ข่าว:

คุณ ต้องลงทะเบียนสมัครสมาชิกก่อน ตอบกระทู้หรือตั้งคำถามใหม่ นะครับ

Main Menu

ผู้เชี่ยวชาญคาด! “ฟาร์มใต้น้ำ” อาจแก้ปัญหาขาดแคลนอาหาร

เริ่มโดย mrtnews, ส.ค 17, 15, 19:12:59 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

นักดำน้ำ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร พัฒนาโครงการปลูกพืชภายในห้องที่อยู่ก้นทะเล เพราะมองว่าอาจเป็นแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงด้านอาหารได้ในอนาคต


โครงการทดลองอยู่ห่างจากชายฝั่งโนลี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลีไป 100 เมตร ห้องที่ใช้ปลูกพืชจะมีลักษณะโป่งพองเหมือนบอลลูน ถูกนำไปยึดตรึงอยู่ใต้ก้นทะเล ภายในนั้นจะใช้เป็นที่ปลูกพืชหลายชนิด ทั้ง กะหล่ำปลีแดง, ผักกาดหอม, ฝักถั่ว และสตรอว์เบอรี

อาจฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ว่านี่คือผลงานของกลุ่ม โอเชียน รีฟ กรุ๊ป (Ocean Reef Group) โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร และบริษัทที่ทำธุรกิจดำน้ำ ซึ่งต่างหวังว่าจะประยุกต์เอาความรู้ และเทคโนโลยีที่มีอยู่ เพื่อหาแนวทางใหม่ในการผลิตอาหาร

โครงการวิจัยนี้ ใช้ชื่อว่า "นีโมส์ การ์เดน" (Nemo's Garden) เริ่มขึ้นเมื่อปี 2012 และจนถึงตอนนี้มีอยู่ 6 ห้อง ที่อยู่ใต้ท้องทะเล แต่ละห้องจะมีถาดปลูกพืชวางเรียง 8–10 ถาด หรือกระถางปลูกพืช 22 กระถาง ห้องใต้น้ำที่ใช้ปลูกพืช จะได้รับการออกแบบเป็นพิเศษไม่ให้เกิดการผุพังหรือมีน้ำทะลักเข้ามา เป้าหมายเพื่อหวังว่าสักวันพืชที่ปลูกใต้น้ำจะนำมาขายในท้องตลาดได้

ส่วนรัฐบาลท้องถิ่นก็อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการได้ 5 เดือนต่อปี คือระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ย. โครงการนี้ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากการระดมทุนผ่านทางอินเทอร์เน็ต


น้ำที่ใช้ปลูกพืชภายในนั้น จะเป็นน้ำจืดที่สกัดมาจากน้ำทะเล โดยน้ำทะเลจะถูกเก็บไว้ตรงส่วนโครงสร้างหลังคา แล้วปล่อยให้ระเหยไปจนเหลือแต่น้ำจืดที่หยดลงมาหล่อเลี้ยงพืชภายในนั้น นอกจากนี้ยังต้องอาศัยระบบให้ความร้อน และระบบทำความเย็น ตลอดจนแสงสว่างแอลอีดีเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งการที่ไปทำห้องปลูกพืชใต้ทะเลเป็นการรับประกันอย่างหนึ่งว่า อุณหภูมิจะค่อนข้างคงที่ เพราะไม่ต้องมาสัมผัสกับสภาพอากาศบนบก ที่บางครั้งก็ร้อน บางครั้งก็หนาว

แม้พืชที่ปลูกจะไม่ได้โดนแสงแดดเลยแต่มันเติบโตได้ผ่านแสงที่ติดอยู่ในห้อง ขณะเดียวกัน การปลูกพืชใต้น้ำแบบนี้ยังไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแมลงศัตรูพืชจะมารบกวน ไม่มีเชื้อโรคที่ปลิวมากับสายลมแล้วมาติดพืช ซึ่งถ้าการปลูกพืชใต้น้ำแบบนี้ทำสำเร็จจะเป็นการเปิดมิติใหม่เรื่องการทำฟาร์มใต้น้ำเลยทีเดียว และสามารถนำไปใช้ได้กับพื้นที่ในโซนร้อนที่ไม่ค่อยมีน้ำจืดไว้ปลูกพืช เช่น มัลดีฟส์ หรือในแถบตะวันออกกลาง หรือในพื้นที่ทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย ที่ตอนนี้กำลังเผชิญความแห้งแล้ง



ที่มา - www.springnews.co.th | ภาพ - www.oceanreefgroup.com



..-