ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

"เชลล์" เทคโอเวอร์ "บีจี กรุ๊ป" มูลค่ากว่า 2.2 ล้านล้านบาท

เริ่มโดย mrtnews, เม.ย 10, 15, 06:43:50 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

เมื่อวันพุธ (8  เม.ย. 58) ที่ผ่านมา บริษัท รอยัล ดัตช์ เชลล์ บริษัทพลังงานข้ามชาติ ประกาศเทคโอเวอร์บริษัทคู่แข่งสัญชาติอังกฤษอย่าง บีจี กรุ๊ป ด้วยมูลค่าประมาณ 4.7 หมื่นล้านปอนด์ หรือประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท


"เชลล์" ยักษ์ใหญ่น้ำมันสัญชาติเนเธอร์แลนด์-อังกฤษ ซื้อกิจการ "บีจี" บริษัทน้ำมันอังกฤษ มูลค่า 47,000 ล้านปอนด์ รวมแหล่งน้ำมันในบราซิล-แอฟริกาตะวันออก-ออสเตรเลียของบีจี นับเป็นการโหนกระแสซื้อกิจการและควบรวมกิจการในช่วงขาลงของราคาน้ำมันดิบโลก การเจรจาเพื่อซื้อกิจการบริษัทบีจี กรุ๊ป พีแอลซี หรือบีจี ของบริษัทโรยัล ดัตช์ เชลล์ พีแอลซี หรือเชลล์ ได้ผลสรุปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวานนี้ (8 เม.ย. 58) โดยเชลล์ ซื้อกิจการบีจีในวงเงิน 47,000 ล้านปอนด์ หรือราว 2.26 ล้านล้านบาท สูงกว่ามูลค่าทางตลาดของบีจี ที่ 31,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท

แถลงการณ์ของบริษัท รอยัล ดัตช์ เชลล์ ระบุว่า "บอร์ดของบริษัทเชลล์และบีจีมีความยินดีที่จะประกาศว่าทั้งสองบริษัทได้บรรลุข้อตกลงสำหรับผลกำไรและหุ้น ที่จะดำเนินการโดยบริษัทเชลล์ในทุกประเด็นและแบ่งปันข้อมูลให้แก่บริษัทบีจี"

ขณะที่นายจอร์มา โอลลิล่า ประธานบริษัทเชลล์ เผยว่า "ผลลัพธ์ของข้อตกลงนี้จะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งและมีอำนาจในการแข่งขันมากขึ้นในภาวะที่ราคาน้ำมันโลกมีความผันผวนอย่างมาก"

นายเฮลเก้ ลุนด์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทบีจี กล่าวถึงข้อตกลงดังกล่าวว่า "ข้อตกลงได้ดึงดูดให้ผู้ถือหุ้นกลับมาถือหุ้นมากขึ้นและมีแผนยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยความชำนาญตำแหน่งในน้ำลึกและความแข็งแกร่งในการสำรวจของบีจี ผสานกับความชำนาญด้านการพัฒนาและความแข็งแกร่งทางการเงินของเชลล์"

ขณะที่นายมาร์ค คิมซี่ย์ ผู้ประกอบการอาวุโสประจำอัคเชนโด่มาร์เก็ตเผยว่า "ด้วยราคาน้ำมันที่ตกต่ำในช่วงปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อหุ้นบางส่วน ทำให้หุ้นปีที่ผ่านมาของบีจีลดลง 30 เปอร์เซนต์ เมื่่อเทียบกับบริษัทคู่แข่งอย่างบีพี และรอยัล ดัตช์ เชล ที่ลดลดเพียง 10 เปอร์เซนต์ในช่วงเดียวกัน ทำให้บริษัททั้งสองมีสถานะที่เหนือกว่า"


ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวอาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดในปี 2558 และอาจทำให้บริษัทดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 2.9 แสนล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 9.6 ล้านล้านบาท

การซื้อกิจการครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของบรรดาผู้เล่นในอุตสาหกรรมน้ำมัน ในยุคที่น้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวร่วงลงอย่างหนัก และช่วยให้บริษัททั้งสองแห่งลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน และนำรายได้มาชดเชยเงินที่เสียไปจากราคาน้ำมันที่ลดลงได้

ที่มา -