สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ คาดปี 56 ส่งออกโต 0.5%

[mrtnews]

สภาผู้ส่งออกฯ คาดปี 56 ส่งออกโต 0.5% วอนอย่านำเศรษฐกิจมาเป็นตัวประกัน หวั่นกระทบส่งออกปีหน้า...

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ สังคม และเศรษฐกิจ รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาเจรจากัน ไม่เอาภาคเศรษฐกิจมาเป็นตัวประกัน เพราะหากไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้การค้าและการส่งออกของประเทศชะงักงัน แม้ขณะนี้การส่งออกยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง เนื่องจากผู้ผลิตได้รับคำสั่งซื้อไปเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการส่งมอบสินค้าเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ อุปสรรคที่ทำให้การส่งออกติดขัด

"ขอวอนให้ทุกฝ่าย อย่าเอาธุรกิจไปเกี่ยวข้อง ผมขอพูดอย่างนี้ อย่าเอาเศรษฐกิจไปเป็นตัวประกัน อยากให้แยกให้ชัดเจน ขอให้ทุกฝ่ายที่รักประเทศ เห็นแก่เศรษฐกิจประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้"

สำหรับสินค้าที่ต้องระมัดระวังคือ สินค้าเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรม รวมทั้งอาหาร เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเวลาดำเนินนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร เพราะขณะนี้รัฐบาลมุ่งให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาการเมืองมากกว่า จนในที่สุดจะส่งผลกระทบให้การค้าขายและการส่งออกลดลง

ส่วนการส่งออกไทยในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตเพียง 0.5% จากคาดการณ์เดิมที่ 1% เนื่องจากการส่งออกในระยะ 10 เดือน เห็นชัดว่าการส่งออกชะลอลง ดังนั้น เงื่อนไขว่าการส่งออก 2 เดือนหลังจากนี้ จะต้องเติบโตให้ได้ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อทำให้ส่งออกโตได้ โดยการส่งออกในเดือน ต.ค. 2556 มีมูลค่า 19,393.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 0.67% หรือมีมูลค่า 603,082.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.94%

ขณะที่การส่งออกในปี 2557 สภาผู้ส่งออกฯ ตั้งเป้าหมายว่าจะขยายตัว 5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ อาจไม่ได้ทำให้ความต้องการสินค้าในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การกระตุ้นตัวเลขการส่งออกด้านความต้องการซื้อ ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดเพียงอย่างเดียว จึงไม่เพียงพอที่จะผลักดันการส่งออกให้เติบโตตามเป้าหมาย จึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภาคการส่งออก ซึ่งเป็นด้านการผลิต ให้สามารถแข่งขันได้ภายใต้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยสภาผู้ส่งออกฯ จะจัดส่งยุทธศาสตร์การพัฒนาการส่งออก (TNSC's Export Stragegy Model) ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้การส่งออกเป็นวาระแห่งชาติ ให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ

นายนพพร กล่าวต่อว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงได้ ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ก็อาจส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องไปถึงไตรมาสแรกปีหน้า แต่ไม่รุนแรงมากนัก แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อข้ามปี เชื่อว่าจะส่งผลกระทบจะมีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 2 ปีหน้า

โดยเงินบาทที่อ่อนค่าลง จนหลุดระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นอัตราที่ผู้ส่งออกและนักลงทุนพอจะเข้าใจ แต่สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มชะลอตัวลง ซึ่งผู้ส่งออกต้องระมัดระวัง เพราะเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นในปีหน้า ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของโลก เพราะเชื่อว่าในที่สุดสหรัฐฯ จะทยอยลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ด้านนายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในปีนี้ จะต้องดูจากสภาพความเป็นจริง เพราะการส่งออกในช่วงนี้ไม่ถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงทำให้ต้องปรับลดการคาดการณ์การส่งออกลง ส่วนสถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อ มีผลกระทบการบริหารจัดการให้หยุดชะงัก การขนส่งสินค้าล่าช้าและมีต้นทุนสูง

"ขอวอนว่าการชุมนุมไม่ควรยืดเยื้อออกไปอีก โดยปกติแล้วลูกค้าจะเดินทางมาเลือกดูสินค้าในช่วงปลายปี หากเป็นลูกค้าเก่า อาจวิตกเรื่องกำลังการผลิตของไทย จนต้องเปลี่ยนฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนลูกค้าใหม่ก็จะลังเลและชะลอการซื้อสินค้าจากไทย และมองว่าหากการชุมนุมยังยืดยื้อออกไป จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมถึงไตรมาส 2".

ที่มา -