ผลพวงโลกร้อนทะเลกลืน 5 เกาะของประเทศหมู่เกาะโซโลมอน

[mrtnews]

5 เกาะของประเทศหมู่เกาะโซโลมอน ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ถูกกลืนหายจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และอีก 6 เกาะตลิ่งชายฝั่งถูกน้ำกัดเซาะรุนแรง

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2559 ว่า เกาะ 5 แห่งของประเทศหมู่เกาะโซโลมอน ทางตอนโต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ถูกกลืนหายอยู่ใต้ทะเล จากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และอีก 6 เกาะตลิ่งชายฝั่งกำลังถูกน้ำกัดเซาะอย่างรุนแรง จากผลการศึกษาของคณะนักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ ซึ่งจะเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่า สำหรับการวิจัยในอนาคต

รายงานผลการศึกษาในชื่อ Environmental Research Letters กล่าวว่า เกาะอย่างน้อย 11 แห่งทางเหนือของหมู่เกาะโซโลมอน ทั้งหายไปโดยสมบูรณ์ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา และกำลังถูกกัดเซาะริมตลิ่งตามแนวชายฝั่งอย่างรุนแรง โดยบ้านเรือนประมาณ 10 หลังถูกกระแสน้ำพัดลงสู่ทะเล ระหว่างปี พ.ศ. 2554 - 2557

นายไซมอน อัลเบิร์ต หัวหน้าคณะศึกษาวิจัย กล่าวว่า การลดลงของพื้นที่ชายฝั่ง 2 แห่ง ทำลายหมู่บ้านที่ประชาชนอยู่อาศัยมานาน อย่างน้อยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ทำให้ประชาชนส่วนที่เหลือในพื้นที่ต้องโยกย้ายถิ่นฐาน ส่วนเกาะ 5 แห่งที่สูญหายไปเป็นเกาะปะการัง บางเกาะมีเนื้อที่ 12 เอเคอร์ (30 ไร่) เกาะเหล่านี้แม้จะไม่มีประชาชนอยู่อาศัย แต่กลุ่มชาวประมงใช้เป็นที่พักพิงเป็นครั้งคราว

เป็นที่วิตกกันว่า ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น จะทำให้ชายฝั่งถูกกัดเซาะในวงกว้าง และน้ำท่วมเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่อยู่ในระดับต่ำ นายอัลเบิร์ต กล่าวว่า หมู่เกาะโซโลมอนมีความเสี่ยงมากที่สุด ที่จะถูกกลืนหายลงใต้ทะเล เนื่องจากมีอัตราสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเกือบ 3 เท่า."



ที่มา Data & Images -



น้ำทะเลยกระดับกลืนหาย 5 เกาะ

ผลศึกษาในออสเตรเลียเผยเกาะในหมู่เกาะโซโลมอนกลืนหายในมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว 5 แห่ง เพราะระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น

ผลศึกษาตีพิมพ์ในวารสาร จดหมายข่าวงานวิจัยสิ่งแวดล้อม ในออสเตรเลีย ระบุว่า ในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ มีเกาะอย่างน้อย 11 แห่ง ของหมู่เกาะโซโลมอนในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่หายไปทั้งเกาะ หรือกำลังเผชิญกับการกัดเซาะอย่างรุนแรงอยู่ในปัจจุบัน

นักวิจัยพบการหดหายของชายฝั่งในสองสถานที่ ทำลายหมู่บ้านหลายแห่งที่คงอยู่มาตั้งแต่ปี 2478 เป็นอย่างน้อย ทำให้ชุมชนต้องย้ายที่อยู่

ผลศึกษาระบุว่า มีเกาะ 5 แห่งที่อันตรธานไปแล้ว ส่วนเกาะปะการังอีก 6 แห่ง ถูกกัดเซาะรุนแรงอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของหมู่เกาะโซโลมอนและมีอยู่เกาะหนึ่งที่น้ำทะเลกลืนบ้านหายไป 10 หลังช่วงปี 2554-2557

นักวิจัยกล่าวว่า เกาะที่หาย 5 แห่งเป็นเกาะปะการังเขียวชะอุ่ม บนพื้นที่ประมาณ 31 ไร่ ชาวประมงเข้าไปใช้เป็นครั้งคราว แต่ไม่มีประชากรอาศัยอยู่ กระนั้น สิ่งที่หายไปไม่ใช่เพียงเกาะทรายเล็กๆ และมีความวิตกว่าการเพิ่มสูงของระดับน้ำทะเล จะเป็นสาเหตุการกัดเซาะชายฝั่งเป็นบริเวณกว้างและหมู่เกาะในแปซิฟิกจะทยอยจมน้ำ

นายไซมอน อัลเบิร์ต หัวหน้าทีมวิจัย จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ กล่าวว่า โซโลมอนถือเป็นจุดร้อนด้านภัยคุกคามจากน้ำทะเล เพราะการเพิ่มของระดับน้ำที่นั่นสูงกว่าอัตราเฉลี่ยทั่วโลกราว 3 เท่า ทั้งนี้ นักวิจัยศึกษาเกาะ 33 แห่ง โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศช่วงปี 2490-2557 ประกอบกับข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ชาวบ้าน และพบว่า อัตราการถดถอยของแนวชายฝั่งในพื้นที่ที่เผชิญกับพลังงานคลื่นทะเลแรงจะสูงกว่าเกาะที่มีสิ่งกำบังอย่างมีนัยสำคัญ อันบ่งชี้ถึงการปฏิสัมพันธ์ส่งเสริมกันระหว่างการเพิ่มของระดับน้ำทะเลกับคลื่น ซึ่งนักวิจัยระบุว่าข้อมูลส่วนนี้้จะช่วยฉายภาพอนาคตได้

นายอัลเบิร์ต กล่าวว่า แนวโน้มเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก แต่การตอบสนองกระทำแบบเฉพาะพื้นที่อย่างมาก ที่โซโลมอน หลายชุมชนเริ่มปรับตัวกับสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป และนอกจากการโยกย้ายระดับหมู่บ้านแล้ว นักวิจัยระบุว่า เมืองทาโร เมืองหลวงของจังหวัดชอยซูล กำลังจะกลายเป็นเมืองหลวงระดับจังหวัดแห่งแรกของโลกที่ต้องโยกย้ายทั้งคนและบริการเนื่องจากระดับน้ำทะเล



ที่มา Data & Images -

[youtube=640,390]http://www.youtube.com/watch?v=kyzJgaUX6cM[/youtube]