ข่าว:

คุณ ต้องลงทะเบียนสมัครสมาชิกก่อน ตอบกระทู้หรือตั้งคำถามใหม่ นะครับ

Main Menu

พริมา มารีนคาดเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 650 ล้านหุ้นพร้อมเข้าเทรด ก.ย. 60 นี้

เริ่มโดย mrtnews, ส.ค 05, 17, 06:27:18 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พริมา มารีน (PRM) ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการกองเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด แบ่งเป็น หุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ Austin Asset Limited จำนวน 105 ล้านหุ้น และบริษัท นทลิน จำกัด 45 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในช่วงเดือน ก.ย.2560 นี้ หลังจากล่าสุด ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นและแบบไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว


ทั้งนี้สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนจะนำไปลงทุนเรือลำใหม่และขยายกองเรือในธุรกิจเรือขนส่งฯ ธุรกิจเรือขนส่งและการจัดเก็บ FSU และธุรกิจเรือ Offshore นอกจากนี้จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระคืนเงินกู้ โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (DE) 2.3 เท่า หลังเข้าตลาดคงต่ำกว่า 1 เท่า ส่วนระยะยาวตั้งเป้ารักษา D/E ให้ไม่เกิน 1.5 เท่า

นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่าปี 2559 ที่มีรายได้ 4,296 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU 47.1% ธุรกืจเรือขนส่งฯ 34.2% ธุรกิจเรือ Offshore 12.2% ธุรกิจบริหารเรือ 6.5% ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดคือ ธุรกิจบริหารเรืออยู่ที่ 85% และธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU 55% โดยข้อมูลในอดีตรายได้ 3 ปีย้อนหลัง (2557-2559) ที่ผ่านมาย้อนหลัง 3 ปี เฉลี่ยโต 11.1% อัตรากำไรสุทธิปี 2559 อยู่ที่ 28%



ที่มา Data & Images -




พริมา มารีนคาดเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 650 ล้านหุ้นพร้อมเข้าเทรด ก.ย. 60 นี้

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม 2560 - บมจ.พริมา มารีน (PRM) คาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในราวเดือน ก.ย.นี้  โดยมี บล.กสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

PRM เป็นผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีทางเรืออย่างครบวงจรซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ คือ บริษัท นทลิน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 45.05% ใน บมจ.ซีออยล์ (SEAOIL) เช่นกัน

นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRM กล่าวว่า หุ้นที่จะเสนอขาย IPO คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท แบ่งเป็น หุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ Austin Asset Limited จำนวน 105 ล้านหุ้น และบริษัท นทลิน จำกัด 45 ล้านหุ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปขยายกองเรือ โดยมีเป้าหมายในปี 63 จะมีกองเรือทั้งสิ้น 40 ลำ จากปัจจุบัน 32 ลำ โดยในปี 60-62 ธุรกิจขนส่งน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูปและปิโตรเคมีเหลว จะลงทุนเรือขนส่งขนาดบรรทุก 3,000-10,000 DWT 9 ลำ มูลค่า 2,340 ล้านบาท คาดรองรับปริมาณขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น 3,800 ล้านลิตร/ปี และลงทุนเรือขนส่งขนาดใหญ่ 11 ลำ ขนาดประมาณ 14,000 DWT เรือ MR เรือ LR เรือ Aframax และเรือ VLCC เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจขนส่ง รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU มูลค่ารวมประมาณ 6,890 ล้านบาท คาดจะช่วยเพิ่มปริมาณขนส่งอีก 16,700 ล้านลิตร/ปี

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป  (ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU)  เพื่อเพิ่มการกักเก็บน้ำมันอีก 4 ลำ มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และพิจารณาการลงทุนเรือขนส่ง และจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่งขุดเจาะน้ำมัน (เรือ FSO) ประมาณ 2 ลำ มูลค่ารวม 1,090 ล้านบาท รองรับการเติบโตของธุรกิจการปฏิบัติงานการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันดิบกลางทะเลทั้งในน่านน้ำไทยและประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับแผนการลงทุนนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ ขยายตลาดเรือขนส่งสินค้าปิโตรเคมีซึ่งมีโอกาสเติบโตสูง รวมถึงขยายขอบเขตการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังเส้นทางการเดินเรือใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น เส้นทางไทย-เมียนมาร์ ไทย-จีน ไทย-ญี่ปุ่น เป็นต้น ตลอดจนการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะฐานลูกค้าในประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีโอกาสเติบโตสูง

พร้อมกันนี้ บริษัทจะนำเงินที่ไปใช้คืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินส่วนหนึ่ง จากปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 2.3 เท่า และภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะส่งผลให้ D/E ลดลงต่ำกว่า 1 เท่า โดยระยะยาวบริษัทมีนโยบายจะรักษาระดับ D/E ไม่ให้เกิน 1.5 เท่า

สำหรับเป้าหมายรายได้ปีนี้ คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปี 59 ที่มีรายได้ 4,296 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU 47.1% ธุรกืจเรือขนส่งฯ 34.2% ธุรกิจเรือ Offshore 12.2% ธุรกิจบริหารเรือ 6.5% ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดคือ ธุรกิจบริหารเรือ อยู่ที่ 85% และธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU 55%

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า PRM เตรียมเดินสายให้ข้อมูลแก่นักลงทุนในประเทศ (โรดโชว์) ซึ่งมอง PRM เป็นบริษัทผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร ซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไรสุทธิ จากความต้องการใช้เรือขนส่งยังคงเพิ่มขึ้น คาดว่าน่าจะได้รับความสนใจแก่นักลงทุนมากพอสมควร



ที่มา Data & Images -




บมจ.พริมา มารีน ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมัน และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร เตรียมขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. นับ 1 ไฟลิ่ง รุกขยายกองเรือหวังตอบสนองความต้องการลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รับเศรษฐกิจโลกฟื้น

บมจ. พริมา มารีน ("PRM") ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในปีนี้ ด้านผู้บริหารมั่นใจศักยภาพการดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการกองเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจาก บมจ.พริมา มารีน ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นและแบบไฟลิ่งของ บมจ.พริมา มารีน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ บมจ.พริมา มารีน เป็นผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร ซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี ซึ่งประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว (ธุรกิจเรือขนส่งฯ) 2.ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป (ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU) 3.ธุรกิจเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (ธุรกิจเรือ Offshore) และ 4. ธุรกิจบริหารจัดการเรือ

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ปัจจุบัน บมจ.พริมา มารีน มีทุนจดทะเบียน 2,500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยทุนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 2,000 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 26 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย บมจ.พริมา มารีน จำนวนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ Austin Asset Limited จำนวน 105 ล้านหุ้น และบริษัท นทลิน จำกัด จำนวน 45 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 20 ร้อยละ 4.2 และร้อยละ 1.80 ตามลำดับ ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บมจ.พริมา มารีน จะนำไปใช้ลงทุนเรือลำใหม่และขยายกองเรือในธุรกิจเรือขนส่งฯ ธุรกิจเรือขนส่งและการจัดเก็บ FSU และธุรกิจเรือ Offshore นอกจากนี้ บางส่วนจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและใช้สำหรับชำระคืนเงินกู้ต่อไป

นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ("PRM") กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการกองเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 กองเรือที่กลุ่มพริมา มารีนและกิจการร่วมค้าเป็นเจ้าของที่ให้บริการมีจำนวนทั้งสิ้น 22 ลำ มีขนาดน้ำหนักบรรทุกรวม 2,219,002 DWT นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีเรือขนส่งน้ำมันที่ว่าจ้างจากบริษัทภายนอก เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าอีกด้วย

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ธุรกิจเรือขนส่งฯ กลุ่มพริมา มารีนและกิจการร่วมค้า มีกองเรือที่กลุ่มบริษัทฯ เป็นเจ้าของ ให้บริการจำนวน 13 ลำ มีขนาดน้ำหนักบรรทุกรวม 251,183 DWT เพื่อให้บริการขนส่งน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีจากโรงกลั่น คลังน้ำมันหรือท่าเรือต้นทาง โดยมีเส้นทางการขนส่งในประเทศและระหว่างประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU มีเรือให้บริการจำนวน 6 ลำ ที่มีถังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ 7-17 ถังต่อลำ รวมขนาดน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,776,065 DWT เพื่อให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันแบบคลังลอยน้ำตามปริมาณและระยะเวลาที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งเรือ FSU ของบริษัทฯ จอดในน่านน้ำระหว่างประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจซื้อขายน้ำมันของภูมิภาคเอเชีย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการเรือ offshore จำนวน 3 ลำ เพื่อสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลแก่ลูกค้าบริษัทสำรวจและขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล โดยมีธุรกิจให้บริการได้แก่ เรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมัน (FSO) ธุรกิจเรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียม (AWB) และธุรกิจเรือสนับสนุนลาก-จูง และจัดการสมอ (AHTs) โดยบริษัทฯ มีเรือ FSO จำนวน 2 ลำ ขนาดบรรทุกสูงสุด 191,754 DWT และมีเรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียม (เรือ AWB) อีกจำนวน 1 ลำ รองรับได้ 300 คน

ขณะเดียวกัน ยังให้บริการบริหารจัดการเรือแก่เรือขนส่งน้ำมัน เรือ FSU เรือ FSO เรือ AWB และเรือรับส่งคนประจำเรือ ที่บริษัทฯ ทำหน้าที่บริหารจัดการด้านเทคนิค ด้านคนเรือและการบริหารงานเพื่อความปลอดภัยแก่คนประจำเรือ สินค้าและตัวเรือ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลักอีกด้วย

"เรามีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมัน และปิโตรเลียมเหลวอย่างครบวงจร ตั้งแต่การขนส่งน้ำมันทางทะเล การจัดเก็บน้ำมันบนคลังเรือลอยน้ำ การให้บริการทางเรือที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี ทำให้เรามีขีดความสามารถแข่งขันในด้านการให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่มบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ โรงกลั่นน้ำมันและผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีศักยภาพการเติบโตที่ดีได้อย่างต่อเนื่องตามความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคเอเชียแปฟิกที่เพิ่มขึ้น" นายชาญวิทย์ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พริมา มารีน กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนจะใช้เงินที่ได้จากระดมทุนในครั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูปและปิโตรเคมีเหลวทางเรือ การสนับสนุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลและบริหารจัดการกองเรือ โดยมีแผนขยายกองเรือที่สำคัญในระหว่างปี 2560-2562 ดังนี้  1. ธุรกิจเรือขนส่งฯ จะลงทุนเรือขนส่งขนาดบรรทุก 3,000-10,000 DWT ประมาณ 9 ลำ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,340 ล้านบาท คาดรองรับปริมาณขนส่งสินค้าจากการลงทุนในครั้งนี้เพิ่มขึ้น 3,800 ล้านลิตรต่อปี และลงทุนเรือขนส่งขนาดใหญ่ ประมาณ 11 ลำ ประกอบด้วยเรือขนาดประมาณ 14,000 DWT เรือ MR เรือ LR เรือ Aframax และเรือ VLCC เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจขนส่งฯ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU มูลค่าโครงการรวมประมาณ 6,890 ล้านบาท คาดจะช่วยเพิ่มปริมาณขนส่งอีก 16,700 ล้านลิตรต่อปี

มีแผนลงทุนขยายธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU เพื่อเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน้ำมันอีก 4 ลำ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,200 ล้านบาท รับการเติบโตของอุตสาหกรรมขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 3. จะพิจารณาการลงทุนในเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่งขุดเจาะน้ำมัน (เรือ FSO) ประมาณ 2 ลำ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,090 ล้านบาท รองรับการเติบโตของธุรกิจการปฏิบัติงานการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันดิบกลางทะเลทั้งในน่านน้ำไทยและประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับแผนการลงทุนนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ ขยายตลาดเรือขนส่งสินค้าปิโตรเคมีซึ่งมีโอกาสเติบโตสูง  รวมถึงขยายขอบเขตการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังเส้นทางการเดินเรือใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น เส้นทางไทย-เมียนมาร์ ไทย-จีน ไทย-ญี่ปุ่น เป็นต้น ตลอดจนการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะฐานลูกค้าในประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีโอกาสเติบโตสูง



ที่มา Data & Images - varietyetc.com





..