ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

ปตท.สผ.เร่งเจรจาขาย LNG ในแหล่ง Cove คาดผลิตเชิงพานิชย์ปี 2019

เริ่มโดย mrtnews, ก.ย 10, 14, 21:39:35 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

กรุงเทพฯ 9 ก.ย. 57 - นายอัษฎากร ลิ้มปิติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกลุทธ์ และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงทุนในแหล่ง Cove Energy ที่โมซัมบิก ขณะนี้สามารถเจรจาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นสัญญาระยะยาวได้ประมาณ 5.4 ล้านตันต่อปี โดยกำลังเจรจากับนักลงทุนจากอินเดีย เพื่อทำสัญญาซื้อขายเพิ่มเติมเพื่อให้ครบปริมาณที่ได้วางไว้ว่า จะทำสัญญาระยะยาว LNG ให้ถึงประมาณ 10 ล้านตันต่อปี เพื่อที่จะส่งออก LNG จากแหล่งนี้ โดยคาดว่าจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2019 ซึ่งแหล่ง Cove Energy เป็นแหล่งที่มีศักยภาพด้านก๊าซธรรมชาติมาก


สำหรับสัญญาระยะยาวที่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายแล้ว 5.4 ล้านตัน ประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปริมาณ 2.625 ล้านตัน CNOOC ประมาณ 2 ล้านตันและที่เหลือเป็น บ.ญี่ปุ่นเมื่อได้สัญญาซื้อขาย LNG ระยะยาวแล้ว ก็จะมีการตัดสินใจวางแผนการลงทุนผลิต LNG จากแหล่งนี้ โดยจะมีการก่อสร้างโรงงานผลิตLNG ขึ้น โดยในส่วนของ ปตท.สผ.ที่ถือหุ้นอยู่ 8.5% คาดว่าจะต้องมีการลงทุนในแหล่งนี้ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนการลงทุนในประเทศเมียนมาร์ ปตท.สผ.ได้ลงทุนในเมียนมาร์เป็นเวลาถึง 25 ปีแล้ว ก็ยังเดินหน้าในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 12 กันยายน 57 นี้ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะเดินทางไปเยือนเมียนมาร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเจรจาร่วมมือในการลงทุนด้านพลังงานร่วมกันด้วย

โดยปัจจุบัน ปตท.ลงทุนแหล่งปิโตรเลียมในเมียนมาร์ จำนวน 12 แหล่ง โดยแหล่งที่สำรวจและผลิตแล้ว อาทิ แหล่งยาดานา เยตากุน และซอติก้า หรือ M9 ซึ่งในส่วนของ M9 ได้ส่งก๊าซฯ เข้ามาไทย 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และสามารถเพิ่มได้ถึง 270 ล้านลุกบาศก์ฟุตต่อวัน หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น ขณะที่แหล่งบนบกมี 3 แหล่ง ได้แก่ EP2, MOGE3 และ PSGC ซึ่งในแหล่ง PSGC ได้มีการขุดหลุมทดสอบศักยภาพแล้ว พบว่า มีความสามารถอาจผลิตก๊าซฯ ได้

ขณะที่แหล่งในทะเล M3 มีศักยภาพด้านก๊าซฯ โดยพบว่าเป็นก๊าซเปียก ซึ่งมีสารประกอบนำมาผลิตปิโตรเคมีได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินปริมาณก๊าซฯ ที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในปลายปีนี้ สำหรับแหล่งนี้ จะผลิตเพื่อจ่ายเข้าเมียนมาร์ทั้งหมด และอาจจะมีโครงการต่อเนื่อง คือ โรงแยกก๊าซฯ และโรงงานปิโตรเคมี หากปริมาณสำรองมามาก สำหรับแหล่งนี้เป็นแหล่งในทะเลน้ำตื้น อยู่ด้านใต้ของเมืองย่างกุ้ง

ส่วนแหล่งน้ำลึก MD7, MD8 และ M11 จะลงทุนสำรวจหรือไม่นั้น จะต้องศึกษาศักยภาพที่ชัดเจนก่อน เพราหากลงทุนต้องมีต้นทุนสูง 100 ล้านเหรียญต่อหลุม เทียบกับแหล่งน้ำมันอื่น 10 ล้านเหรียญต่อหลุม

สำหรับการลงทุนในออสเตรเลียขณะนี่แหล่งมอนทาร่าได้ผลิตน้ำมันดิบได้ 25,000 บาร์เรลต่อวัน แล้ว ส่วนแหล่ง Cash & Maple มีปริมาณสำรองที่พบแล้วประมาณ 3.1 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต แต่หากจะทำ Floating LNG (FLNG) หรือการผลิต LNG ในเรือ จะมีต้นทุนสูง หากพิจารณาราคาขาย LNG แล้ว ราคาไม่คุ้มทุนก็อาจจะเปลี่ยนแผนการขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านแทน หรือต่อท่อส่งก๊าซฯ ไปที่ดาว์วินแทน ซึ่งพื้นที่นั้นมีโรงงาน LNG อยู่

ที่มา -




ปตท.สผ.เผยขายแอลเอ็นจีแหล่ง COVE 5.4 ล้านตันแล้ว

กรุงเทพฯ 9 ก.ย. 57 - ปตท.สผ.เร่งเจรจาขาย LNG ในแหล่ง Cove ได้สัญญาระยะยาว 5.4 ล้านตันแล้ว จะเริ่มลงทุนเพื่อเตรียมการผลิตได้กลางปี 2558 และจำหน่ายได้ปี 2562 ปริมาณ 10 ล้านตัน/ปี ส่วนการลงทุนในเมียนมาร์พบก๊าซเปียก ศึกษาต่อยอดลงทุนปิโตรเคมีใต้เมืองย่างกุ้ง


นายอัษฎากร ลิ้มปิติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงทุนในแหล่ง Cove Energy ที่โมซัมบิก  ขณะนี้สามารถเจรจาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นสัญญาระยะยาวได้ประมาณ 5.4 ล้านตันต่อปี จากเป้าหมาย 7 ล้านตัน โดยกำลังเจรจากับนักลงทุนจากอินเดีย หลังจากก่อนหน้านี้สัญญารับซื้อจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปริมาณ 2.625  CNOOC ประมาณ 2 ล้านตัน และที่เหลือจากญี่ปุ่น โดยการติดแอลเอ็นจีตั้งเป้าหมาย 10 ล้านตันต่อปี โดย 3 ล้านตันต่อปีจะเป็นการจำหน่ายตลาดจร ซึ่งเมื่อมีลูกค้าชัดเจน ก็จะตัดสินใจลงทุนสร้างโรงผลิตแอลเอ็นจี และจะเริ่มจำหน่ายได้ในปี 2562 ซึ่งแหล่งนี้ ปตท.สผ. ถือหุ้นอยู่ 8.5% คาดว่าจะต้องมีการลงทุนในแหล่งนี้ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนการลงทุนในประเทศเมียนมาร์ ปตท.สผ.ได้ลงทุนในเมียนมาร์เป็นเวลาถึง 25 ปีแล้ว ก็ยังเดินหน้าในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 12 กันยายนนี้ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะเดินทางไปเยือนเมียนมาร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเจรจาร่วมมือในการลงทุนด้านพลังงานร่วมกันด้วย

โดยปัจจุบัน ปตท.ลงทุนแหล่งปิโตรเลียมในเมียนมาร์ จำนวน 12 แหล่ง โดยแหล่งที่สำรวจและผลิตแล้ว อาทิ แหล่งยาดานา เยตากุน และซอติก้า หรือ M9 ซึ่งในส่วนของ M9 ได้ส่งก๊าซฯ เข้ามาไทย 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และสามารถเพิ่มได้ถึง 270 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น ขณะที่แหล่งบนบกมี 3 แหล่ง ได้แก่ EP2, MOGE3 และ PSGC ซึ่งในแหล่ง PSGC ได้มีการขุดหลุมทดสอบศักยภาพแล้ว พบว่ามีความสามารถอาจผลิตก๊าซฯ ได้

ขณะที่แหล่งในทะเล M3 มีศักยภาพด้านก๊าซฯ โดยพบว่าเป็นก๊าซเปียก ซึ่งมีสารประกอบนำมาผลิตปิโตรเคมีได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินปริมาณก๊าซฯ ที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในปลายปีนี้ สำหรับแหล่งนี้ จะผลิตเพื่อจ่ายเข้าเมียนมาร์ทั้งหมด และอาจจะมีโครงการต่อเนื่อง คือโรงแยกก๊าซฯ และโรงงานปิโตรเคมี หากปริมาณสำรองมามาก สำหรับแหล่งนี้เป็นแหล่งในทะเลน้ำตื้น อยู่ด้านใต้ของเมืองย่างกุ้ง

ส่วนแหล่งน้ำลึก MD7, MD8 และ M11 จะลงทุนสำรวจหรือไม่นั้น จะต้องศึกษาศักยภาพที่ชัดเจนก่อน เพราะหากลงทุนต้องมีต้นทุนสูง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อหลุม เทียบกับแหล่งน้ำตื้นลงทุน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อหลุม

สำหรับการลงทุนในออสเตรเลียขณะนี่แหล่งมอนทาราได้ผลิตน้ำมันดิบได้ 25,000 บาร์เรลต่อวันแล้ว ส่วนแหล่ง Cash & Maple มีปริมาณสำรองที่พบแล้วประมาณ 3.1 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต แต่หากจะทำ Floating LNG (FLNG) หรือการผลิต LNG ในเรือ จะมีต้นทุนสูง หากพิจารณาราคาขาย LNG แล้ว ราคาไม่คุ้มทุนก็อาจจะเปลี่ยนแผนการขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านแทน หรือต่อท่อส่งก๊าซฯ ไปที่ดาว์วินแทน ซึ่งพื้นที่นั้นมีโรงงาน LNG อยู่ด้วย.

ที่มา -