ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา หาเงินทางเน็ต งาน Part-time MLM ทุกรูปแบบ ธุรกิจที่มี downline ปั่นลิก์ SEOเด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

รัสเซียส่งเรือรบ 2 ลำเข้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียน-สหรัฐส่งเรือพิฆาตประกบ

เริ่มโดย mrtnews, ส.ค 30, 13, 21:05:08 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียว่า สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของทางการรัสเซีย รายงานวันนี้ว่า รัสเซียได้ส่งเรือรบ 2 ลำ คือเรือรบติดขีปนาวุธมอสควา และเรือต่อต้านเรือดำน้ำ ในสังกัดกองเรือทะเลดำ เดินทางไปยังน่านน้ำด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว ขณะที่มหาอำนาจตะวันตก เตรียมใช้มาตรการทหารตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


อินเตอร์แฟกซ์ รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพ ที่ระบุว่า เรือรบทั้ง 2 ลำนี้จะเดินทางถึงจุดหมายในอีกไม่กี่วันนี้ เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในซีเรีย ซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดี แม้ในเวลาต่อมา กองทัพเรือของรัสเซีย ออกมาปฏิเสธว่า การประจำการเรือรบดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในซีเรียก็ตาม และบอกว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของการสับเปลี่ยนกำลังพลที่มีแผนการมานานแล้วในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และไม่ได้บอกว่าเป็นเรืออะไร หรือกี่ลำ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคดังกล่าว

อินเตอร์แฟกซ์ รายงานก่อนหน้านี้ว่า มีความชัดเจนว่า จุดหมายจะเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพเรือ และไม่ได้ไปสับเปลี่ยนกำลังพลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

ด้านอังกฤษ ก็ส่งเครื่องบินรบรุ่น "ไต้ฝุ่น" จำนวน 6 ลำ ไปยังไซปรัส ซึ่งเป็นมาตรการป้องกัน ท่ามกลางความตึงเครียดกรณีซีเรีย และการเจรจาเรื่องการแทรกแซงทางทหารของชาติตะวันตก โดยโฆษกของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุว่า เครื่องบินประจัญบาน ซึ่งเป็นเครื่องบินความเร็วสูงที่ใช้สกัดกั้นเครื่องบินฝ่ายตรงข้าม แบบอากาศสู่อากาศ จะถูกส่งเข้าประจำการที่ฐานทัพอากาศอะโครติรี ของอังกฤษ ในไซปรัสในวันนี้

โฆษกคนดังกล่าวระบุด้วยว่า นี้เป็นภารกิจหนึ่งและเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน เพื่อรับประกันในการปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของอังกฤษ และปกป้องฐานทัพที่เป็นอธิปไตยของอังกฤษ ในช่วงเวลาที่เกิดความตึงเครียดสูงในภูมิภาค นอกจากนี้ อังกฤษยังมีเรือรบอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย

ขณะเดียวกัน กองทัพเรือสหรัฐ ก็ได้ส่งเรือพิฆาตลำที่ 5 เข้าสู่น่านน้ำด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกับที่เรือรบรัสเซียกำลังมุ่งหน้าไป ทำให้มีการคาดการณ์กันมาขึ้นว่า จะมีการโจมตีซีเรียในเร็ว ๆ นี้ โดยเรือยูเอสเอส สเตาท์ เรือพิฆาตติดขีปนาวุธ อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อยู่แล้ว กำลังมุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกเพื่อแบ่งเบาภาระของเรือยูเอสเอสมาฮัน

ที่มา -






อเมริกันก็ส่ง"เรือพิฆาต"อีก1ลำไปทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมเป็น5ลำแล้วยังไม่นับ"เรือบรรทุกเครื่องบิน"

เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - กองทัพเรือสหรัฐฯจัดส่งเรือพิฆาตอีกลำหนึ่งไปประจำยังด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว เจ้าหน้าที่กลาโหมอเมริกันบอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีในวันพฤหัสบดี (29 ส.ค. 56 ) ท่ามกลางความคาดหมายที่จะว่าฝ่ายตะวันตกกำลังจะเปิดการโจมตีซีเรีย ถึงแม้อาจจะมีการชะลอออกไปอีกหลายวัน มิใช่ในสัปดาห์นี้อย่างที่คาดการณ์กันในตอนแรกๆ


เรือ ยูเอสเอส สเตาท์ (USS Stout) ซึ่งเป็นเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี "อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยกำลังบ่ายหน้าและกำลังเคลื่อนที่ไปทางตะวันออก" เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของเรือรบ มาฮัน (USS Mahan) เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวและบอกต่อไปว่า เรือรบทั้งสองลำนี้อาจจะอยู่ประจำในบริเวณดังกล่าวไประยะหนึ่ง

สำหรับเรือพิฆาตอเมริกันลำอื่นๆ ที่ประจำอยู่ในอาณาบริเวณนี้ อันได้แก่ ราเมจ (USS Ramage), แบร์รี (USS Barry), และ เกรเวลี (USS Gravely) กำลังแล่นไปๆ มาๆ อยู่ในเมดิเตอร์เรเนียนเช่นกัน และอาจเป็นผู้ทำหน้าที่ยิงจรวดร่อน "โทมาฮอว์ก" เข้าใส่ซีเรีย หากได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา

เจ้าหน้าที่กลาโหมผู้นี้ ซึ่งพูดในเงื่อนไขขอสงวนนาม ไม่ได้ระบุว่าเรือรบมาฮัน ยังจะอยู่ในบริเวณนี้ไปอีกนานเพียงใด ก่อนที่จะเดินทางกลับฐานของตนในเมืองนอร์โฟล์ก มลรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเรือรบลำนี้แล่นจากมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2012

ตามปกติแล้ว สหรัฐฯใช้เรือพิฆาต 3 ลำซึ่งสังกัดกับกองทัพเรือที่ 6 ของตน ทำหน้าที่แล่นตรวจการณ์ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยที่บทบาทสำคัญที่สุดของเรือรบเหล่านี้คือการป้องกันต่อต้านขีปนาวุธ

กองทัพเรือสหรัฐฯพยายามรักษาความลับอย่างกวดขันเกี่ยวกับจำนวนจรวดร่อนโทมาฮอว์กที่เรือพิฆาตเหล่านี้มีอยู่ แต่ประมาณการกันว่าอาจจะอยู่ในระดับ 45 ลูก

รัฐมนตรีกลาโหม ชัค เฮเกล ของสหรัฐฯ แถลงในวันพุธ (28ส.ค.) ว่า กองทัพสหรัฐฯพร้อมแล้วที่จะเปิดการโจมตี ทว่าประธานาธิบดีโอบามาเองกล่าวในวันเดียวกันว่า เขายังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้

มีสิ่งบ่งชี้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ฝ่ายตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ น่าจะยังไม่เปิดการโจมตีใส่ซีเรีย จนกว่าคณะผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติซึ่งเดินทางเข้าไปตรวจสอบบริเวณชานกรุงดามัสกัส ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนหลายร้อยคนเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว จะทำงานเสร็จและจัดทำรายงานออกมา โดยที่ บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นกล่าวในวันพฤหัสบดี (29 ส.ค. 56 )ว่า คณะเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะตรวจสอบเสร็จในวันศุกร์ (30 ส.ค.) และจัดทำรายงานเสนอเขาในวันเสาร์ (31ส.ค. 56 ) ซึ่งเขาจะนำออกแจกจ่ายให้สมาชิกยูเอ็นต่อไป

เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯผู้นี้ยังบอกอีกว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน "นิมิตซ์" (USS Nimitz) ของอเมริกัน พร้อมด้วยหมู่เรือรบคุ้มกันและสนับสนุน ก็ยังคงอยู่อาณาบริเวณปฏิบัติการของกองทัพเรือที่ 5 ซึ่งมีขอบเขตตั้งแต่ทะเลแดงไปจนถึงอ่าวเปอร์เซียและทะเลอาหรับ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯอีกผู้หนึ่งเสริมว่า ขณะที่สหรัฐฯยังให้เรือนิมิตซ์อยู่ในอาณาบริเวณนี้ แต่เรือลำนี้ "ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางเลือกที่เป็นไปได้ต่างๆ เกี่ยวกับซีเรียในคราวนี้"

การที่สหรัฐฯส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีอีก 1 ลำเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยิ่งตอกย้ำให้เห็นสถานการณ์ที่มหาอำนาจกำลังสร้างสมแสนยานุภาพในบริเวณนี้ โดยที่กระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลงในวันพฤหัสบดีว่า ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ "ไต้ฝุ่น" จำนวน 6 ลำไปยังฐานทัพอากาศอะโครติรี ของตนในประเทศไซปรัสแล้ว ทั้งนี้ไซปรัสอยู่ห่างจากชายฝั่งของซีเรียประมาณ 200 กิโลเมตร

โฆษกกระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลงว่า การส่งเครื่องบินขับไล่ดังกล่าวไปยังไซปรัส เป็นเพียงการกระทำด้วยความสุขุมรอบคอบเพื่อให้เกิดความมั่นใจในเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และการป้องกันพื้นที่ฐานทัพที่เป็นอธิปไตยของอังกฤษในเวลาที่กำลังเกิดความตึงเครียดในอาณาบริเวณดังกล่าวเท่านั้น

"เครื่องบินเหล่านี้ไม่ได้ถูกส่งมาประจำการเพื่อเข้าร่วมในการปฏิบัติการทางทหารเพื่อการเล่นงานซีเรียใดๆ" โฆษกผู้นี้ยืนยัน

ในอีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียก็รายงานในวันพฤหัสบดีว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้สั่งการให้กองทัพส่งเรือรบ 2 ลำมุ่งหน้าสู่ทางด้านตะวันออกของเมดิเตอร์เรเนียน ไม่ไกลจากชายฝั่งของซีเรียแล้ว โดยที่อินเตอร์แฟกซ์ยังอ้างแหล่งข่าวในกองทัพรัสเซียระบุว่า เรือรบทั้ง 2 ได้แก่ เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธ "มอสควา" (Moskva) ซึ่งเป็นเรือธงของกองทัพเรือทะเลดำของรัสเซีย ส่วนอีกลำหนึ่งเป็นเรือรบต่อต้านเรือดำน้ำ คาดว่าทั้งสองลำจะเดินทางถึงพื้นที่เป้าหมายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

โฆษกกองทัพเรือรัสเซียได้ออกมาแถลงในเวลาต่อมาว่า การส่งเรือรบทั้งสองเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเพียงการสับเปลี่ยนกำลังทางนาวีตามปกติเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในซีเรีย

ที่มา -




แนวโน้มยุทธวิธีการรบของสหรัฐในซีเรีย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 56 ว่าในที่สุดประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ก็ออกมากล่าวอย่างตรงไปตรงมาแล้วว่า รัฐบาลซีเรียคือผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีคร่าชีวิตประชาชนกว่า 1,300 ศพ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 56 พร้อมกับยืนยันว่า อัสซาดต้อง "รับผิดชอบ" แม้จะยังเลี่ยงการกล่าวถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหารเข้าแทรกแซง แต่ท่าทีของผู้ใต้บังคับบัญชาและพันธมิตรที่ออกมาแสดงความพร้อมขั้นสูงสุด ยิ่งทำให้ทั่วโลกเชื่อว่า การเปิดฉากโจมตีทางทหารกำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้


แน่นอนว่ายุทธศาสตร์การรบต้องถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด แต่บรรดานักวิเคราะห์มองว่า แนวทางต่อไปนี้มี "ความเป็นไปได้" สูงที่สุด

ใครเป็นคนตัดสินใจ
คำสั่งเริ่มเปิดฉากรบต้องมาจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะแจ้งโดยตรงมายังพลเอกมาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐ และนายชัค ฮาเกล รมว.กระทรวงกลาโหม จากนั้นทั้งคู่จะเป็นคนถ่ายทอดคำสั่งต่อไปยังหน่วยบัญชาการภาคกลาง ภายใต้การดูแลของพลเอกลอยด์ ออสติน และพลเรือเอกบรูซ คลิงแกน ผู้บัญชาการกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐประจำภาคพื้นยุโรป ซึ่งทั้งสองคนน่าจะเป็นผู้นำกองทัพสหรัฐในปฏิบัติการโจมตีซีเรียครั้งนี้

สรรพาวุธของสหรัฐ
ตอนนี้เรือพิฆาต 4 ลำของกองทัพเรือสหรัฐ ได้แก่ เรือยูเอสเอส เกรฟลีย์ ยูเอสเอส มาฮาน ยูเอสเอส บาร์รีย์ และยูเอสเอ รามาจ แล่นเข้าไปประจำการอยู่ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากได้รับคำสั่งยิง เรือพิฆาตทั้ง 4 ลำจะระดมยิงจรวดโทมาฮอว์กที่มีพิสัยการโจมตีอยู่ที่ 1,000 ไมล์ทะเลเข้าสู่เป้าหมาย ทั้งนี้ จรวดแต่ละลำมีขนาดยาว 6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 0.6 เมตร และติดหัวรบน้ำหนักราว 450 กิโลกรัม

นอกจากนั้นยังมีเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์ยูเอสเอส ทรูแมน ประจำการรอท่าอยู่ที่ทะเลอาหรับ และเรือยูเอสเอส นิมิตซ์ ที่เลื่อนกำหนดการเดินทางกลับสหรัฐ เพื่อประจำการอยู่ที่มหาสมุทรอินเดียต่อไปก่อนด้วย

จะมีการใช้กำลังภาคพื้นดิน และเครื่องบินเจ็ทหรือไม่
ก่อนหน้านี้สหรัฐออกมาเผยว่า หากต้องเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อซีเรีย จะไม่มีการใช้กำลังภาคพื้นดิน ขณะที่หน่วยข่าวกรองของวอชิงตันเคยรายงานว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพซีเรียนั้นมีประสิทธิภาพสูงมาก การส่งเครื่องบินเจ็ทหรืออากาศยานไร้คนขับ ( โดรน ) เข้าไป อาจมีสิทธิ์ถูกทหารของอัสซาดยิงตกเอาง่ายๆ

นอกจากนี้ โอบามายังปฏิเสธการประกาศ "เขตห้ามบิน" เหนือน่านฟ้าซีเรีย หลังทหารระดับสูงออกมาเตือนว่า เสี่ยงเกินไปที่จะทำเช่นนั้น

เป้าหมายโจมตี
พล.อ.เดมป์ซีย์เคยชี้แจงต่อสภาคองเกรสแล้วว่า หากต้องมีการใช้กำลังทางทหาร กองทัพจะเลือกเป้าโจมตีที่แน่นอนว่า เป็นคลังแสงอาวุธ และฐานที่มั่นของกองทัพฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลซีเรียทุกแห่ง  ตลอดจนกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอาคารที่ทำการพรรคบาธของอัสซาด คือหนึ่งในเป้าโจมตีเช่นกัน

นอกจากนี้ กองทัพต้องหาทางโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศซึ่งเป็นไม้เด็ดของอัสซาดให้ได้ ซึ่งวอชิงตันสันนิษฐานว่ามีไม่ต่ำกว่า 500 จุด และเครื่องบินต่อสู้อากาศยานอีกกว่า 400 ลำ ส่วนใหญ่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดนติดกับเลบานอน ที่ราบสูงโกลัน และรอบกรุงดามัสกัส

ข้อควรระวัง
หากสหรัฐตัดสินใจบุกเดี่ยวโดยไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ข้อสำคัญที่ควรระวังอย่างที่สุด คือห้ามทำร้ายหรือสังหารอัสซาดเด็ดขาด เนื่องจากกฎหมายสหรัฐฉบับหนึ่งระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ห้ามลอบทำร้ายและลอบสังหารผู้นำประเทศใด หากบุคคลนั้นไม่ได้เป็นฝ่ายคุกคามสหรัฐก่อน

ที่มา -