ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

มันเยอะมาก! นักวิทย์เพิ่งพบนกเพนกวินอาเดลี อยู่ในเกาะห่างไกล 1.5 ล้านตัว

เริ่มโดย mrtnews, มี.ค 04, 18, 10:50:11 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 2 มี.ค. คณะนักวิทยาศาสตร์เผยแพร่ผลงานการสำรวจค้นพบนกเพนกวินอาเดลี แถบคาบสมุทรแอนตาร์กติกา ขั้วโลกใต้ อยู่ตามหมู่เกาะแดนเจอร์ ไอส์แลนด์ ที่เป็นเกาะโขดหิน 9 เกาะ อย่างน่าฮือฮา เนื่องจากมีประชากรหนาแน่นกว่า 1.5 ล้านตัว จากเดิมที่วิตกกังวลกันว่าเพนกวินอาเดลีเป็นชนิดที่ลดประชากรลงเรื่อยๆ


หมู่เกาะนี้อยู่ใกล้กับทวีปอเมริกาใต้มากที่สุด และอยู่ในฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลเวดเดลล์ การค้นพบครั้งนี้ให้พื้นที่ดังกล่าวขึ้นแท่นเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเพนกวินอาเดลี ด้วยจำนวนมากเป็นอันดับ 3 หรือ 4 ของโลก

"นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เป็นเป็นสถานการณ์จริงสำหรับเราว่าจะบริหารจัดการกับภูมิภาคนี้อย่างนี้อย่างไร" ฮีตเธอร์ ลีนช์ จากมหาวิทยาลัยสโตนี บรู๊ก ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยชิ้นนี้กล่าว โดยผลงานชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ Scientific Reports

ทั้งนี้ เพราะหากดูสถานการณ์ในพื้นที่ที่อยู่ห่างจากคาบสมุทรแอนตาร์กติกาไปทางตะวันตกราว 160 ก.ม. จะพบว่าบริเวณ แอนตาร์กติกาตะวันตกนั้น เพนกวินอาเดลีลดประชากรลงไปถึงร้อยละ 70 ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้หิมะละลาย

"การค้นพบนี้เป็นข่าวดีว่ายังมีพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแอนตาร์กติกาที่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างมั่นคงกว่าภาคตะวันตกภายใต้สภาพความเปลี่ยนแปลงทางอากาศ ดังนั้นประชากรของเพนกวินอาเดลีถึงได้มีจำนวนมากในภูมิภาคนี้และดูเหมือนว่ายังจะเหมาะเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับพวกมันไปพักใหญ่" ลีนช์กล่าว

สำหรับเพนกวินอาเดลีนเป็นหนึ่งใน 5 ชนิดของเพนกวินที่มีชีวิตอยู่ในโลก และอาศัยอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา ฝั่งขั้วโลกใต้ มันเป็นเพนกวินขนาดกลาง มีความสูงเฉลี่ย 70 เซนติเมตร น้ำหนัก 6 กิโลกรัม มีลักษณะเด่นคือ รอบดวงตามีวงกลมสีขาวคล้ายวงแหวน และมีขนหางที่ยาวกว่าเพนกวินชนิดอื่นๆ

ส่วนหมู่เกาะแดนเจอร์ ที่ได้ชื่อว่าอันตราย เพราะด้วยเหตุผลตามภูมิศาสตร์และสภาพแวดล้อมของมัน ลีนช์อธิบายว่า พื้นที่ของหมู่เกาะนี้ปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาจากทะเลเกือบตลอดทั้งปี แม้แต่ในช่วงฤดูร้อน เป็นพื้นที่ที่ยากจะเข้าถึงสำหรับการสำรวจ
เกาะที่ว่าเข้าไปง่ายที่สุดแล้วชื่อ เอโรอีนา ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ยังเข้าไปได้ด้วยเรือเพียง 1 ครั้งต่อปีเท่านั้น

หมู่เกาะแดนเจอร์ หรือที่แปลว่า อันตรายนั้น ค้นพบโดยทีมนักวิจัยจากอเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส โดยอาศัยดาวเทียมแลนแซ็ตขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือ นาซา และสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติที่ขึ้นสู่วงโคจร และบันทึกข้อมูลพื้นผิวโลกมาเกือบ 4 ทศวรรษ)

ลีนช์และทีมงานนำภาพสำรวจจากดาวเทียมส่องด้วยระบบที่ใช้ความคมชัดสูง ตอนแรกที่เห็นเพนกวินหลายพันหลายหมื่นตัวนั้น ยังคิดว่าเป็นความผิดพลาดของภาพ เพราะหมู่เกาะดังกล่าวไม่เป็นที่รู้จักว่ามีเพนกวินอาศัยอยู่

ดังนั้นเพื่อความแน่ใจจึงใช้การสำรวจภาคพื้นดินตามแบบฉบับเดิมผสมผสานกับการใช้โดรนถ่ายรูป ซึ่งนอกจากจะพบเพนกวินอาเดลีแล้ว ยังพบรังของเพนกวินเจนทู (เป็นชนิดที่ใกล้ชิดกับเพนกวินอาเดลี) อีก 100 รัง และรังของเพนกวินชินสแตรป (เพนกวินหางแปรงชนิดหนึ่ง บริเวณใต้คางจะเป็นเส้นเล็ก ๆ สีดำคาดผ่านเหมือนสายรัดคางของหมวกนักขี่ม้า) อีก 27 รัง

"เราโชคดีมากๆ ที่ตอนเดินทางไปนั้นทะเลน้ำแข็งเปิดออกทำให้เราล่องเรือเข้าไปได้" ผู้นำทีมวิจัยกล่าว?พร้อมกล่าวเตือนในตอนท้ายว่า จำเป็นอย่างยิ่งต้องปกป้องพื้นที่นี้อย่างแข็งขัน ไม่ให้มีการประมงกร้ำกรายเข้าไปเลย !!



ที่มา Data & Images -




ค้นพบเพนกวิน 1.5 ล้านตัว บนพื้นที่ห่างไกลแถบแอนตาร์กติก ซึ่งมนุษย์ไม่เคยไปเยือน

นับเป็นข่าวดีที่สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดานักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เมื่อมีการค้นพบเพนกวินอาเดลี (Adelie) จำนวน 1.5 ล้านตัว บนหมู่เกาะเดนเจอร์ ไอแลนด์ส (Danger Islands) พื้นที่ห่างไกลในแถบแอนตาร์กติกตะวันออก เนื่องจากเดิมทีพวกเขากำลังเป็นกังวลกันว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลให้ประชากรเพนกวินอาเดลีลดลงเรื่อยๆ


ผลการสำรวจสำมะโนประชากรเพนกวิน ซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสารไซเอินทิฟิก รีพอร์ตส (Scientific Reports) ระบุว่า ค้นพบเพนกวินอาเดลีวัยวัยผสมพันธุ์จำนวน 751,527 คู่ บนหมู่เกาะเดนเจอร์ ห่างออกไปเพียง 160 กิโลเมตร ทางตะวันตกของแอนตาร์กติก

ฮีเธอร์ ลินช์ (Heather Lynch) นักวิจัยของมหาวิทยาลัยสโตนี บรูค กล่าวว่า การค้นพบดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากๆ และมันอาจเปรียบเป็นอาณาจักรเพนกวินอาเดลีขนาดใหญ่อันดับ 3 หรือ 4 ของโลก เพราะในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ตัวเลขของเพนกวินอาเดลีลดลงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน

สำหรับเพนกวินอาเดลีนเป็น 1 ใน 5 สายพันธ์ุเพนกวินที่ยังคงเหลืออยู่บนโลก และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกาฝั่งขั้วโลกใต้ มันเป็นเพนกวินขนาดกลาง ความสูงเฉลี่ย 70 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 3-6 กิโลกรัม มีลักษณะเด่นอยู่ตรงวงกลมสีขาวรอบด้วงตา และขนบริเวณหางที่ยาวกว่าเพนกวินชนิดอื่นๆ

สำหรับหมู่เกาะแดนเจอร์บริเวณที่ค้นพบเพนกวินอาเดลีน ตั้งอยู่ตรงจุดปลายสุดของแอนตาร์กติก ใกล้กับทวีปอเมริกาใต้ และมนุษย์แทบไม่เคยเดินทางไปเยือน โดยเกาะในแถบแอนตาร์กติกที่เข้าถึงง่ายสุดคือ เอโรอีนา (Heroina) ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ก็สามารถเข้าไปได้ด้วยเรือเพียง 1 ครั้งต่อปีเท่านั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาจากทะเลตลอดทั้งปี แม้ในช่วงฤดูร้อนก็ยากจะเข้าไปทำการสำรวจ

อย่างไรก็ตาม การค้นพบครั้งล่าสุดเกิดจากการสำรวจด้วยดาวเทียมสังเกตการณ์ขององค์การนาซา สหรัฐฯ และสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ซึ่งร่วมมือกับคณะนักวิจัยจากสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส โดยเบื้องต้นทีมงานนำภาพสำรวจจากดาวเทียมมาส่องด้วยกล้องความละเอียดสูง และพวกเขาคิดว่าการปรากฏตัวของเพนกวินนับร้อยนับพันบนเกาะมันเป็นความผิดพลาดของภาพถ่าย เพราะหมู่เกาะดังกล่าวไม่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเพนกวินมาก่อน

ทว่าหลังจากเลือกใช้การสำรวจภาคพื้นดินตามแบบฉบับเดิมผสมผสานกับการใช้โดรนถ่ายรูป นอกจากจะพบเพนกวินอาเดลีแล้ว ยังพบรังเพนกวินเจนทู (Gentoo) ประมาณ 100 รัง และเพนกวินชินสแตรป (Chinstrap) จำนวน 27 รัง

"เราโชคดีมากๆ ที่ตอนเดินทางไปสำรวจทะเลน้ำแข็งเปิดออกทำให้ล่องเรือเข้าไปได้" ผู้นำทีมวิจัยกล่าว พร้อมเน้นย้ำด้วยว่า หมูู่เกาะเล็กๆ แห่งนี้มีความสำคัญมาก และจำเป็นที่จะต้องปกป้องพื้นที่อย่างจริงจัง โดยไม่ปล่อยให้มีการประมงกร้ำกรายเข้าไป



ที่มา Data & Images -







..