ข่าว:

คุณ ต้องลงทะเบียนสมัครสมาชิกก่อน ตอบกระทู้หรือตั้งคำถามใหม่ นะครับ

Main Menu

ฟิลิปปินส์เล็ง "เรือลำพี่" จักรีนฤเบศ สเปนปลดประจำการต้นปีนี้

เริ่มโดย mrtnews, พ.ค 25, 13, 17:49:04 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

ฟิลิปปินส์ได้ให้ความสนใจเรือบรรทุกเครื่องบินปรินซิเป ดี แอสทูเรียส (Principe de Asturias) ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นเดียวกันกับเรือหลวงจักรีนฤเบศของไทย ที่กองทัพเรือสเปนปลดประจำการเมื่อต้นปีนี้หลังใช้งานมาเป็นเวลา 25 ปี และหลังจากอินโดนีเซียตัดสินใจที่จะไม่ซื้อ


ปรินซิเป ดี แอสทูเรียส หรือ เจ้าชายแห่งแอสทูเรียส (Prince of Asturias) เป็นพระฐานันดรศักดิ์ของเจ้าชายฟิลิปเป ฆวน ปลาโบ อัลฟองโซ ดี โตโดส ลอส ซานโตส (Prince Felipe Juan Pablo Alfonso de Todos los Santos) พระราชโอรสพระองค์เดียวแห่งพระราชาธิบดีฆวนคาร์ลอส (King Juan Carlos) ในพระราชินีโซเฟีย (Queen Sofia) แห่งสเปน

กองทัพเรือสเปนดำเนินการปลดเรือในเดือน มิ.ย.2555 ตามแผนรัดเข็มขัดของรัฐบาลที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า อันเนื่องจากวิกฤติการณ์ทางการเงินในทวีปยุโรปในช่วง 2-3 ปีมานี้ ดำเนินการแล้วเสร็จและประกาศปลดระวางอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 ก.พ.2556

เรือเข้าจอดที่เมืองท่าเฟรอล (Port of Ferol) มาตั้งแต่เดือน ม.ค.ปีนี้ และอยู่ในขั้นตอนดำเนินการถอดระบบอาวุธออกทั้งหมดซึ่งอาจจะใช้เวลาตั้งแต่ 6-9 เดือน

ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้กำหนดชะตากรรมของเรือในขั้นตอนต่อไป แต่รัฐบาลสเปนยินดีที่จะขายให้แก่ประเทศที่สนใจ และหากมีลูกค้าสนใจซื้อ สเปนก็จะหยุดกระบวนการถอดระบบอาวุธ จากนั้นจะต้องซ่อมบำรุงและอัปเกรดระบบต่างๆ ให้ทันสมัย ก่อนที่จะส่งมอบ เว็บไซต์ข่าวกลาโหมหลายแห่งรายงานในสัปดาห์นี้

ในเดือน มี.ค. คณะผู้แทนจากกองทัพเรืออินโดนีเซียได้เดินทางไปยังท่าเรือเฟรอล ริมฝั่งมหาสมุทรแอตเแลนติก ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน อินโดนีเซียประกาศในเวลาต่อมาว่า ไม่มีเงินงบประมาณเพียงพอที่จะจัดหาเรือลำนี้ไปใช้งานได้ และข่าวฟิลิปปินส์แสดงความสนใจก็ได้ผุดขึ้นมาแทน

ยังไม่ทราบมูลค่าของเรือบรรทุกเครื่องบินดังกล่าว รวมทั้งค่าซ่อมบำรุง-ยกระดับ และระบบอาวุธ

แหล่งข่าวในฟิลิปปินส์กล่าวว่า เรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้จะมีประโยชน์ทั้งการทหารในยามที่มีความต้องการและใช้ในการกู้ภัย ซึ่งหมู่เกาะใหญ่แห่งนี้เกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงเป็นประจำแทบจะทุกปี

ฟิลิปปินส์มิใช่ดินแดนใหม่สำหรับเรือบรรทุกเครื่องบิน ที่นั่นเคยเป็นสมรภูมิรบร้อนระอุระหว่างกองเรือสหรัฐกับกองทัพเรือญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 "ยุทธภูมิอ่าวเลย์ตี" (Battle of Leyte Gulf) เป็นศึกทางทะเลที่เลื่องลือมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งของโลก

นั่นคือเหตุการณ์ในเดือน ต.ค. พ.ศ.2487 ฝ่ายสหรัฐที่นำโดยพล.อ.ดักลาส แม็คอาร์เธอร์ นำกองเรือสหรัฐ กองเรือรบออสเตรเลีย กับพลพรรคกองโจรต่อต้านญี่ปุ่น การศึกนี้สหรัฐระดมเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 8 ลำ ขับไล่กองเรือรบญี่ปุ่นที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ ออกจากหมู่เกาะฟิลิปปินส์หลังจากยึดครองมาเป็นเวลา 3 ปี

ประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ว่าฝ่ายสหรัฐสูญเสียกำลังพลในสงครามอ่าวเลย์ตีกว่า 3,500 คน อีกกว่า 12,000 คนบาดเจ็บ และฝ่ายญี่ปุ่นเสียชีวิตเกือบ 50,000 คน มีเพียง 389 คนเท่านั้นที่ยอมให้จับเป็นเชลย นอกจากนั้นก็ยังเป็นยุทธภูมิแรกที่ญี่ปุ่นนำเอายุทธวิธีกามิกาเซออกใช้

ฟิลิปปินส์ซึ่งพ้นจากปัญหาหาทางเศรษฐกิจหมาดๆ ได้เริ่มสร้างเสริมความเข้มแข็งกำลังทางเรือครั้งใหญ่ หลังจากจีนกล่าวอ้างเป็นเจ้าของเกาะใหญ่น้อยนับสิบแห่งที่เป็นของฟิลิปปินส์มานานหลายร้อยปี บางเกาะอยู่ห่างจากฝั่งฟิลิปปินส์เพียง 200 กิโลเมตร แต่ห่างจากฝั่งทะเลที่อยู่ใกล้ที่สุดของจีนถึง 1,200 กม. เรือบรรทุกเครื่องบินย่อมเป็นประโยชน์ในสถานการณ์เผชิญหน้าเช่นที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา


กองทัพเรือกำลังจะได้รับเรือรบลำที่ 2 จากสหรัฐในเดือน มิ.ย.นี้ เป็นเรือขนาด 3,400 ตัน ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ชายฝั่งชั้นแฮมิลตัน (Hamilton-class) ชั้นเดียวกับเรือกรีกอริโอ เดล ปิลาร์ (Gregorio del Pilar) ซึ่งซื้อเป็นลำแรก โดยสหรัฐดัดแปลงและยกระดับให้เป็นเรือฟรีเกตติดอาวุธนำวิถี

กองทัพเรือฟิลิปปินส์ยังสั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์ออสกัสต้า เวสต์แลนด์จากอังกฤษ 3 ลำ ติดระบบตรวจการณ์และเตือนภัยล่วงหน้า เพื่อภารกิจในการลาดตระเวนหมู่เกาะและน่านน้ำ ลำแรกมีกำหนดส่งมอบในเดือน มิ.ย.นี้เช่นกัน

ฟิลิปปินส์ยังมีแผนจัดซื้อเรือฟรีเกตทันสมัยอีก 2 ลำ หลังจากตัดสินใจไม่ซื้อเรือเก่าที่ปลดประจำการแล้วของอิตาลี โดยพุ่งความสนใจไปที่เรือเกาหลี ชั้นเดียวกันกับที่กองทัพเรือไทยตัดสินใจซื้อจำนวน 2 ลำเมื่อเดือนที่แล้ว และเรือบรรทุกเครื่องบินสเปนเป็นกรณีล่าสุด

ตามประวัติอย่างเป็นทางการเรือปรินซิเป ดี แอสทูเรียส สั่งต่อวันที่ 29 พ.ค.2520 วางกระดูกงูเดือน ต.ค.2522 ปล่อยลงน้ำ 22 พ.ค.2525 เข้าประจำการ 30 พ.ค.2531 ได้หมายเลข R-11 เคยเป็นเรือธงของราชนาวีสเปน

ส่วนกองทัพเรือไทยได้รับมอบเรือหลวงจักรีนฤเบศเมื่อปี 2540 พร้อมกับเครื่องบิน AV-8S "แฮริเออร์" ขึ้นลงทางดิ่งประจำเรือ แต่เรือประโยชน์อย่างมากในยามสงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจด้านมนุษยธรรม การช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล ตลอดจนการช่วยเหลือประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติ

ปัจจุบันกองทัพเรือไทยกำลังอัปเกรดเรือจักรีนฤเบศครั้งใหญ่ เพื่อให้เชื่อมต่อการสื่อสารและสื่อข้อมูลกับฝูงบิน JAS39 "กริพเพน" กับเรือรบลำอื่นๆ ได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในสถานการณ์สู้รบ.

ที่มา -