คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสายเคเบิลไฟฟ้าใต้น้ำขนาด 115 กิโลวัตต์ ที่ลากจาก อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านใต้ทะเลขึ้นยังอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดความเสียหายจนส่งกระแสไฟฟ้าให้ไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศอย่างมหาศาล และประเมินมูลค่าไม่ได้(http://www.marinerthai.net/pic-news3/2013-02-20_008.jpg) (http://www.marinerthai.net/pic-news3/2013-02-20_010.jpg)
นอกจากกระแสไฟฟ้าที่ดับทั้งเกาะสมุย แล้วยังส่งผลกระทบกับเกาะพะงัน ที่กระแสไฟฟ้าส่งผ่าน เพื่อหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศกลางทะเลอ่าวไทย ซึ่งปีหนึ่ง ๆ ทั้งสองเกาะนี้สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสายเคเบิลไฟฟ้าใต้น้ำนั้นได้ทำให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ผู้ดูแลระบบ ต้องทุ่มเทงบประมาณเพื่อแก้ไข และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ก่อนที่จะเข้าสู่การเปิดประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558
จากปัญหาดังกล่าว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จึงได้รับงบประมาณจากรัฐบาลกว่า 4,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแห่งที่ 2 บนเกาะสมุย และได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนในการวางระบบเคเบิลไฟฟ้าใต้ทะเลด้วยระยะทางกว่า 54 กิโลเมตร ด้วยความต้องการกระแสไฟฟ้าบนเกาะสมุย และเกาะพะงัน มีปริมาณความต้องการกระแสไฟฟ้าสูงสุดถึง 100 เมกะวัตต์ต่อวัน ซึ่งการวางระบบสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ทะเลในครั้งนี้เป็นระบบที่มีขนาด 115 กิโลวัตต์ ที่เป็นวงจรการจ่ายกระแสไฟฟ้าวงจรที่ 3 ซึ่งเกาะสมุยจะมี
ถึงแม้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะมีการวางสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ทะเลมาแล้ว โดยเฉพาะวงจรขนาด 115 กิโลวัตต์ ถึง 2 ระบบก็ตาม แต่ทั้ง 2 ระบบ ก็เกิดความเสียหายขึ้นกับสายเคเบิลใต้ทะเลจนทำให้เกิดความเสียหายกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ในเรื่องดังกล่าว นายผดุง บรรจงศิลป์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สายจำหน่ายและบริการภาคใต้ จึงได้นำคณะผู้บริหารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคลงพื้นที่ อ.เกาะสมุย พร้อมคณะสื่อมวลชน ลงเรือดูการวางสายเคเบิลไฟฟ้าระบบที่ 3 โดยได้กล่าวว่า ด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ จึงได้ทุ่มเทงบประมาณและบุคลากรในการเข้าแก้ไขปัญหาไฟฟ้าที่ดับบนเกาะสมุย และเกาะพะงัน ด้วยการส่งรถกำเนิดไฟฟ้ากว่า 23 คันทั่วประเทศมายังเกาะสมุย จนทำให้ปีใหม่ที่ผ่านมาเกาะสมุย และเกาะพะงัน ต่างต้อนรับปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุข ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คาดการณ์ว่า การวางสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ทะเลในครั้งนี้จะแล้วเสร็จและเปิดใช้บริการได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ และจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว รวมทั้งนักลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
สำหรับ นายทนงศักดิ์ สมวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ต้องขอบคุณรัฐบาลและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ได้เร่งวางระบบไฟฟ้าสายเคเบิลใต้ทะเลเส้นที่ 3 ในครั้งนี้ ถึงแม้ในปัจจุบันการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูง แต่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็ไม่ได้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าแต่อย่างใด จึงทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการคงที่และผลที่ตามมาทำให้ราคาห้องพักยังคงราคาเดิม ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่ได้รับผลกระทบในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังเกาะสมุย และที่สำคัญทำให้เกิดการจ้างงาน มีเงินหมุนเวียนในจังหวัด และในประเทศ
การที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศอย่างเกาะสมุย และเกาะพะงัน นั้น ได้ทำให้กระแสไฟฟ้าบนเกาะสมุย มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นถึงแม้จะมีการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในอนาคตก็ตาม และเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันก่อนเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นั้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จึงได้ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีในการเตรียมวางสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ทะเลจากเกาะสมุยไปยังเกาะพะงัน ด้วยงบประมาณถึง 1,095 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการหาผู้ประมูล สำหรับเกาะเต่า ที่ถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามทางทะเลอ่าวไทยอีกเม็ดหนึ่ง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ทำการสำรวจถึงการวางสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ทะเล ที่ต้องใช้งบประมาณกว่า 1,600 ล้านบาท โดยโครงการนี้ได้ผ่านการสำรวจด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะได้เร่งดำเนินการให้ชาวเกาะต่าง ๆ ได้ใช้กระแสไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นคง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้ให้กับประเทศไทยให้สามารถแข่งขันกับชาติอาเซียน ก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ต่อไป.
สุชาติ หาญกิจ
ที่มา - (http://www.marinerthai.net/pic-news3/dailynews.jpg) (http://www.dailynews.co.th/)
จ่อใช้สายส่งไฟฟ้าใต้น้ำเกาะกูดตราด -
นายวิโรจน์ สำราญถิ่น ผจก.กฟภ.ตราด เปิดเผยถึงการพัฒนาระบบจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่เกาะกูด และเกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราด ว่า จากการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวส่งผลให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จนเกิดปัญหาไฟตก-ไฟดับบ่อยครั้ง และปัจจุบัน กฟภ.ผลิตไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ดีเซล ต้นทุนการผลิตสูงปีละกว่า 70 ล้านบาท จึงมีแนวคิดสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าใต้น้ำ จากฝั่ง ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ สู่เกาะกูด และเกาะหมาก มูลค่าโครงการ 1.5-1.6 พันล้านบาท(http://www.marinerthai.net/pic-news3/2013-02-20_009.jpg)
นายวิโรจน์กล่าวว่า ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างเตรียมหาผู้รับเหมาในการดำเนินงาน คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะหาผู้รับเหมาได้ จากนั้นจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณหนึ่งปี คาดว่าภายในสิ้นปี 2557 ซึ่งจะส่งผลดีต่อต้นทุนในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ประชาชน และผู้ประกอบการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทั้งยังเป็นการสร้างเสถียรภาพในการจ่ายกระแสไฟฟ้า เพื่อรองรับการพัฒนาการท่องเที่ยว
ที่มา - (http://www.marinerthai.net/pic-news3/khaosod.jpg) (http://www.khaosod.co.th/)