ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา สินค้าที่ดูแล้วขัดต่อ ศีลธรรม ประเพณี หรือกฏหมายของไทย เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - mrtnews

#61
PRM เผยกำไร Q2/62 โต 48.36% จากรายได้เพิ่มหลังรับรู้ฯเรือใหม่-Big Sea หนุน เตรียมรับเรือ FSU อีก 2 ลำใน Q3/62

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2562 - นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากประสบความสำเร็จในการขยายกองเรือเพื่อรองรับความต้องการใช้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีรายได้รวม 1,268.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,106.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 303.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.36% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 204.7 ล้านบาท


ปัจจัยมาจากการขยายธุรกิจเรือขนส่งในประเทศ ซึ่งรับรู้รายได้จากเรือใหม่ที่เข้ามาประจำการเพิ่มขึ้นเป็น 30 ลำ รวมถึงการรับรู้รายได้จากบริษัท บิ๊กซี (Big Sea) จำกัด ตามสัดส่วนการลงทุนที่ 70% ทำให้ธุรกิจดังกล่าวมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นถึง 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันในไตรมาส 2/62 นั้น PRM ยังรับรู้รายได้จากการขยายกองเรือ FSU หรือ เรือขนส่งและจัดเก็บสินค้าแบบลอยน้ำเพิ่มเติมอีก 1 ลำ รวมเป็น 6 ลำ โดยมีอัตราการใช้บริการเต็ม 100% และยังได้รับปัจจัยบวกจากอัตราค่าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น หลังกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมมีความต้องการใช้บริการเรือดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกฎ IMO 2020 ในการใช้เชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ ที่จะเริ่มบังคับใช้ในต้นปี 2563 อีกด้วย

จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 2,457.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,124.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 544.2 ล้านบาท เติบโต 54.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 351.5 ล้านบาท


"ด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 62 สะท้อนมาถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 และครึ่งปีแรกของปีนี้ที่เติบโตได้ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจเรือ FSU และเรือขนส่งภายในประเทศเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องยืนยันให้เรามั่นใจว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่ง Growth Mode ของ PRM อย่างแน่นอน" นายชาญวิทย์ กล่าว

ส่วนแนวทางการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อมั่นว่าจะเติบโต 10-15% ได้ตามแผน โดยในไตรมาส 3/62 บริษัทมีแผนให้บริการเรือ FSU เพิ่มขึ้นอีก 2 ลำ ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้น 8 ลำ เริ่มให้บริการในเดือน ก.ค.และ ส.ค.62 ตามลำดับ หลังจากตกลงซื้อเรือ FSU เข้ามาแล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ จะรับรู้รายได้จากเรือขนส่งภายในประเทศที่จะเข้ามาให้บริการเพิ่มเติมอีก 2 ลำ รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 32 ลำ ส่งผลดีต่อศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ให้มีความแข็งแกร่ง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการใช้เรือขนส่งปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้น Big Sea เพิ่มขึ้นอีก 10% รวมเป็น 80% ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มเติมได้ภายในไตรมาสนี้เป็นต้นไป ถือเป็นเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนภาพรวมผลการดำเนินงานของ PRM ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น



ที่มา Data & Images -






..

#62
ที่ปัจจุบันพื้นที่ฝั่งทะเลภาคตะวันออกของไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและเป็นศูนย์กลางเพื่อการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาค ซึ่งจะพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นสนามบินนานาชาติ รถไฟและถนนสายหลัก ผ่านการลงทุนเพื่อโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยุทธศาสตร์การลงทุนครั้งสำคัญของประเทศที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสู่ระดับภูมิภาค


จากผลพวงดังกล่าวโอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จึงได้เตรียมจัด "โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์" งานแสดงเรือยอช์ทนานาชาติระดับเอเชีย ซึ่งมีการจัดโชว์เรือยอช์ทชั้นนำระดับโลกและสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวข้องกับการล่องเรือ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ระหว่าง 21-24 พฤศจิกายน 2562 นี้ ณ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา ท่าจอดเรือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังกระตุ้นธุรกิจและตลาดท่องเที่ยวทางทะเลและตอบรับกระแสความนิยมล่องเรือยอช์ทที่เติบโตสูงขึ้น

"เราลงทุนในการจัดงานฯ มากกว่า 10 ล้านบาทต่อปี ทั้งในด้านการจัดงานและการตลาดทั้งในและต่างประเทศ สำหรับในปีนี้ เราคาดหวังผู้เยี่ยมชมงานเพิ่มขึ้นประมาณ 20% นอกจากนั้น เรายังคงมุ่งหวังให้การจัดงานฯ เป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการกระตุ้นธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเลของภูมิภาคในการโปรโมทธุรกิจสินค้าและการบริการที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำเสนอความสวยงามของชายฝั่งทะลและเกาะต่างๆ ในฝั่งภาคตะวันออกสู่สายตาคนทั่วโลก พร้อมๆ กับแนะนำไลฟ์สไตล์การล่องเรือให้กับนักท่องเที่ยวไทย"

ณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการแถลงข่าวจัดงาน โดยเผยต่อว่า "โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ นับได้ว่าเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์อีเว้นท์ที่กระตุ้นการท่องเที่ยวทางทะเลของภาคตะวันออก จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2555 และมีจัดต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2561 ที่ผ่านมามีผู้เข้าเยี่ยมชมงานทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 6,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% จากปี 2560 และโดยภาพรวมแล้วตั้งแต่ปีแรกจนถึงปีที่ผ่านมามีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมงานเพิ่มขึ้นกว่า 183%

อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 ที่ผ่านมา งานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ ได้ช่วยกระตุ้นอุตสหกรรมการท่องเที่ยวทางทะเลกว่า 2,500 ล้านบาท แม้ว่าปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจไทยอาจมีการชะลอตัวเพราะภาวะผันผวนจากเศรษฐกิจโลก แต่ในส่วนของปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ของไทยยังคงแข็งแกร่ง และการท่องเที่ยวทางทะเลบริเวณภาคตะวันออกของไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกมากและมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตสูงขึ้นได้

มิสเตอร์สก็อต ฟินสเตน ผู้จัดการท่าเรือ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ ในฐานะผู้จัดงานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ กล่าวว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาล่องเรือที่ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แม้ในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมาจะมีจำนวนลดลงบ้าง แต่ภาพโดยรวมในช่วงครึ่งปีแรก จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาล่องเรือเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวจีน ครองอันดับ 1 และเกาหลี ครองอันดับ 2 ในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดในการออกล่องเรือแต่ละวัน และที่น่าสนใจคือ จำนวนนักท่องเทียวไทยตามมาเป็นอันดับ3

ทั้งนี้เหตุผลหลักคือ การอยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยนิยมมาพักผ่อนด้วยการล่องเรือ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของผู้เข้าชมงานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ทล่าสุด คนไทยมีสัดส่วนมากที่สุดคือ 70% และเจ้าของเรือยอช์ทที่จอดอยู่ที่โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ เป็นกลุ่มคนไทยซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 50%

อย่างไรก็ตาม มิสเตอร์สก็อตยอมรับว่าการท่องเที่ยวทางทะเลในชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของไทยนับได้ว่า ยังมีความเป็นธรรมชาติสูง เมื่อมองดูตลาดท่องเที่ยวทางทะเลอย่างประเทศกรีซ ซึ่งประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมการเช่าเหมาลำเรือยอช์ท หรือ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศมีคนเป็นเจ้าของเรือยอช์ทจำนวนมาก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวของไทยมีจำนวนมากกว่า แต่หากว่ายังไม่สามารถสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวเทียบเท่ากับสองประเทศดังกล่าว

"ในปีนี้ประเทศไทยเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศประมาณ 40 ล้านคน และพัทยาคาดว่าจะต้อนรับไม่ต่ำกว่า 14 ล้านคน ซึ่งเป็นการตอกย้ำศักยภาพของฝั่งตะวันออกของไทยที่พร้อมขยายการท่องเที่ยวทางทะเล และซึ่งเป็นสิ่งที่โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ ได้มุ่งมั่นพัฒนามาโดยตลอด" มิสเตอร์ฟินสเตน กล่าวย้ำทิ้งท้าย

สำหรับโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ ในปีนี้มีการจัดแสดงเรือยอช์ทแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 40 ลำ พร้อมด้วยการจัดแสดงสินค้าและการบริการด้านไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวทางทะเล สินค้าเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยม รถยนต์หรู และอีกมากมาย

นอกจากนั้น ยังมีการสาธิตกีฬาทางน้ำ ตลอดการจัดงานทั้ง 4 วัน รวมถึงกิจกรรมประสบการณ์ล่องเรือยอช์ทฟรี บริการล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน (sunset cruises), แฟชั่นโชว์ และพบกับป๊อบอัพร้านอาหารชั้นนำ บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดงาน พร้อมด้วยกิจกรรมพิเศษสำหรับครอบครัว โดยงานโอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ ครั้งที่ 8 เตรียมจัดขึ้นระหว่าง 21-24 พฤศจิกายน 2562 นี้ ณ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา จ. ชลบุรี ผู้สนใจเข้าร่วมชมงานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย 


ทายาทรุ่น3"อัสสกุล"ต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ

ก้าวย่างของโอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือโอเชี่ยน กรุ๊ป เจ้าของไทยสมุทรประกันชีวิต เป็นบริษัทภายใต้ผู้ถือหุ้นใหญ่ครอบครัว "อสัสกุล" โดยมีจุดเริ่มต้นเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ จากการสะสมแลนด์แบงก์ทั่วไทยจากวันนั้นจนถึงวันนี้ โอเชี่ยน กรุ๊ป ได้แตกแขนงธุรกิจต่างๆ จนได้รับการยอมรับในแวดวงธุรกิจมายาวนานกว่า 75 ปี ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

ในวันนี้ "คุณพงศ์หรือณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์"ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล "อัสสกุล" ที่มากด้วยประสบการณ์บนเส้นทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และพื้นฐานการเป็นวิศวกร ได้เข้ามารับไม้ต่อ ขับเคลื่อนต่อยอดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ถือเป็นหนึ่งผู้บริหารรุ่นใหม่น่าจับตายิ่ง

ณพงศ์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด มีบทบาทสำคัญในการบริหารโครงการต่างๆ ทั้งในแนวสูงและแนวราบ ตลอดจนการบริหารข้อมูลมาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อพัฒนาโครงการให้รองรับทุกความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ หลักการบริหารงาน ยังได้รับแรงบันดาลใจสำคัญ จากคุณแม่ "วัลลภา อัสสกุล" และคุณพ่อ"ตันติ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์" จึงทำให้คุณณพงศ์ใส่ใจทุกรายละเอียดทั้งในด้านการบริหารงาน รวมไปถึงการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งถือแนวคิดที่ว่า "รับฟังมากกว่าสั่งการ"

ด้วยประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำให้คุณณพงศ์เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงได้ริเริ่มพัฒนาโครงการต่าง ๆ จากความต้องการของผู้บริโภค และมุมมองของศักยภาพในพื้นที่โครงการเป็นหลักเพื่อมอบสิ่งที่ดีและมีคุณภาพให้กับลูกค้า นอกจากนั้นคุณณพงศ์ยังทำงานพร้อมกับทีมงานคุณภาพศึกษาโลเกชั่น และออกแบบด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด และด้วยระยะเวลา 10 ปี ในการบริหารโครงการต่างๆภายใต้ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เขายังคงยึดมั่นในการทำงานเพื่อพัฒนาโครงการให้รองรับทุกความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน

ณพงศ์ สมรสกับ วชรพร เทพนฤมิตร และบุตรชาย 1 คน คือ น้องพัตเตอร์ คุณณพงศ์เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่ Work-Life Balance สมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตครอบครัวไปพร้อมๆกัน  เป็นคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ต รวมไปถึงการตีกอล์ฟ และการดำน้ำ แต่ไม่ได้มีของสะสมอะไรเป็นพิเศษ ส่วนตัวแล้วเขาเป็นคนที่มุ่งให้ความสำคัญกับครอบครัวมากที่สุด ซึ่งเมื่อหากมีเวลาว่างก็จะพาครอบครัวไปท่องเที่ยวพักผ่อนทั้งในและต่างประเทศ   

สำหรับณพงศ์ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในสาขา Civil Engineering Carnegie Mellon University, Pittsburgh, USA และปริญญาโทในสาขา Civil Engineering Carnegie Mellon University, Pittsburgh, USA ตลอดจนได้จบหลักสูตร หลักสูตรผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันรั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัดที่มีหลายโครงการมูลค่านับหมื่นล้านอยู่ในความรับผิดชอบ



ที่มา Data & Images -






..
#63
รอยเตอร์/เอเอฟพี - กองทัพเรือฝรั่งเศสพบซากเรือดำน้ำ "มิแนร์เวอ(Minerve)" ของพวกเขา ซึ่งสูญหายไปนอกชายฝั่งเมืองตูลงในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตั้งแต่ปี 1968 เหตุการณ์ที่นำมาซึ่งการสูญเสีย 52 ชีวิต


"เราเพิ่งพบเรือดำน้ำมิแนร์เวอ มันเป็นปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จ, เป็นช่วงเวลาแห่งความปลดเปลื้องและแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของเทคโนโลยี ผมอยากจะสละความคิดคำนึงมอบแด่ครอบครัวของคนเหล่านี้ที่เจอช่วงเวลานี้มานานแสนนาน" ฟลอรองซ์ พาร์ลี รัฐมนตรีกลาโหมของฝรั่งเศสระบุในวันจันทร์(22ก.ค.)

มีลูกอยู่บนเรือดำน้ำมิแนร์เวอจำนวน 52 คนตอนที่มันสูญหายไปใกล้เมืองท่าตูลง นอกชายฝั่งทางใต้ของฝรั่งเศสในเดือนมกราคมปี 1968 ขณะที่ความพยาามค้นหาเรือดำน้ำที่ผ่านๆมา ล้วนแต่ประสบความล้มเหลว

รัฐบาลตัดสินใจในปี 2018 กลับมาพยายามค้นหาเรือดำน้ำมิแนร์เวออีกครั้ง หลังได้รับคำร้องขอจากครอบครัวผู้วายชนม์ และการค้นพบครั้งนี้เป็นผลจากการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ทั้งโซนาร์และโดรน

เอเอฟพีรายงานว่าทีมค้นหาชุดใหม่ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลของอุบัติเหตุใหม่อีกครั้ง ในนั้นรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับน้ำขึ้นน้ำลง เพื่อดำเนินการค้นหาซากเรือดำน้ำภายใต้ความช่วยเหลือของเทคโนโลยีใหม่ๆ


เจ้าหน้าที่กองทัพเรือฝรั่งเศสนายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเผยกับเอเอฟพีว่าเรือที่ค้นพบซากเรือดำน้ำนั้นเป็นเรือโอเชี่ยน อินฟินิตี้ ของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ โดยเรือดำน้ำถูกพบห่างจากชายฝั่งเมืองตูลง 45 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้ผิวน้ำ 2,370 เมตร

สาเหตุที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเรือมิแนร์เวอจนถึงบัดนี้ยังไม่มีความชัดเจน แม้ว่ามันเป็นหนึ่งในโศนาฏกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำทหารครั้งเลวร้ายที่สุดหนหนึ่งของโลกในช่วงยุคทศวรรษ 1960 ก็ตาม



ที่มา Data & Images -







..
#64
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 62 เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นบนเรือประมงลากอวนมหาสมุทร (Oceanic trawler) ชื่อ IIvan Golubets ขนาด 4,407 GRT บริเวณนอกชายฝั่งของท่าเรือนูอาดิโบ (Nouadhibou) ทางเหนือของสาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย (Mauritanian)  แอฟริกาตะวันตก


เพลิงไฟลุกไหม้แพร่กระจายไปทั่วลำ มีรายงานว่าลูกเรือหนึ่งคนเสียชีวิต ยังไม่ทราบความเสียหายว่ามีมากมายแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าจะรุนแรงมาก มีเรือประมงลากอวนอีกลำได้ออกมาให้ความช่วยเหลือและลากจูงเรือประมง Ivan Golubets กลับเข้าฝั่งแล้ว

เรือประมงลากอวนมหาสมุทร Ivan golubets เป็นหนึ่งในสี่ลำที่มีรัฐบาลยูเครนเป็นเจ้าของ ประกอบด้วยเรือประมง Kapitan Rusak, เรือประมง Ivan Golubets, เรือประมง Alexei Slobodchikov และเรือประมง Professor Mikhail Alexandrov และตอนนี้เรือประมง Ivan golubets ถูกเช่าเหมาลำโดยนักธุรกิจชาวลัตเวีย ภายใต้ธงจอร์เจีย รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น


เรือประมงลากอวนมหาสมุทร (Oceanic trawler) ชื่อ IIvan Golubets รหัสหมายเลข IMO คือ 8859782 ขนาด 4,407 GT สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1991 จดทะเบียนชักธง Georgia เจ้าของเรือคือ รัฐบาล Ukrainian ผู้เช่าหมาลำคือนักธุรกิจชาว Mauritanian



ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by






..
#65
ในเช้าของวันที่ 18 ก.ค. 62 เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo ship) ชื่อ Sri Lanka Glory ความยาว 69 เมตร กว้าง 12 เมตร ประสบอุบติเหตุติดเกยตื้นพื้นดิน สาเหตุจากการโดนพายุพัดกระหน่ำที่บริเวณชายฝั่งรูมาสซาลา (Rumassala) เมืองกัลล์ (Galle) ประเทศศรีลังกา


ขณะเกืดเหตุเรือสินค้า Sri Lanka Glory มีแผนเดินเรือไปยังเมืองกลัลล์ (Galle) สันนิษฐานว่าเรือได้จอดทอดสมอ และเกิดหลุดลอยหลังจากถูกพายุพัดกระหน่ำลากเรือไปติดเกยตื้นดังกล่าว ลูกเรือทั้ง 9 คนได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพเรือศรีลังกา

กองทัพเรือศรีลังการายงานว่าเรือสินค้า Sri Lanka Glory ถูกพัดเข้าฝั่งในรูมาสซาลา (Rumassala) เมืองกลัล์ (Galle) และอยู่ใกล้กับแนวปะการังโบนาวิสตา (Bonavista) นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีกว่าบนเรือมีน้ำมันบรรทุกอยู่ 158 ตัน และเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายต่อตัวเรือจนอาจนำไปสู่การรั่วไหลของน้ำมันที่ร้ายแรง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกำลังดำเนินการเพื่อตรวจสอบว่าเรือลำนี้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่


เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo ship) ชื่อ Sri Lanka Glory รหัสหมายเลข IMO คือ 9023081 ขนาด 2,391 dwt สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2003 จดทะเบียนชักธง Togo



ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by






..
#66
กองทัพเรือโดยทัพเรือภาคที่ 1 ส่งเรือรบ อากาศยาน พร้อมด้วยกรมเจ้าท่า และชุดรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย จ.ชลบุรี (ศคค.ชลบุรี) เข้าตรวจสอบเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ จอดเกลื่อนทะเลน่านน้ำแสมสาร อ.สัตหีบ กีดขวางเส้นทางจราจรทางเรือประมงพื้นบ้าน พร้อมส่งเรื่องให้กรมประมงและกรมเจ้าท่าดำเนินการตามกฏหมายต่อไป


ในวันนี้ 22 ก.ค.62 พล.ร.ท.บรรจบ โพธิ์แดง ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1 ได้รับแจ้งจากชาวประมงและประชาชนชาว ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่ามีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่หลายลำมาจอดทอดสมออยู่ในทะเล บริเวณน่านน้ำช่องแสมสาร อ.สัตหีบ จึงมอบหมายให้ พล.ร.ต.พิชัย ล้อชูสกุล เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 เข้าตรวจสอบ

โดยสั่งการให้ น.ต.จตุพร จตุทอง ผู้บังคับการเรือหลวงสัตหีบ (ร.ล.สัตหีบ) เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง 270 (ต.270) นายทหารพระธรรมนูญ ทรภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดตรวจ ศคค.ชลบุรี เข้าทำการตรวจสอบ พบเรือในบริเวณดังกล่าว จำนวนทั้งสิ้น 14 ลำ ประกอบด้วย เรือบรรทุกแก๊ส 1 ลำ เรือบรรทุกน้ำมัน 8 ลำ เรือบาส 3 ลำ และเรือขนส่งสินค้า 2 ลำ

ในเบื้องต้น จากการประสานท่าเรือมาบตพุด ทราบว่าเรือบรรทุกแก๊ส และเรือบรรทุกน้ำมัน เป็นเรือที่เคยเข้ามาจอดเพื่อรับส่งน้ำมันและแก๊ส ที่ท่าเรือมาบตาพุด แต่ปัจจุบันยังไม่มีแผนในการเข้าจอด ซึ่งโดยปกติเรือที่มีแผนจะเข้าจอดท่าเรือมาบตาพุด จะมีการกำหนดพื้นที่จอดรอ บริเวณพื้นที่จอดเรือหน้าปากร่องน้ำท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง (โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย)


และจากการสอบถามกัปตันเรือ สาเหตุที่มาจอดบริเวณนี้ เพื่อหลบคลื่นลมและรอแผนการรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ท่าเรือมาบตาพุด ในการนี้ทรภ.1 ได้ประสาน VTS ศรีราชา เจ้าท่าระยอง เจ้าท่าพัทยา และให้ ร.ล.สัตหีบ พร้อมด้วยชุดตรวจของ ศคค.ชลบุรี แจ้งเรือดังกล่าวให้นำเรือไปจอดยังพื้นที่ที่เจ้าท่าได้ระบุไว้ (มาบตาพุด) ซึ่งเรือต่าง ๆ จะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว พร้อมสั่งการให้ ร.ล.สัตหีบ จอดเรือบริเวณพื้นที่ ก.แสมสาร เพื่อสังเกตุการณ์และติดตามผลการปฏิบัติ ในการเปลี่ยนจุดจอดของเรือสินค้าให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไป

นาย อภิชาติ อร่ามรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านหัวแหลม ต.แสมสาร กล่าวว่าตามที่ กองทัพเรือโดยทัพเรือภาคที่ 1 ได้เข้ามาช่วยดูแลและประสานในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านและชาวประมงแสมสาร จนสามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนชาวแสมสาร รู้สึกซาบซึ้งและขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง สมแล้วกับคำที่ว่า "กองทัพเรือ เป็นกองทัพ ที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ" อย่างที่ท่านผู้บัญชาการทหารเรือได้กล่าวไว้



ที่มา Data & Images -





..
#67
เกิดเหตุโจรสลัดโจมตีเรือสินค้าติดธงของประเทศเกาหลีใต้ เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 22 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา โดยกลุ่มโจรทำร้ายลูกเรือและปล้นเงินสดกับทรัพย์สินไปมูลค่าหลายล้านบาท


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โจรสลัดติดอาวุธ 7 คนบุกขึ้นเรือสินค้า 'ซีเค บลูเบลล์' ขณะเดินทางในทะเลจีนใต้ ก่อนทำร้ายลูกเรือจนได้รับบาดเจ็บ 2 คน แล้วชิงเงินสดจำนวน 13,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4 ล้านบาท) และปล้นสิ่งของไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า และโทรศัพท์ จากลูกเรือทั้ง 22 คนไป

ทั้งนี้ เรือ ซีเค บลูเบลล์ เดินทางออกจากจุดจอดเรือนอกชายฝั่งประเทศสิงคโปร์เมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ โดยมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือสู่ท่าเรืออินชอนของเกาหลีใต้ แต่ถูกโจรสลัดดักปล้นระหว่างทาง อย่างไรก็ตาม หลังจากถูกปล้นแล้ว เรือลำนี้ยังสามารถเดินทางต่อได้ตามปกติ



ที่มา Data & Images -




ยอนฮัปเผยโจรสลัดโจมตีเรือบรรทุกสินค้าเกาหลีใต้ใกล้ช่องแคบสิงคโปร์

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2562 - สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า โจรสลัดได้โจมตีเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติเกาหลีใต้ลำหนึ่งในบริเวณใกล้กับช่องแคบสิงคโปร์ ในช่วงเช้านี้ โดยโจรสลัดได้ทำร้ายลูกเรือและปล้นเงินสดไปได้หลายพันดอลลาร์


รายงานของยอนฮัประบุว่า โจรสลัด 7 คนซึ่งอยู่บนเรือเร็วลำหนึ่ง ได้โจมตีเรือ CK BlueBell ก่อนรุ่งเช้าของวันนี้ ส่งผลให้ลูกเรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจสิงคโปร์ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยชายฝั่งนั้น ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ จำนวนโจรสลัดที่แล่นเรือปล้นสะดมในท้องทะเล ซึ่งเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ลดน้อยลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจตราที่เข้มงวดมากขึ้น



ที่มา Data & Images -





..
#68
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลฝรั่งเศสทำการเสริมเขี้ยวเล็บความมั่นคงทางทะเลไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวเรือดำน้ำจู่โจมพลังงานนิวเคลียร์รุ่นใหม่ล่าสุด


โดยใช้ชื่อว่าชั้น "บาร์ราคูด้า" ขนาดระวางใต้น้ำ 5,300 ตัน ความยาวตัวเรือ 99.5 เมตร ความเร็วสูงสุด 25 นอต ระดับความลึกในการดำน้ำแน่นอนว่าเป็นความลับ แต่ระบุว่ามีระยะเวลาปฏิบัติการตามเสบียง 70 วัน

ที่สำคัญคือ ติดตั้งท่อยิงตอร์ปิโดขนาด 533 มิลลิเมตร จำนวน 4 ท่อยิง พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อนแบบใบพัด และไอพ่นน้ำ ซึ่งระบบอย่างหลังจะทำให้การเดินเรือใต้น้ำเป็นไปอย่างเงียบสงัด โอกาสถูกตรวจจับเมื่อเทียบกับเรือดำน้ำรุ่นเก่ายุคสงครามเย็น อยู่ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1,000

จากข้อมูลกลาโหมฝรั่งเศสเปิดเผยว่า เรือดำน้ำชั้นบาร์ราคูด้าจะมาทดแทนเรือดำน้ำจู่โจมรุ่นเก่าชั้นรูบีส์ โดยตามกำหนดทัพเรือฝรั่งเศสจะได้รับการส่งมอบเรือชั้นบาร์ราคูด้าจากบริษัทต่อเรือฝรั่งเศสเนวัล กรุ๊ป อีก 3 ลำภายในปี 2568 และอีก 2 ลำภายในปี 2573 รวมทั้งหมด 6 ลำ โดยลำแรกที่เปิดตัวมีชื่อรหัสว่า "ซุฟเฟรน"

พล.ร.อ.คริสตอฟ ปราซุค กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า เรือดำน้ำรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่เรือลาดตระเวน แต่มันคือ "ฮันเตอร์" หรือนักล่า เนื่องด้วยระบบปล่อยอาวุธได้ถูกเพิ่มขีดความสามารถ ให้ยิงขีปนาวุธโจมตีภาคพื้นดิน รุ่น SCALP สคาฟ ที่กองเรือฝรั่งเศสเคยใช้ยิงถล่มฐานความมั่นคงประเทศซีเรีย ในเดือน เม.ย.2561 รวมไปถึงจรวดร่อนต่อต้านเรือรบเอ็กโซเซต์


ขณะที่นักวิเคราะห์ความมั่นคงมองด้วยว่า บาร์ราคูด้าจะเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางทะเลของฝรั่งเศส ไม่เฉพาะการต่อสู้ทางเรือ แต่รวมไปถึงเรื่องการหาข่าวสอดแนม เนื่องด้วยความเงียบในการขับเคลื่อน นอกจากนี้ เรือยังถูกออกแบบไว้รองรับการทำงานร่วมกับทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เพื่อแทรกซึมทางยุทธวิธีหลังแนวรบข้าศึกเช่นกัน

ในปฏิบัติการซ้อมรบทางทะเลที่ผ่านมา เรือดำน้ำจู่โจมรุ่นเก่าชั้นรูบีส์ เคยประสบความสำเร็จในการลอบจมเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์ พร้อมเรือลาดตระเวนคุ้มกันชั้นไทคอนดิโรกามาแล้ว จึงน่าจะพอตอบคำถามได้ว่า ในการรบจริงเรือดำน้ำจะมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์เช่นไร และน่าจับตาต่อไปว่าเรือชั้นบาร์ราคูด้าจะมีบทบาทเช่นไรในอนาคต.

ตุ๊ ปากเกร็ด



ที่มา Data & Images -







..
#69
ในช่วงบ่ายของวันที่ 14 ก.ค. 62 ที่ผ่านมา เรือบรรทุกสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์ (Container ship) ชื่อ Soul of Luck ขนาดความยาว 168 เมตร กว้าง 27 เมตร ประสบอุบัติเหตุขณะแล่นเรือเข้าเทียบท่าเรือ TPKS Container Terminal Semarang Port ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย โดยเดินทางมาจากท่าเรือ Port Klang ประเทศมาเลเซีย


เรือสินค้า Soul of Luck ได้พุ่งเข้าชนเครนท่าเรือ จนทำให้เครนทรุดตัวล้มลงบริเวณหน้าท่าเรือ (เห็นได้ชัดเจนในคลิปวิดีโอ) ตัวเครนได้รับความเสียหายรุนแรง ยังไม่มีรายงานว่ามีการบาดเจ็บหรือล้มตาย พื้นที่ถูกสั่งปิดทันทีหลังจากเกิดอุบัติเหตุ

อุบัติเหตุไม่ได้หยุดเพียงแค่การพุ่งชนท่าเรือและเครนหน้าท่าล้มลง เรือสินค้า  Soul of Luck ยังได้เคลื่อนตัวลอยลำต่อไปจนชนเข้ากับเรือบรรทุกสินค้าทั่วไปชื่อ CERIA 8 (MMSI 525060609) ความยาว 51 เมตร ชักธงอินโดนีเซีย ที่จอดเทียบท่าเรืออยู่ใกล้กับบริเวณนั้นอีกด้วย การชนทำให้เกิดการฉีกขาดของเหล็กด้านข้างของตัวเรือ CERIA 8 ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้


เรือบรรทุกสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์ (Container ship) ชื่อ Soul of Luck รหัสหมายเลข IMO คือ 9148647 ขนาด 21,519 dwt สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1997 จดทะเบียนชักธง Panama



ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by







..
#70
ลูกเรือบรรทุกสินค้าชาวตุรกี 10 คน ถูกกลุ่มโจรสลัดบุกจี้บังคับ และควบคุมตัวไปจากเรือ ในทะเลนอกชายฝั่งประเทศไนจีเรีย ในอ่าวกินี ทางภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา เมื่อวันจันทร์ 15 ก.ค. 62


นายอาเหม็ด แพคซอย หุ้นส่วนเจ้าของบริษัทขนส่งสินค้าทางทะเล "คาดิโอกลู เดนิสไซลิค"ซึ่งเป็นเจ้าของเรือลำที่ถูกปล้น เผยเมื่อวันอังคาร ว่า กลุ่มโจรสลัดบุกขึ้นเรือที่ชื่อว่า "แพคซอย-1" ซึ่งกำลังแล่นจากแคเมอรูน ไปไอวอรีโคสต์ และทำลายระบบอิเล็กทรอนิกส์ของเรือ ก่อนจะลักพาตัวลูกเรือไป 10 คน รวมถึงกัปตันเรือ

นายแพคซอยเผยอีกว่า ลูกเรือที่เหลือ 8 คน สามารถนำเรือเข้าเทียบท่าที่ประเทศกานา โดยเรือได้รับการคุ้มกันจากกองทัพเรือกานา ทันทีที่แล่นเข้าสู่เขตน่านน้ำของกานา และล่าสุด กลุ่มคนร้ายยังไม่ติดต่อมาที่บริษัท ซึ่งคาดว่าจะเรียกร้องเงินค่าไถ่

จากข้อมูลขององค์การพาณิชย์นาวีระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มบี (International Maritime Bureau : IMB) ระบุว่า อ่าวกินีเป็นเขตน่านน้ำที่เสี่ยงภัยจากโจรสลัดมากที่สุดในโลก

ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ 73 % ของการลักพาตัวในทะเล และ 92 % ของการจับกุมตัวประกัน เกิดขึ้นในอ่าวกินี ซึ่งอยุ่นอกชายฝั่งประเทศไนจีเรีย, กินี, โตโก, เบนิน และแคเมอรูน.




ที่มา Data & Images - newtv.co.th






..
#71
บริษัทฮัชคราฟต์ (Hushcraft Ltd) ในอังกฤษ ทดสอบใช้เรือสินค้าไร้คนขนาดเล็กเชิงพาณิชย์ครั้งแรก ดำเนินการส่งของไปยังท่าเรือต่างประเทศ ถือเป็นครั้งแรกของโลก


เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน บริษัทฮัชคราฟต์ของอังกฤษ ได้ทำการทดสอบใช้เรือสินค้าไร้คนเขนาดเล็ก ทำการส่งของไปยังท่าเรือต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการใช้เรือไร้ลูกเรือในเชิงพาณิชย์

ทั้งนี้ เรือดังกล่าวของฮัชคราฟต์ถูกสร้างโดยบริษัทซี-คิต อินเตอร์แนชนัลในอังกฤษ และได้รับเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธินิปปอนของญี่ปุ่น ทำจากโลหะอะลูมิเนียม ขนาดลำตัวยาว 12 เมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด พลังงานดีเซล-ไฟฟ้า นำทางด้วยระบบเครือข่ายดาวเทียม พร้อมติดตั้งด้วยกล้องวงจรปิด กล้องตรวจจับความร้อน และเสียงหวูดเพื่อเตือนเรือข้างเคียง

นอกจากนี้ เรือดังกล่าวยังเคยได้รับรางวัลในการประกวดของบริษัทพลังงานเชลล์เป็นมูลค่ากว่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการทดสอบส่งสินค้ามีขึ้นเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นกล่องบรรจุหอยนางรมขนาด 5 กิโลกรัม ออกจากท่าเรือเมืองเอสเซ็กซ์ของอังกฤษ มุ่งตรงสู่ท่าเรือเมืองออสเทนของเบลเยียม เป็นระยะทางเกือบ 200 กิโลเมตร ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี


ด้านนายลอว์เรนซ์ เบรนแนน อดีตทหารเรือสหรัฐฯ และศาสตราจารย์ด้านการเดินเรือและกฎหมายการเดินเรือประจำมหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ระบุว่าเรือไร้ลูกเรือของฮัชคราฟต์ ถูกบังคับด้วยเจ้าหน้าที่ 4 คน ในศูนย์ควบคุมที่เขตโทลเลอร์บิวรี เมืองเอสเซ็กซ์ ของอังกฤษ

'ข้อได้เปรียบคือเป็นการลดต้นทุนอย่างมหาศาล ไม่จำเป็นต้องจ้างลูกเรือ ทั้งลดความเสี่ยงที่อาจเกิดกับลูกเรือในกลางทะเล ขณะที่ตัวเรือก็จะใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องมีห้องน้ำหรือห้องนอนของลูกเรือ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลสำหรับเทคโนโลยีใหม่นี้ คือการสูญเสียสัญญาณติดต่อกับศูนย์ควบคุม ทำให้อาจเกิดเหตุเรือผี หายไปในท้องทะเล หรือกระทั่งถูกจี้ปล้นโดยโจรสลัด สูญเสียสินค้า'

ขณะที่ดร.แคโรไลน่า ซโวลาค สมาชิกทีมบริษัทซี-คิต อินเตอร์แนชนัล เผยว่าจะทำการทดสอบแล่นเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกในปีหน้า แต่เข้าใจว่าระบบเทคโนโลยีนำร่องและการสื่อสารต้องพัฒนามากกว่านี้ พร้อมยอมรับว่าเวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สิ่งที่จะกู้สถานการณ์คือความคิดสร้างสรรค์ การคิดนอกกรอบ และประสบการณ์ของลูกเรือมนุษย์



ที่มา Data & Images -






..
#72
เรื่องควรรู้เมื่อมนุษย์สะสมพลาสติกขนาดเล็กจิ๋วไว้ในร่างกายกว่า 10,000 ชิ้น


ก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่ข่าวที่ระบุว่า มนุษย์กำลังกินพลาสติกหนักราว 5 กรัมใกล้เคียงกับน้ำหนักของบัตรเครดิตทุกสัปดาห์ หรือราว 21 กรัมต่อเดือน และ 250 กรัมต่อปี

แม้ตัวเลขนี้จะแปรผันตามประเภทอาหารที่รับประทานและปัจจัยอื่นๆ แต่จากรายงานของมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศออสเตรเลีย พบว่า ผู้คนทั่วโลกบริโภคไมโครพลาสติกที่มาพร้อมอาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งอากาศเข้าสู่ร่างกายราว 2,000 หน่วยต่อสัปดาห์

ถ้ายังนึกไม่ออกว่ามันมากน้อยขนาดไหน รศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายให้เห็นภาพว่า "ปัจจุบันจากการที่มีการคำนวณการกินอาหารต่างๆ พบว่าโดยเฉลี่ยคนเราน่าจะมีไมโครพลาสติกอยู่ในกระเพาะอาหารมากกว่า 10,000 ชิ้น"

สอดคล้องกับผลการศึกษา 'การปนเปื้อนไมโครพลาสติกในอาหารและมนุษย์' โดยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของออสเตรีย (The Environment Agency Austria) ที่ได้นำอุจจาระจากผู้ร่วมการทดลอง 8 คน จาก 8 ประเทศ อาทิ ออสเตรีย อิตาลี ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ญี่ปุ่น รัสเซีย และสหราชอาณาจักร มาวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ (ผู้ร่วมการทดลองไม่มีใครทานมังสวิรัต และมี 6 คนที่ทานปลาทะเล)

ผลที่ได้คือ ตรวจเจอไมโครพลาสติกจากอุจจาระของผู้ที่ร่วมการทดสอบทุกราย โดยไมโครพลาสติกที่พบมีตั้งแต่ พอลิเอทธิลีนเทเรฟธาเลท (ใช้ทำขวดน้ำดื่ม) โพลีพรอพีลีน (ถุงร้อน, พลาสติกบรรจุอาหาร) ไปจนถึง โพลีไวนิลคลอไรด์ หรือ PVC (ฟิล์มห่ออาหาร) เฉลี่ยแล้วพบว่าในแต่ละ 10 กรัมของอุจจาระจะเจออนุภาคของไมโครพลาสติกจำนวน 20 ชิ้น

ดูเหมือนไมโครพลาสติกเหล่านี้จะรุกคืบเข้าสู่ร่างกายของเราแบบไม่บอกกล่าว คำถามก็คือ แล้วพวกมันมาจากไหน ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์อย่างไรบ้าง

รู้ไว้ไมโครพลาสติก

ไมโครพลาสติก (Microplastics) คือชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กมากที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งปนเปื้อนลงไปในสิ่งแวดล้อม คำนี้ไม่ได้หมายถึงพลาสติกประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่หมายถึงเศษพลาสติกใดๆ ที่มีขนาดเล็กว่า 5 มิลลิเมตร (ตามนิยามของสำนักงานบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา)

ไมโครพลาสติก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Primary Microplastics ซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยตรงจากโรงงานตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน เช่น พวกไมโครบีดส์ในโฟมล้างหน้า เครื่องสำอาง สครับขัดผิว หรือยาสีฟัน อีกประเภทหนึ่งคือ Secondary Microplastics เกิดจากการที่พลาสติกขนาดใหญ่แตกหักหรือผุกร่อนจากคลื่น แสงอาทิตย์ หรือแรงบีบอัด จนกลายเป็นชิ้นเล็กๆ

แม้กระทั่งในกลุ่มพลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ (Biodegradable plastic) ก็พบเป็นส่วนหนึ่งของไมโครพลาสติกเช่นเดียวกัน

"พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้จะย่อยสลายได้จริงต่อเมื่ออยู่บนบกเท่านั้น เพราะว่าบนบกมีแบคทีเรีย มีอุณหภูมิที่เหมาะสม เป็นปัจจัยที่ช่วยในการย่อยสลาย แต่พอลงทะเลปุ๊บ ทะเลไม่ได้มีแบคทีเรียชนิดนั้น และอุณหภูมิของน้ำทะเลก็ไม่ได้สูงจนสามารถที่จะย่อยพลาสติกเหล่านี้ได้ เมื่อตกลงไปในทะเล พอถูกแสงแดด พลาสติกจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมีขนาดเล็กเกินกว่าที่ตาเราจะมองเห็น ในระดับที่เรียกว่าไมโครพลาสติก" รศ.ดร.สุชนา ให้ข้อมูลเบื้องต้น

ปัญหาก็คือเมื่อไมโครพลาสติกเหล่านี้ปนเปื้อนในแม่น้ำลำธาร ทะเลและมหาสมุทร ไม่เพียงส่งผลต่อระบบนิเวศ ยังเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารโดยผ่านสัตว์ทะเลชนิดต่างๆ ก่อนจะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ซึ่งรศ.ดร.สุชนา และทีมงาน ได้เริ่มต้นงานวิจัยเพื่อศึกษาถึงการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก เมื่อปี 2017 โดยการสำรวจสัตว์ทะเลประเภทหอย พบว่ามีการสะสมของไมโครพลาสติกอยู่ด้วย

"ทีมวิจัยมีการเก็บตัวอย่างหอยนางรม หอยฝาเดียว รวมถึงเพรียงจากทะเลบริเวณต่างๆ มาศึกษา พบว่าตัวอย่างสัตว์ทะเลที่เก็บมามากกว่า 90% มีการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก ทั้งนี้ในงานวิจัยมีการจำแนกด้วยว่าโมโครพลาสติกที่พบเป็นชนิดใด อะไรบ้าง ปรากฎว่าชนิดของไมโครพลาสติกที่พบในสัตว์ทะเลในแต่ละบริเวณจะขึ้นกับกิจกรรมของมนุษย์ในบริเวณนั้นด้วย

ยกตัวอย่างเราเก็บหอยบริเวณหนึ่งแล้วพบว่าไมโครพลาสติกส่วนใหญ่เป็นไนลอน ผลปรากฏว่าแถวนั้นมีการทำประมงเยอะ มีอวนเยอะ ซึ่งอวนก็เป็นตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดไมโครพลาสติก หรือว่าบริเวณที่ไปเก็บหอยเป็นแหล่งท่องเที่ยว เราจะพบไมโครพลาสติกที่เป็นพีวีซี ซึ่งมาจากขวดน้ำ แก้วน้ำพลาสติกต่างๆ เยอะมากเพราะฉะนั้นไมโครพลาสติกที่พบสามารถบ่งชี้ไปได้เลยว่าบริเวณนั้นมีกิจกรรมอะไรที่ทำให้เกิดไมโครพลาสติก"


จากทะเลไทยถึงขั้วโลก

ด้วยปริมาณมหาศาลของการผลิตพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวและระบบการจัดการขยะพลาสติกที่ล้มเหลว ทำให้ขยะจำนวนมากเดินทางสู่แม่น้ำลำคลอง ท้องทะเลและมหาสมุทร ภาพของสัตว์ทะเลที่กินพลาสติกโดยไม่ตั้งใจ รวมไปถึงซากของพวกมันที่ในท้องเต็มไปด้วยขยะพลาสติก เป็นเพียงหลักฐานที่ปรากฎชัดถึงสัญญาญอันตรายของระบบนิเวศ แต่สำหรับ 'ไมโครพลาสติก' ภัยที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่านี้ ดูเหมือนว่าความร้ายกาจของพวกมัน คือการแทรกซึมเข้าสู่สภาพแวดล้อมและโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตอย่างเงียบเชียบและกว้างขวาง

รศ.ดร.สุชนา บอกว่าทีมวิจัยได้ศึกษาไมโครพลาสติกในปะการัง ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ได้สร้างความแปลกใจเท่าไร แต่ตอกย้ำสถานการณ์ที่น่ากังวลมากกว่า

"สัตว์ทะเลที่เป็นพวกกรองกินมีโอกาสที่จะกรองกินไมโครพลาสติกเข้าไปสูง ซึ่งปะการังก็เหมือนกัน โดยพบว่า 1 โพลิป (polyp) ของปะการังจะมีไมโครพลาสติก 1 อัน เพราะฉะนั้นตัวปะการัง 1 ตัว ที่มีโพลิปเป็น 100-1,000 โพลิป ก็มีโอกาสที่จะเจอไมโครพลาสติกเป็นร้อยเป็นพัน ซึ่งตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าจะส่งผลอะไรบ้าง แต่มีโอกาสตรงที่พวกนี้เป็นมลพิษที่อาจจะทำให้เกิดการฟอกขาวง่ายมากขึ้น"

นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังเริ่มสนใจศึกษาถึงผลกระทบในสัตว์ทะเลเล็กๆ ที่กรองกินไมโครพลาสติกเข้าไป ยกตัวอย่างเช่น โคพีพอด (Copepod) สัตว์จำพวกเดียวกับกุ้ง พบว่าถ้ามีไมโครพลาสติกเข้าไปร่างกายจะทำให้การสืบพันธุ์หยุดชะงัก การเจริญเติบโตหยุดชะงัก หรือในปลาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็พบความเป็นไปได้ว่าการกินไมโครพลาสติกมีผลต่อการเกิดบาดแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งนั่นหมายความว่า เมื่อไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายมนุษย์อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางใดทางหนึ่ง

ที่น่าตกใจก็คือ การเดินทางของไมโครพลาสติกเหล่านี้ ปัจจุบันไปไกลถึงบริเวณขั้วโลกที่แทบจะไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ ซึ่ง รศ.ดร.สุชนา เล่าว่า "ทีมวิจัยเองได้มีโอกาสเดินทางไปทำวิจัยที่ขั้วโลก ก็พบว่ามีไมโครพลาสติก นั่นแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พวกเรากระทำนั้นส่งผลไปถึงขั้วโลกเลย ทั้งที่บริเวณนั้นไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ แต่นั่นมาจากการที่เราทิ้งแล้วกระแสน้ำหมุนเวียนไปถึงบริเวณขั้วโลก"

และเมื่อนำตัวอย่างน้ำ ดิน ดินในทะเล รวมถึงสัตว์ที่อยู่บริเวณนั้นมาเปรียบเทียบกับตัวอย่างในประเทศไทย คำตอบที่ได้ก็ทำให้ยิ่งต้องตระหนักในปัญหาเหล่านี้มากขึ้น เนื่องจากปริมาณไมโครพลาสติกที่พบแถบขั้วโลกนั้นค่อนข้างสูง ทว่ายังไม่สูงเท่ากับที่พบในประเทศไทย

"บริเวณนั้นไม่กิจกรรมมนุษย์เลย ไมโครพลาสติกที่พบส่วนใหญ่มาจากอวน และขวดพลาสติกต่างๆ แล้วที่ขั้วโลกเราก็พบขวดพลาสติกด้วยเช่นเดียวกัน โดยถูกกระแสน้ำพัดพาไป"

นั่นคือความจริงที่ว่า ขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นบนพื้นโลกกำลังไหลเวียนอยู่ในมหาสมุทรและเดินทางต่อไปในทุกทิศทุกทางโดยไม่มีการแบ่งแยกอาณาเขตประเทศ หนทางเดียวก็คือเราต่างต้องช่วยกันลดปริมาณขยะพลาสติกเหล่านี้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

ภัยจิ๋วในร่างกายมนุษย์

เมื่อขยะพลาสติกเพียงร้อยละ 9 เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล อีกประมาณร้อยละ 12 ถูกนำไปเผาและก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ที่เหลือมากถึงร้อยละ 79 คือขยะปริมาณมหาศาลที่ตกค้างอยู่ในสภาพแวดล้อม ไหลลงสู่ท้องทะเล ก่อนจะหลุดเข้าไปในห่วงโซ่อาหาร โดยมีมนุษย์เป็นผู้บริโภครายใหญ่

ตลอดเส้นทางนี้ชัดเจนว่า ไมโครพลาสติกได้ถูกกรองกินโดยสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด และในจำนวนสัตว์ทะเลที่สะสมไมโครพลาสติกไว้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาหารของมนุษย์ ไม่เว้นแม้แต่ในเกลือปรุงอหาร โดยผลการศึกษาร่วมกันระหว่าง ศาสตราจารย์ซึง-คยู คิม (Seung-Kyu Kim) แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติอินชอน และกรีนพีซ เอเชียตะวันออก เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในเกลือ พบไมโครพลาสติกในเกลือจากแบรนด์ต่างๆ จากทั่วโลก (ข้อมูล www.greenpeace.org)

ในรายงานชิ้นนี้ระบุว่า เมื่อไมโครพลาสติกเหล่านี้หลุดรอดเข้าไปอยู่ในร่างกายของเราโดยที่เราไม่รู้ตัวนั้น ข่าวร้ายก็คือ พลาสติกเล็กจิ๋ว(แต่ร้าย)พวกนี้มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า BPA หรือบิสฟีนอลเอ สารตัวนี้จะไปรบกวนการทำงานของระบบในร่างกาย รบกวนการทำงานการปล่อยฮอร์โมนเอสโทรเจน

แม้จะยังไม่มีการศึกษาลงไปในรายละเอียดว่า ไมโครพลาสติกที่เข้าไปในร่างกายนั้นจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์อย่างไรบ้าง แต่จากการคำนวณการรับประทานอาหารชนิดต่างๆ เชื่อว่าโดยเฉลี่ยในคนที่ทานอาหารปกติน่าจะมีไมโครพลาสติกอยู่ในกระเพาะอาหารมากกว่า 10,000 ชิ้น (ขึ้นอยู่กับลักษณะและปริมาณการรับประทานอาหารทะเล)

"บางคนบอกว่าถ้าอยู่ในกระเพาะอาหารแล้วไม่น่าเป็นห่วง เพราะน่าจะขับถ่ายออกไป แต่จริงๆ แล้วการขับถ่ายไม่สามารถทำให้ไมโครพลาสติกออกได้หมด ก็ยังเหลือตกค้าง

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือถ้าตกค้างอยู่ภายในร่างกายแล้ว และไมโครพลาสติกมีการแตกตัวเล็กลงจากไมโครเมตร เป็นนาโนเมตร หรือพิโคเมตร หรือเล็กเท่ากับแบคทีเรียหรือไวรัส อาจจะหลุดเข้าไปอยู่ในเส้นเลือดได้ แบบนี้น่ากลัว เพราะว่าแบคทีเรีย ไวรัสเข้าได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นขนาดไมโครพลาสติกหลุดเข้าไปในเส้นเลือดอาจจะไปขวางกั้นเส้นเลือดเราก็ได้ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคือถ้าไปฝังตามเนื้อเยื่อของเรา อาจจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็งเกิดขึ้นได้ ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ต้องใช้เวลานานพอสมควรที่จะเกิดขึ้นให้เห็น

เพราะฉะนั้นตอนนี้เราก็ได้แค่ทราบแล้วก็ระวังไว้ เพราะว่าไมโครพลาสติกปนเปื้อนไปทุกหนแห่งแล้ว เราก็ต้องปรับพฤติกรรมของเราเองด้วย"

รศ.ดร.สุชนา ย้ำว่าไม่ได้พูดให้ตระหนกแต่อยากให้ทุกคนตระหนักและหาวิธีป้องกัน โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งอยู่ในอันดับ 6 ของประเทศที่มีขยะพลาสติกในทะเลมากที่สุดในโลก สิ่งสำคัญคือการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง

"การจัดการขยะที่ดี เราต้องจัดการตั้งแต่บนบก เพราะพอพลาสติกลงไปในทะเลแล้ว การจัดการจะลำบากมาก ถึงแม้เราจะเก็บกวาดขยะก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถเก็บได้หมด ยิ่งถ้าเป็นไมโครพลาสติกแล้ว เรายิ่งไม่สามารถจัดการมันได้เลย เพราะฉะนั้นยิ่งลงทะเลแล้วแตกหักเป็นชิ้นเล็กมากเท่าไหร่ อันตรายหรือผลกระทบก็จะยิ่งสูง การที่เราจะทำความสะอาดก็ยิ่งยาก ฉะนั้นทางที่ดีคือไม่ให้ขยะและพลาสติกลงทะเลไปตั้งแต่แรกเพราะ ณ ขณะนี้เราไม่สามารถสร้างพลาสติกที่ย่อยสลายได้ในทะเล"

ความเป็นไปได้มากที่สุดในการรับมือกับภัยจิ๋วเหล่านี้ จึงยังไม่มีอะไรดีไปกว่าการลดปริมาณขยะพลาสติก ทั้งปริมาณการผลิตและการใช้ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน

...ไม่ว่าจะเพื่อโลกหรือเพื่อเรา


+++++++++++++++

กรุงเทพธุรกิจ เซคชั่นจุดประกาย ฉบับวันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2562



ที่มา Data & Images -







..
#73
ซูโจว, จีน--17 ก.ค. 62 --พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ - โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำขนาด 200 กิโลวัตต์แห่งแรกในฟิลิปปินส์ของ Ocean Sun บริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำจากนอร์เวย์ ได้เริ่มเปิดใช้งานแล้วเมื่อไม่นานมานี้ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่าง Ocean Sun กับ GCL-SI ซึ่งเป็นผู้จัดหาโมดูลชั้นนำ และเป็นโครงการแบบไม่ใช้พลังน้ำโครงการแรกของ SN Aboitiz Power-Magat (SNAP) บริษัทพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของฟิลิปปินส์


โรงไฟฟ้าแห่งนี้อยู่ในอ่างเก็บน้ำมากัตพื้นที่ 1,170 เฮกตาร์ โดยได้รับการออกแบบให้ทนต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนและพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรง โครงการนี้จะทำการทดสอบระยะเวลา 10 เดือน และในเบื้องต้นจะตอบสนองความต้องการการใช้พลังงานน้ำในมากัตของ SNAP ถ้าประสบความสำเร็จ SNAP จะขยายโครงการเพื่อให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานหมุนเวียน เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของฟิลิปปินส์

เอริค หลัว ประธานบริษัท GCL-SI กล่าวว่า "GCL มุ่งมั่นพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่คุ้มค่าในระดับโลกมาโดยตลอด การร่วมมือกับ Ocean Sun ในการบุกเบิกโครงการในฟิลิปปินส์ตอกย้ำถึงความไว้วางใจที่เราได้รับจากพันธมิตรทั่วโลก"

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ (การติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนผิวน้ำ) เป็นเทคโนโลยีที่สร้างโอกาสใหม่ๆ และเหมาะสำหรับประเทศที่มีความต้องการใช้ที่ดินในระดับสูง อัลฟองโซ คูซี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ศักยภาพของแผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบลอยน้ำจะช่วยตอบสนองความต้องการพลังงานในประเทศที่สูงถึง 11,000 เมกะวัตต์ได้เป็นอย่างดี


ภายใต้ข้อตกลงระหว่าง Ocean Sun กับ GCL-SI ที่เกิดขึ้นในงาน Shanghai SNEC ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนาโมดูลสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ โดย GCL-SI จะยกระดับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูง รวมถึงให้การสนับสนุน Ocean Sun ในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อให้สอดรับกับความต้องการทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วและความต้องการพลังงานหมุนเวียนในฟิลิปปินส์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ออยวินด์ รอห์น ซีอีโอ และ บอร์ก บียอร์นเนคเลต ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Ocean Sun กล่าวว่า "การเป็นพันธมิตรกับ GCL คือหลักชัยสำคัญของ Ocean Sun และจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับการใช้งานขนาดใหญ่ เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ GCL มาเป็นพันธมิตร และจะเดินหน้ายกระดับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำไปอีกขั้น"



ที่มา Data & Images -





..
#74
เอเจนซีส์ - กระทรวงต่างประเทศตุรกี ระบุในวันอังคาร (16 ก.ค. 62) ว่าตุรกีมีแผนจะส่งเรือลำที่สี่ไปยังน่านน้ำนอกประเทศไซปรัสเพื่อค้นหาก๊าซและน้ำมัน แม้ว่าสหภาพยุโรปจะทำการจำกัดการติดต่อและเงินทุนแก่อังการาเพราะเรื่องนี้


"การตัดสินใจดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบแม้แต่น้อยต่อความตั้งใจของประเทศของเราในการดำเนินกิจกรรมไฮโดรคาร์บอนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก" กระทรวงต่างประเทศตุรกีระบุ

ข้อพิพาทเกิดขึ้นจากการอ้างสิทธิ์ที่เหลื่อมล้ำกับน่านน้ำในระดับภูมิภาคโดยตุรกีและไซปรัส โยงไปถึงกรณีเกาะระหว่างชาวกรีซและชาวตุรกีเชื้อสายไซปรัส ซึ่งอังการาปฏิเสธข้อตกลงที่รัฐบาลไซปรัสทำร่วมกับชาติอื่นในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจทางทะเล

ตุรกีได้บอกกับบรรดาบริษัทด้านพลังงานว่าอย่าทำงานร่วมกับรัฐบาลไซปรัส และส่งเรือไปขุดเจาะพลังงานที่เกาะดังกล่าว ซึ่งถูกแบ่งแยกตั้งแต่มีการรุกรานของตุรกีในปี 1974


เมื่อวันจันทร์ บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรป ได้ระงับการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการขนส่งทางอากาศ และเห็นพ้องที่จะไม่จัดประชุมระดับสูงระหว่างสหภาพยุโรป - ตุรกี

นอกจากนี้ยังได้ลงนามในข้อเสนอเพื่อลดความช่วยเหลือแก่ตุรกีในปี 2020 และเชิญธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งยุโรป ให้ทบทวนกิจกรรมการให้กู้ยืมในตุรกี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้กู้ยืมเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล



ที่มา Data & Images -






..
#75
เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 1 ก.ค. 62 ได้เกิดการระเบิดและตามด้วยไฟลุกไหม้ขึ้นบนเรือขนส่งแก็สแอลพีจี (LPG Tanker) ชื่อ SYN Zania ความยาว 95 เมตร กว้าง 16 เมตร ขณะเรือจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือของคลังน้ำมัน Petkim Refinery terminal เมืองอะเลียกา (Aliaga) ประเทศตุรกี


ตามรายงานแจ้งว่าบนเรือ SYN Zania มีลูกเรือตกค้างอยู่ 1 คน ส่วนลูกเรืออีก 15 คนได้อพยพหนีออกจากเรือได้ทันและถูกนำส่งไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาพยาบาลทั้งหมด ไม่มีรายงานการบาดเจ็บสาหัส

ยังไม่ทราบสาเหตุของการระเบิด รถดับเพลิงบนบกและเรือดับเพลิงถูกระดมมาช่วยกันดับไฟ ทีมดับเพลิงรายงานว่าไฟได้ดับลงเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 2 ก.ค. 62 ลูกเรือประกอบด้วยชาวอิตาลี 15 คนและสัญชาติโรมาเนีย 1 คน


เรือขนส่งแก็สแอลพีจี (LPG Tanker) ชื่อ SYN Zania รหัสหมายเลข IMO คือ 9346938 ขนาด 4,026 dwt สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2008 จดทะเบียนชักธง Italy



ที่มา Data & Images - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย - Translated by







..