ก. พลังงาน หนุนสร้างคลังแอลเอ็นจีในเมียนมาร์

[mrtnews]

สำนักข่าวไทย 3 ต.ค. 57 - นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงานและนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เดินหน้าเตรียมเจรจาแหล่งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา เตรียมหารือเมียนมาร์ สร้างคลังแอลเอ็นจี และเตรียมต่ออายุหรือเปิดรับซื้อไฟฟ้าเอสพีพีเพิ่มเติม ส่วนเรื่องไอพีพี 5,000 เมกะวัตต์จะยกเลิกหรือไม่รอ คตร. ตัดสินใจเผยอาจจะเสนอยกเลิกรับซื้อครึ่งหนึ่ง

นายณรงค์ชัย กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงทางพลังงานของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการจัดหาจะมีหลายรุปแบบทั้งพลังงานทดแทน แหล่งพลังงานฟอสซิลทั้งในและต่างประเทศ การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลจะตั้งทีมขึ้นมาเจรจากับทางรัฐบาลกัมพูชาเพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลซึ่งคาดว่าจะมีก๊าซเปียกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการจัดทำปิโตรเคมี ส่วนข้อเสนอของ ปตท.ที่เห็นว่าควรสร้างสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจีในเมียนมาร์ แล้วส่งก๊าซฯ ในท่อก๊าซฯปัจจุบันฝั่งตะวันตกมายังไทย นับเป็นแนวคิดที่ดีก็จะเจรจากับเมียนมาร์ต่อไป

นายอารีพงศ์ กล่าวว่า การเจรจาสร้างสถานีรับแอลเอ็นจีในเมียนมาร์ เป็นแผนสอดคล้องต่อเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนเมื่อเร็วๆ นี้ที่เห็นว่าเป็นการสร้างความมั่นคงเป็นยุทธศาตร์ด้านพลังงานในอาเซียน จึงควรมีสถานีรับแอลเอ็นจีทั้งในเมียนมาร์ มาเลเซีย ไทย และมีการเชื่อมโยงทั้งท่อก๊าซอาเซียน สายส่งไฟฟ้าอาเซียน ในขณะเกียวกันไทยจะเจรจารับซื้อไฟฟ้าจากเมียนมาร์ขยายเพิ่มจาก 1,500 เมกะวัตต์ เป็น 10,000 เมกะวัตต์ภายใน10 ปี

นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในเดือนตุลาคมนี้ กระทรวงจะเสนอแผนความมั่นคงพลังงานในอนาคต รวมทั้งการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบเพื่อนำมาเป็นแผนปฏิบัติต่อไปทั้งแผนเปิดสัมปทานรอบที่ 21 ส่วนเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ทั้งไอพีพี เอสพีพีและวีเอสพีพี มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาว่า จะมีโครงการใด สัญญาใดจะหมดอายุซื้อขายไฟฟ้า (พีพีเอ) ใน 20-25 ปีอย่างไรจะเจราต่ออายุ เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในอนาคตได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนเรื่องสัญญาไอพีพีของกัลฟ์อิเล็กตริก 5,000 เมกะวัตต์ที่มีผู้ร้องว่าประมูลไม่โปร่งใส เรื่องนี้แล้วแต่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) จะพิจารณา

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานระบุว่า การทำสัญญาไอพีพีกับกัลฟ์ฯ เป็นการดำเนินการที่เร่งรีบ โดยกัลฟ์ต้องอาศัยการนำเข้าแอลเอ็นจี จากสถานีแอลเอ็นจีระยะที่ 3 ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะตั้งพื้นที่ใด ค่าไฟฟ้ามีราคาสูง กระทบต่อประชาชน และพบว่า โครงการ 5,000 เมกะวัตต์ของกัลฟ์ มีสายส่ง กฟผ.รองรับเพียงครึ่งเดียว หรือ 2,500 เมกะวัตต์ อีกครึ่งหนึ่ง กฟผ.ต้องลงทุนสร้างสายส่งรองรับอีก 7,200 ล้านบาท จึงมีข้อพิจารณาอาจจะยกเลิกสัญญารับซื้อในส่วนครึ่งหนึ่งนี้ได้ เพราะสร้างภาระเพิ่มแก่รัฐ โดย หาก คตร.พิจารณายกเลิกโครงการ กฟผ.ในฐานะคู่สัญญาจะต้องเสียค่าปรับแก่กัลฟ์ ซึ่งมีความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่าดีกว่าให้ประชาชนรับภาระค่าไฟฟ้าแพง 25 ปี.

ที่มา -