“TTA” ตั้งเป้ารายได้ 57 คาดโต 40% พร้อมเข็น บ.ลูกเข้า ตลท.ครึ่งปีหลัง

[mrtnews]

TTA ตั้งเป้ารายได้ปี 57 คาดโตถึง 40% หลังจากกลับมามีกำไรจากธุรกิจโลกเริ่มฟื้นตัวมีคำสั่งซื้อที่ต้องพึ่งพาการขนส่งเพิ่มมากขึ้น และการปรับราคาค่าระวางเรือใหม่ เตรียมทุมงบลงทุนเพิ่ม 8.4 พันล้านบ. ขยายกองเรืออีก 10 ลำ พร้อมเข็น พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ เข้าลิสใน ตลท.ครึ่งปีหลัง

นายไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีบัญชีซึ่งสิ้นสุดเดือนกันยายน 2557 (และจะเปลี่ยนเป็นระบบบัญชีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม 2558 ) บริษัทคาดว่าจะเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 18,500 ล้านบาท รวมถึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะพลิกมีกำไรสุทธิ จากปี 2556 ที่ผ่านมา (สิ้นสุด ก.ย.56) ที่มีผลประกอบการขาดทุน 5,080 ล้านบาท โดยที่ธุรกิจเดินเรือคาดว่าจะมีการเติบโตสูงถึง 50% หลังจากค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 3-4 พันดอลลาร์/ลำ/วันโดยเฉลี่ย เป็น 10,500 ดอลลาร์/วัน/ลำ จากปีก่อนที่อยู่ที่ 7,500 ดอลลาร์/ลำ/วัน ซึ่งแนวโน้มค่าระวางเรือมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นจากความต้องการเรือที่เพิ่มมากขึ้นถึง 7.5% ซึ่งสูงกว่าปริมาณเรือในตลาดที่โต 4.5% ซึ่งบริษัทฯ ตั้งงบลงทุนปี 57 ที่ 8.4 พันล้านบาท โดยจะมาจากการเพิ่มทุนเมื่อต้นปี 56 ที่ผ่านมา 4.2 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากกู้สถาบันการเงิน โดยเบื้องต้นบริษัทฯ ตั้งเป้าขยายกองเรือเพิ่มอีกราว 10 ลำ จากในปัจจุบันอยู่ที่ 20 ลำ

"รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น และมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ไตรมาสแรก ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นโลซีซัน ยังคงมีอัตราเติบโตอยู่ จึงทำให้เรามั่นใจว่าถ้าเทียบกับทุกไตรมาสของปีนี้กับปีที่แล้ว ผลประกอบการเราจะดีกว่าทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนผ่านบริษัทลูก ทั้งในด้านพลังงาน และสาธารณูปโภค ซึ่งจะเน้นลงทุนในชิปปิ้งเป็นหลัก ในการซื้อเรือมือสอง ซึ่งหากราคาอยู่ที่ 24-25 ล้านดอลลาร์ จะซื้อได้ประมาณ 10 ลำ แต่ทางบริษัทเองก็ได้มีการกระจายการลงทุนในส่วนอื่นๆ ผ่านบริษัทฯ ลูก หากมีความจำเป็นในการสร้างผลตอบแทน"

ขณะเดียวกัน ส่วนธุรกิจด้านพลังงานคาดว่าปีนี้จะเติบโตประมาณ 20% จากการขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง และทะเลเหนือ โดยบริษัทฯ ได้สัญญาขุดเจาะน้ำมันระยะยาว ซึ่งเป็นสัญญาที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะที่ธุรกิจโรงงานผลิตปุ๋ย บริษัท บาคองโก จำกัด ในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นบริษัทลูกคาดว่าจะเติบโตที่ 30% โดยมีเพียงธุรกิจถ่านหินของบริษัท UMS เท่านั้นที่คาดว่าจะยังคงขาดทุนอยู่

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล หรือไฟลิ่ง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อนำบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 35,420,000 หุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย TTA จำนวน 27,320,000 หุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 8,100,000 หุ้น รวมคิดเป็นร้อยละ 35.0 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยผู้ถือหุ้นของ TTA จะได้รับสิทธิในการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Right) จำนวน 35,420,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 100.0 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขาย โดยคาดว่าทาง ก.ล.ต.จะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 4-5 เดือน และจะสามารถขายหุ้นพร้อมเข้าทำการวื้อขายได้ภายในครึ่งปีหลัง โดยผู้ถือหุ้นของ TTA จะได้สิทธิในการจองซื้อหุ้น IPO ของบริษัทดังกล่าวด้วย และ TTA จะรับรู้รายได้จากการขายหุ้นเป็นกำไรพิเศษเข้ามาในปีนี้ ซึ่งไม่รวมอยู่ในประมาณการกำไรและรายได้ของบริษัทฯ

ที่มา -



TTA คาดงวดปี 57 รายได้โต-พลิกเป็นกำไรรับธุรกิจขาขึ้น, ซื้อเรือมือสอง 10 ลำ

นายไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) คาดว่า ผลประกอบการในงวดปี 57 (ต.ค.56-ก.ย.57) จะพลิกเป็นกำไรหลังจากงวดปีก่อนขาดทุนราว 5.08 พันล้านบาท เนื่องจากในปีนี้ธุรกิจชิปปิ้งกลับเข้าสํวัฎจักรขาขึ้นที่คาดว่ารายได้กลุ่มชิปปิ้งจะเติบโต 50% ผลักดันให้รายได้รวมในงวดปี 57 จะเติบโต 40% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 1.85 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทมีแผนซื้อเรือมือสองเพิ่มอีก 10 ลำ

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าค่าระวางเรือเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 1.2-1.3 หมื่นเหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ ซึ่งตามอุตสาหกรรมที่คาดไว้  จากในไตรมาสแรก (ต.ค.-ธ.ค.56) มีรายได้เฉลี่ยที่ 1.05 หมื่นเหรียญ/วัน/ลำ เนื่องจากความต้องการเติบโตมาประมาณ 7.5% ขณะที่จำนวนเรือเพิ่มขึ้น  4.5%

ประกอบกับ ธุรกิจบริการเรือด้าน oi l& gas ในกลุ่มเมอร์เมดฯ คาดว่าจะเติบโต 20% ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภค คือธุรกิจจากบาคองโกและธุรกิจของ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส ( UMS) ซึ่งอยู่ในเครือ คาดว่ารายได้จะเติบโตราว 30%  ในงวดปีนี้

อนึ่ง ธุรกิจบริการด้าน oil&gas มีสัดส่วนรายได้ราว 47%  ของรายได้รวม  ธุรกิจชิปปิ้งมีสัดส่วน 27-28% และธุรกิจสาธารณูปโภค มีสัดส่วน 20%

"รายได้เราทุกไตรมาสดีกว่าปีที่แล้วเมื่อเทียบกับไตรมาสปีที่แล้ว ถึงไตรมาส 2 เป็นโลว์ซีซั่น แต่ก็จะสูงกว่าไตรมาส 2 ปีที่แล้ว"นายไกรลักขณ์ กล่าว

นายไกรลักขณ์ กล่าวว่า ในปีนี้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายคงที่ ขณะที่รายได้ขยายตัว ทำให้กำไรเติบโต อย่างไรก็ดี ในปีนี้ ธุรกิจ UMS  ก็ยังฉุดลงบ้าง โดยคาดว่าปีนี้ยังไม่มีกำไร แต่ก็จะขาดทุนไม่มากแล้ว

อนึ่ง จากการที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการเพิ่มทุน 4,200 ล้านบาท ทำให้บริษัทสามารถกู้เวินได้เพิ่มอีกเท่าตัว ทำให้บริษัทมีเงินทุนรวม 8,400 ล้านบาทสำหรับใช้ลงทุนธุรกิจในปีนี้ ทำให้ฐานะทางการเงิน ปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)ที่ 0.5 เท่า  ทั้งนี้ บริษัทมีแผนซื้อเรือมือสองในราคาลำละ 24-25 ล้านเหรียญ/ลำ ซึ่งเป็นเรือประเภทซุปปาร์แมกซ์เพื่อรองรับการขยายตัวตลาด และสามารถนำมาสร้างรายได้ทันที  แต่ขึ้นอยู่กับโอกาสที่จะเข้าซื้อได้ที่ราคาใด นอกจากนี้ บริษัทก็จะนำเงินไปลงทุนธุรกิจอื่นด้วย

ส่วนการนำบมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเซีย โฮลดิ้ง ซึ่ง TTA ถือหุ้น 100% เข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น นายไกรลักขณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา คาดว่า ก.ล.ต.จะใช้เวลาพิจารณา 4-5 เดือน ทั้งนี้ พีเอ็มฯ จะเสนอขายหุ้น IPO สัดส่วน 35% ของทุนจดทะเบียนโดยเป็นหุ้นเดิมที่ TTA ถือ 27% ที่เหลือเป็นหุ้นเพิ่มทุน และจะให้สิทธิผู้ถือหุ้น TTA จองหุ้น IPO ก่อน หากหมดก็จะไม่เสนอขายให้กับนักลงทุนท้วไป

ที่มา -