากน้ำมันมาประมาณ 3–6 หมื่นลิตร โดยกากน้ำมันดังกล่าวได้รับมาจากเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ กำลังจะมุ่งหน้าเข้ามาเพื่อจะเทียบท่าที่ จ.สมุทรสาคร แล้วก็จะนำกากน้ำมันทั้งหมดถ่ายเทไปขึ้นรถบรรทุก จากนั้นจะนำไปส่งให้กับบริษัทรีไซเคิล ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ หรือ จ.สระบุรี เพื่อทำการรีไซเคิลและนำกลับไปใช้ใหม่ แต่ได้เกิดอุบัติเหตุล่มเสียก่อน จากการสอบถามลูกเรือทั้ง 5 คน อ้างว่าสาเหตุที่เรือจมลงเพราะมีน้ำเข้าห้องเครื่อง แต่จะเข้ามาจากทางใด หรือจุดที่น้ำเข้าอย่างแน่ชัดนั้น ยังไม่มีใครยอมให้ข้อมูล แต่ก่อนเรือจะจมก็ได้ทำการปิดวาล์วน้ำมันก่อน จากนั้นก็คาดว่าน่าจะมีการประสานไปยังบนฝั่งเพื่อแจ้งให้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อมาช่วยเหลือลูกเรือทั้งหมดได้อย่างปลอดภัย

ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร เปิดเผยอีกว่า ส่วนวิธีการที่จะกู้เรือบรรทุกกากน้ำมัน ที่จมอยู่ใต้ทะเลลึกประมาณ 6.5 เมตรขึ้นมานั้น จะใช้วิธีใช้ถังน้ำมันเปล่าใส่เข้าไปในห้องเครื่อง เพื่อให้ถังน้ำมันเปล่าเข้าไปแทนที่น้ำ ซึ่งก็จะทำเรือก็เบาและยกตัวลอยขึ้นมาได้เอง ส่วนเรื่องปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลออกมานั้น ยังไม่สามารถที่จะประเมินได้ คงต้องรอให้กู้เรือขึ้นมาได้ก่อน ซึ่งคาดว่าจะสามารถกู้เรือได้เสร็จสิ้นภายในวันนี้

ทางด้าน ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในท้องทะเลตรงบริเวณจุดที่เรือจมลงนั้น ไม่รุนแรงมากนัก และทางกรมเจ้าท่า ก็ได้มีการนำสารลดแรงตึงผิวมาฉีดพ่นกำจัดได้จนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ที่น่าเป็นห่วง ก็คือ บริเวณชายฝั่งทะเลตรงปากคลองประมง เนื่องจากเมื่อช่วงเช้ามืดมีลมพัดเข้าหาฝั่งทำให้คราบน้ำมันลอยเข้าไปตรงชายฝั่งทะเล ที่ชาวบ้านมีการทำประมงชายฝั่งกันเป็นจำนวนมาก เช่น ฟาร์มหอยแมลงภู่ หอยสองฝา และเลี้ยงปูทะเลในกระชัง เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ก็ได้สั่งการให้ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่หมู่ 8 ต.พันท้ายนรสิงห์ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ ทำการสำรวจรายชื่อชาวประมงและความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง กับทางเจ้าของเรือต่อไป ส่วนในแง่ของการป้องกันเหตุระดับจังหวัดนั้น ก็จะได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการ ที่มีการแต่งตั้งไว้แล้ว มาหารือเพื่อวางมาตรการที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ในการเฝ้าระวังเหตุและแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในลักษณะเช่นนี้ต่อไป

ขณะที่ พ.ต.ท.ทวีป เงินดี สารวัตรเวร สภ.โคกขาม นั้นระบุว่า หลังจากนี้จะได้สอบปากคำลูกเรือทั้ง 5 คน และติดตามตัวเจ้าของเรือมาสอบปากคำเพื่อแจ้งความดำเนินคดี และรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับชาวประมงชายฝั่งต่อไป ส่วนข้อหานั้นจะต้องขอเวลารวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตเดินเรือจากกรมเจ้าท่า รายละเอียดของเรือ ประเภทของสินค้าที่ขออนุญาตบรรทุก ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่และหลักฐานอื่นๆ ประกอบ จึงจะแจ้งข้อหาที่ชัดเจนได้

ส่วนชาวบ้านประกอบอาชีพเลี้ยงหอย กล่าวว่า เห็นคราบน้ำมันลอยมา กลัวหอยแมลงภู่ที่เลี้ยงไว้จะตาย แต่ช่วงนี้ยังดูไม่ออกต้องรอดูตอนเอาหอยขึ้นมา ถึงจะทราบว่ามีผลหรือไม่ โดยคาดว่าบริเวณดังกล่าวจะเป็นส่วนน้อย ซึ่งคิดว่าไม่มีผลกระทบมากนัก ทั้งนี้ ตนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่ที่พบเป็นประจำ ก็คือ น้ำเสียประมาณเดือน พ.ย. ซึ่งจะมีน้ำจาก กทม. ปล่อยลงมาจะทำให้หอยแมลงภู่ตายเนื่องจากน้ำฝนที่ตกและมีโรงงานแอบปล่อยน้ำเสียตามลงมา ซึ่งจะเป็นแบบนี้เกือบทุกปี.

ที่มา -