ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา อาหาร ยา และเครื่องสำอางค์ รวมถึงสมุนไพรทุกชนิด ไม่ว่าจะมี อย. หรือไม่  เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

"อู่กรุงเทพ" คึกคักต่อ OPV ลำที่ 2 กองทัพเรือ เมดอินไทยแลนด์

เริ่มโดย mrtnews, ก.พ 03, 16, 06:41:43 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

MGRออนไลน์ - ถึงแม้บริษัทบีเออีซีสเต็มส์ (BAE Systems) แห่งสหราชอาณาจักร เพิ่งออกคำแถลงเมื่อไม่กี่วันมานี้ พร้อมสนับสนุน "อู่กรุงเทพ" ต่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 ของกองทัพเรือไทยในทุกด้านก็ตาม แต่อู่ต่อเรือทันสมัยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การควบคุมของราชนาวี ได้เริ่มเตรียมการเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่แล้ว สำหรับการต่อเรือรบชุดใหม่ล่าสุดจำนวน 3 ลำ ชุดเดียวกันกับเรือหลวงกระบี่ ซึ่งเป็นลำแรกในโครงการ ต่อเสร็จและขึ้นระวางประจำการตั้งแต่ปี 2556


บริษัทอู่กรุงเทพจำกัด ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคาตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. 59 ที่ผ่านมา เพื่อเป็น "ผู้ตรวจอนุมัติแบบ (Plan Approval Drawing) เพื่ออนุมัติแบบและการตรวจการสร้างเรือโดยสมาคมจัดชั้นเรือ" โดยบริษัทลอยด์รีจิสเตอร์เอเชีย (Loyd Register Asia) ได้รับเลือกให้เป็นผู้เสนอราคาเพียงรายเดียว ในราคา 102,185 ดอลลาร์

การจัดจ้างผู้ตรวจอนุมัติแบบแปลนฯ ดังกล่าว นับเป็นขั้นตอนแรกๆ ที่จำเป็น สำหรับการต่อเรือขนาดใหญ่ลำหนึ่งให้ได้ถูกต้องตามมาตรฐานการปฏิบัติระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในหลายด้านสำหรับเจ้าของเรือในอนาคต และ นี่กำลังจะเป็นเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง (Offshore Patrol Vessle) ลำที่ 2 ของราชนาวีไทย ที่ต่อในประเทศไทยโดยคนไทย

ตามข้อมูลในเว็บไซต์ของอู่กรุงเทพ วันเดียวกันบริษัทยังประกาศผลการรายชื่อผู้เสนอราคา จัดซื้อใบจักรเรือ เพลาในจักรเรือ และระบบที่เกี่ยวข้อง สำหรับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง โดยมีผู้ได้รับคัดเลือกเพียง 1 รายอีกเช่นกัน คือ บริษัทไทยโคลอน ด้วยมูลค่ากว่า 2,544,000 ยูโร

บริษัทนี้กำลังดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อ วัสดุอุปกรณ์สำหรับเรือโอพีวีลำที่ 2 อีกหลายรายการ จำนวนหนึ่งเป็นการจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ พร้อมทั้งแสดงวงเงินงบประมาณ และรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่สัปดาห์ปลายเดือนที่ผ่านมา ไปจนถึงปลายเดือน ก.พ.นี้

วันที่ 28 ม.ค. 59 ที่ผ่านมา บีเออีซีสเต็มส์ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับการบรรลุกข้อตกลงกับอู่กรุงเทพ ในการต่อเรือ OPV ลำที่ 2 ภายใต้ใบอนุญาต โดยจะสนับสนุนทางด้านวิศวรกรรม และให้คำปรึกษาตลอดโครงการต่อเรือลำใหม่ในประเทศไทย ต่อจาก ร.ล.กระบี่

แต่เรื่องนี้่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียเลยทีเดียว หากเคยเป็นข่าวระแคะระคาย ผ่านสำนักข่าวกลาโหมชั้นนำอย่างเจนส์ดีเฟนส์มาตั้งแต่ครั้งมีงานแสดงอาวุธเพื่อการป้องกันประเทศ ที่ศูนย์นิทรรศการอิมแพ็คท์ เมืองทองธานี ต้นเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว โดยผู้แทนของบีเออีซีสเต็มส์เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้สถาปนาการเป็นหุ้นส่วนกับรัฐวิสาหกิจต่อเรือของกระทรวงกลาโหมไทย เพื่อต่อเรือ OPV ลำที่สอง

เมื่อปี 2552 บีเออีกับฝ่ายไทยได้เซ็นสัญญา การจัดหาเรือ OPV ลำแรก ที่กลายมาเป็น ร.ล.กระบี่ในวันนี้ โดยเป็นเรือดัดแปลงจากเรือชั้นริเวอร์ (River-Class) ของราชนาวีอังกฤษ ที่มีความยาวราว 80 เมตร เรือลำใหม่ขยายส่วนออกเป็น 90 เมตร และ มีขนาดเกือบ 2,000 ตัน

ก่อนหน้านี้อู่ต่อเรือในสกอตแลนด์ได้ต่อเรือขนาดเดียวกัน แบบเดียวกับ ร.ล.กระบี่จำนวน 3 ลำ ให้แก่กองทัพเรือบราซิล มีการส่งมอบและ ขึ้นระวางประจำการครบทั้งหมด ระหว่างปี 2556-2557 ยังมีเรือแบบเดียวกันนี้อีก 3 ลำ ที่ต่อให้ราชนาวีอังกฤษ โดยลำแรกเข้าประจำการเรียบร้อยแล้ว

การต่อเรือ ร.ล.กระบี่เริ่มขึ้นในปี 2553 โดยมีพิธีวางกระดูกงูในเดือน ส.ค. ที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช ในบริเวณฐานทัพเรือสัตหีบ การต่อเรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ BAE Systems Surface Ship ก่อนจะมีการส่งมอบ และ ทำพิธีขึ้นระวางประจำการเดือน ส.ค.2556 กลายเป็นเรือ OPV ลำแรกที่ต่อในประเทศไทย โดยฝีมือของวิศวกรและช่างชาวไทย ด้วยมูลค่าราว 80 ล้านดอลลาร์

ตามข้อมูลในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ร.ล.กระบี่ ยาว 90 เมตร กว้าง 13.60 เมตร ขนาดระวาง 1,800-1,850 จนถึงกว่า 1,900 ตันเมื่อบรรทุกเต็มอัตรา ติดเครื่องยนต์ดีเซล V6 จำนวน 2 เครื่อง (9,700 แรงม้าเรือ) ความเร็วสูงสุด 24 น็อต (44 กม./ชม.) ระยะปฏิบัติการ 7,800 ไมล์ทะเล (กว่า 14,440 กม.) ในความเร็วปรกติ 12 น็อต

เรือติดตั้งระบบเรดาร์ตรวจไกลของทาเลส (Thales) กับเรดาร์ควบคุมการยิงทาเลส ไลร็อด (Thales Lirod)

ระบบอาวุธหลักเป็นปืนใหญ่เรือ 62 มม. โอโต-เมลารา (OTO-Melara) จำนวน 1 กระบอก ปืนใหญ่ 30 มม.อัตโนมัติ Mk44 "บุชมาสเตอร์ II" (Bushmaster II) จำนวน 2 กระบอก และ ปืนกล 12.7 มม. อีก 2 กระบอก มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ AW139 ของอกุสตาร์เวสต์แลนด์ (AgustaWestland) อีก 1 ลำ

ตามรายงานในเฟซบุ๊ก ร.ล.กระบี่ หลังขึ้นระวางได้ไม่กี่เดือน เรือ OPV ลำแรกที่ต่อในประเทศไทย ได้ออกเดินทางไกลแล่นไปอวดธงถึงอ่าวซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นการพิสูจน์ฝีมือต่อเรือโดยคนไทย.

[ภาพ: เฟซบุ๊ก/เรือหลวงกระบี่]





ที่มา Data & Images -




กองทัพเรือไทยเซ็นสัญญาจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งฉบับใหม่

สปาร์ค คอมมูนิเคชั่นส์ - 2 กุมภาพันธ์ 2559 - บีเออี ซิสเต็มซ์ ได้ร่วมลงนามสัญญาฉบับใหม่ร่วมกับอู่กรุงเทพในการก่อสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งความยาว 90 เมตรลำที่สองให้กับกองทัพเรือไทย

ตามข้อตกลงแล้วบีเออี ซิสเต็มซ์ จะให้ความสนับสนุนทางด้านวิศวกรรมและข้อแนะนำตลอดการก่อสร้างเรือดังกล่าวในประเทศไทย

มร.ไนเจล สตูเวิร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ของบีเออี ซิสเต็มซ์ กล่าวว่า "เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างและกระชับความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรมการต่อเรือของประเทศไทย สัญญาฉบับนี้ถือเป็นการสนับสนุนครั้งที่สองจากกองทัพเรือไทยที่ได้ไว้วางใจในดีไซน์และการออกแบบเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งที่มีความเป็นอเนกประสงค์ของเรา"

"เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งของเราจำนวนสามลำได้รับการประจำการแล้วที่ประเทศบราซิล และอีกสามลำอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างเพื่อกองทัพเรือสหราชอาณาจักร แสดงให้เห็นว่าดีไซน์ของเราได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ" มร.ไนเจล กล่าวเพิ่มเติม

เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง จากบีเออี ซิสเต็มซ์เป็นเรือที่มีความเป็นเอนกประสงค์สูง ทำให้คุ้มค่าเม็ดเงินที่ลงทุนและมักเป็นตัวเลือกอันดับต้นของกองทัพเรือหลายแห่ง อีกทั้งยังสามารถเลือกก่อสร้างเรือ ณ โรงงานที่กลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นโรงงานของจากบีเออี ซิสเต็มซ์ หรือ เลือกก่อสร้างเรือภายใต้ข้อตกลงอนุญาตใช้สิทธ์ในโรงงานในประเทศนั้นๆ สำหรับลูกค้าต่างประเทศได้

กองทัพเรือไทยได้รับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งความยาว 90 เมตรลำแรก ชื่อว่า เรือหลวงกระบี่ (HTMS KRABI) จากอู่กรุงเทพในปีพ.ศ. 2556 เรือลำดังกล่าวเป็นการพัฒนาจากโครงสร้างพื้นฐานของบีเออี ซิสเต็มซ์ และได้ออกปฏิบัติการกับกองทัพเรือไทยแล้วกว่า 1,000 วัน นอกจากนี้ บีเออี ซิสเต็มซ์ ได้นำส่งเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งที่ก่อสร้างในสหราชอาณาจักรให้แก่กองทัพเรือบราซิลอีกสามลำระหว่างปีพ.ศ 2556 – 2557


ปัจจุบัน บีเออี ซิสเต็มซ์กำลังก่อสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งให้กับกองทัพเรือสหราชอาณาจักรในโรงงานที่กลาสโกลว์ ประเทศสกอตแลนด์ โดยเรือดังกล่าวจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่คล้ายกันแต่มีปรับแต่งบางส่วนตามความต้องการของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ทางฝ่ายรัฐบาลอังกฤษยังมีการเตรียมการซื้อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งเพิ่มอีกสอง ลำตามแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและการรักษาความปลอดภัย (Strategic Defence and Security Review) ฉบับล่าสุด



ที่มา Data & Images -