เอเอฟพี -
"บีพี" บริษัทพลังงานรายใหญ่สัญชาติอังกฤษเผยในวันอังคาร (12 ม.ค. 59) เตรียมปรับลดพนักงานมากกว่า 4,000 ตำแหน่งทั่วโลกในช่วง 2 ปีข้างหน้า ความเคลื่อนไหวที่ตอบสนองต่อวิกฤตราคาน้ำมันพังครืน(http://www.marinerthai.com/pic-news3/2016-01-14_001.jpg) (http://www.marinerthai.com/pic-news3/2016-01-14_003.jpg)
บริษัทแห่งนี้ระบุในถ้อยแถลงว่าพวกเขาจะปรับลดพนักงานทั่วโลกลงจาก 24,000 ตำแหน่งทั่วโลก ลงไปต่ำกว่า 20,000 ตำแหน่งในช่วงสิ้นปี 2017 ในนั้นจะรวมไปถึง 600 ตำแหน่งในธุรกิจทะเลเหนือของบีพี
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากบีพียักษ์ใหญ่ทางพลังงานที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน เคยปรับลดพนักงานไปแล้ว 4,000 ตำแหน่งเมื่อปีก่อนขณะเตรียมการรับมือกับภาวะราคาน้ำมันตกต่ำอันยืดยาว
ราคามันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ดิ่งแตะระดับต่ำสุดรอบ 12 ปีเมื่อวันอังคาร (12 ม.ค. 59) และขยับลงมาแล้วกว่า 15 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เข้าสู่ปีนี้ หลังจากในปี 2015 ทรุดลงมาถึง 35 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการขยับลง 3 ปีติดต่อกัน อันมีต้นตอจากความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด
มาร์ค โทมัส ประธานประจำภูมิภาคทะเลเหนือของบีพี เปิดเผยว่า "ด้วยความท้าทายต่างๆ นานาในภูมิภาคที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้วและในสภาพตลาดที่กำลังตึงตัว เราจำเป็นต้องใช้มาตรการพิเศษเพื่อรับประกันว่าธุรกิจของเราจะยังแข็งแกร่งและมีความสามารถในการแข่งขัน"
"ผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือมันจะส่งผลกระทบต่อจำนวนพนักงาน และเราคาดหมายว่าจะมีการลดพนักงานราว 600 ตำแหน่งและบทบาทของเหล่าบริษัทจัดหางานในช่วงสิ้นปี 2017 แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในปีนี้" เขากล่าว
ราคาน้ำมันดำดิ่งลงมาต่ำกว่า 31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันอังคาร (12 ม.ค. 59) จากความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด กระตุ้นให้รัฐสมาชิกอย่างไนจีเรีย เรียกร้องโอเปกนัดประชุมฉุกเฉินเพื่อจัดการกับราคาที่พังครืน ที่กัดเซาะรายได้และกระทบต่อผลกำไรของเหล่ายักษ์ใหญ่ทางพลังงาน
แม้จะมีแผนปรับลดพนักงาน แต่บีพีย้ำในวันอังคาร (12 ม.ค. 59) ว่าพวกเขายังมีภารกิจในทะเลเหนือ ด้วยบอกว่าจะลงทุนในโครงการต่างๆในทะเลเหนือในปีนี้ เป็นเงินราว 2,000 ล้านดอลลาร์
กำลังผลิตน้ำมันและก๊าซของบีพีเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีในปี 2015 แต่บางทีอาจประสบปัญหาในการรักษาระดับไว้ท่ามกลางภาวะราคาน้ำมันตกต่ำจากปัญหาอุปทานล้นตลาดที่ฉุดให้ผลกำไรของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 พังครืนลง
จากผลประกอบการอันน่าหดหู่ดังกล่าว ส่งผลให้ยักษ์ใหญ่ทางพลังงานแห่งนี้ต้องลดระดับการลงทุนและขายทรัพย์สินเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้เคยต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากหายนะน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกในปี 2010 ที่ต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวนมหาศาล
(http://www.marinerthai.net/pic-news3/news_source.jpg) (http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000003994)
ที่มา Data & Images - (http://www.marinerthai.net/pic-news3/astv_manager.jpg) (http://www.manager.co.th/)
ปตท. รัดเข็มขัดรับธุรกิจขาลง ราคาน้ำมันทะรูดต้องรักษากระแสเงินสดปตท.รัดเข็มขัดรับน้ำมันขาลง ปรับงบลงทุนจาก 5.2 หมื่นล้าน เหลือ 5 หมื่นล้าน หวังรักษากระแสเงินสดเข้มงวด ประเมินราคาน้ำมันดิบทั้งปีอยู่ที่ 40 เหรียญต่อบาร์เรล ด้าน ปตท.สผ.ปรับลดงบลงทุนเช่นกัน จาก 1.5 หมื่นล้านเหรียญ เหลือ 1.1 หมื่นล้านเหรียญ แต่ก็พร้อมขยับ หากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น(http://www.marinerthai.com/pic-news3/2016-01-14_002.jpg)
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ได้ประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบตลอดทั้งปี จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งหากราคาน้ำมันต่ำกว่าระดับนี้ ปตท.จะปรับแผนลดการลงทุน โดยเฉพาะในต่างประเทศของธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและธุรกิจก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งจะพยายามรักษากระแสเงินสดอย่างเข้มงวด โดยปีนี้ได้ตั้งเป้าแผนการลงทุนที่ 50,839 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้คาดว่าจะลงทุน 52,000 ล้านบาท
"ราคาพลังงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทพลังงานทั่วโลก ซึ่งกลุ่ม ปตท.ได้ปรับแผนการลงทุนให้มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง โดย ปตท.ได้จัดทำแผนกรณีศึกษาไว้หลายกรณี ต่ำสุด คือ ระดับราคาน้ำมัน 20-30 เหรียญ ก็ได้จัดทำแผนไว้แล้ว ซึ่งตอนนี้ยังมองว่า ราคาน้ำมันทั้งปีอยู่ที่ 40 เหรียญ แม้ว่าบางช่วงเวลา ขณะนี้ราคาน้ำมันจะต่ำกว่า 30 เหรียญก็ตาม และคาดว่า ราคาน้ำมันดิบจะปรับขึ้นในไตรมาส 2 โดย ปตท.ก็พร้อมพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เข้าไปลงทุนซื้อกิจการหรือทรัพย์สินที่ดี เช่น เข้าไปซื้อและควบรวมกิจการในธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย หรือธุรกิจขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม"
ขณะเดียวกัน ปตท.ยังได้ให้ความสำคัญการลงทุน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการลงทุนท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 จากจังหวัดระยอง ไปยังระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ผ่าน อ.ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี- โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ-พระนครใต้ มูลค่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งเริ่มดำเนินการในปีนี้ ส่งผลให้ปริมาณจัดหาก๊าซธรรมชาติป้อนให้กับโรงไฟฟ้าครอบคลุมมากขึ้น และการศึกษาลงทุนคลังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากปัจจุบันขนาด 5 ล้านตัน รวมส่วนขยายที่จะรองรับ เพิ่มได้อีก 5 ล้านตันเป็น 10 ล้านตัน เนื่องจากการจัดหาแอลเอ็นจีจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนหนึ่งเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย
สำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปตท.จะขยายสถานีความสุข (พีทีที ไลฟ์ สเตชั่น) ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น คาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากแบรนด์ ปตท. เป็นที่ยอมรับในเรื่องคุณภาพ
ด้านนายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดงบลงทุน 5 ปี จากเดิมที่ลงทุน 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เหลือ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่อาจ จะขยับเพิ่มการลงทุนได้ หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงและผันผวน ทำให้บริษัทชะลอการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงไปก่อน เช่น โครงการออยล์แซนด์ ในแคนาดา, โครงการในออสเตรเลีย, โครงการเอ็ม 3 ในพม่า แต่จะลงทุนในโครงการที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาระดับการผลิตไม่ให้ต่ำกว่าปีก่อน
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2559- 2563) ของไทยออยล์ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ 80% จะใช้ในโครงการการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำมันเตาให้เป็นน้ำมันใส และการปรับปรุงหน่วยการกลั่นน้ำมันดิบ เพื่อเป็นการรองรับหากธุรกิจน้ำมันกลับไปสู่ยุคขาขึ้นในอนาคต.
(http://www.marinerthai.net/pic-news3/news_source.jpg) (http://www.thairath.co.th/content/561904)
ที่มา Data & Images - (http://www.marinerthai.net/pic-news3/thairath.jpg) (http://www.thairath.co.th/)