ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

ฟิลิปปินส์กล่าวหาจีนรุกล้ำจากการส่งเรือไปใกล้ซากเรือบอกอาณาเขตในทะเลจีนใต้

เริ่มโดย mrtnews, พ.ค 30, 13, 17:43:11 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

มะนิลา 29 พ.ค. 56 - รัฐบาลฟิลิปปินส์กล่าวหาจีนว่ารุกล้ำอาณาเขตของฟิลิปปินส์ จากการส่งเรือ 3 ลำไปใกล้ซากเรือลำเลียงของกองทัพเรือฟิลิปปินส์ที่เกยตื้นแนวหินโสโครกไว้ตั้งแต่ปี 2542 เพื่อบอกอาณาเขตในทะเลจีนใต้


เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กล่าวว่า เรือจีนลอยลำห่างจากซากเรือฟิลิปปินส์เพียง 5 ไมล์ทะเล และอาจจะขวางการจัดส่งเสบียงให้แก่นาวิกโยธินฟิลิปปินส์ที่ประจำการอยู่บนซากเรือดังกล่าว โฆษกกระทรวงต่างประเทศฟิลิปปินส์เรียกร้องให้จีนถอนตัวออกไป เพราะไม่มีสิทธิภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ น่านน้ำดังกล่าวอยู่ใกล้เกาะปาลาวัน จังหวัดใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์

การกระทำของเรือจีนถือว่ายั่วยุและผิดกฎหมาย ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนโต้ว่าแนวหินโสโครกนี้เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ที่เป็นของจีนอย่างไร้ข้อโต้แย้ง และขอให้ทุกฝ่ายงดดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้สถานการณ์ยุ่งยาก

จุดที่เกิดความตึงเครียดครั้งใหม่นี้เรียกว่าแนวหินโสโครกเซคคันด์โทมัส เป็นทางเข้าเขตรีดแบงก์ ที่เชื่อกันว่าอุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ฟิลิปปินส์อ้างว่ารีดแบงก์ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะปาลาวันไปทางตะวันตก 80 ไมล์ทะเล อยู่ในรัศมีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลของฟิลิปปินส์ ขณะที่จีนแย้งว่ารีดแบงก์เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ หมู่เกาะนี้ประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยไร้คนอยู่อาศัยรวม 250 เกาะ กินพื้นที่กว่า 165,000 ตารางไมล์ จีน ไต้หวัน เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ อ้างสิทธิครอบครองทั้งหมดหรือบางส่วน

ที่มา -




สันดอนใกล้เรือผุของฟิลิปปินส์ กลายเป็น 'จุดร้อน' ใหม่ในทะเลจีนใต้

เอเจนซี - บริเวณสันดอนห่างไกลในทะเลจีนใต้ซึ่งฟิลิปปินส์นำเรือลำเลียงเก่าของนาวีตากาล็อกไปทอดทิ้งไว้เพื่อประกาสอำนาจอธิปไตยมาตั้งแต่ปี 1999 กำลังทำท่าจะกลายเป็นจุดร้อนแรงแห่งต่อไป หลังจากมะนิลากล่าวหาปักกิ่งรุกล้ำดินแดน ด้วยการส่งเรือ 3 ลำในจำนวนนี้มีเรือฟรีเกตของกองทัพเรือด้วย เลียบเคียงเข้าไปใกล้ๆ ทางด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ สถานการณ์นี้น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าการเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองประเทศเมื่อปีที่แล้วที่บริเวณสันดอนสกาโบโรห์โชล


เจ้าหน้าที่ตากาล็อกกลัวว่า เรือจีนจะขัดขวางไม่ให้ฟิลิปปินส์เข้าไปส่งเสบียงให้นาวิกโยธินกว่าสิบคนซึ่งประจำอยู่บนเรือสนิมเกาะลำดังกล่าวที่จอดอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า เซ็กคันด์ โธมัส โชล (Second Thomas Shoal) โดยที่ตรงนั้นถือเป็นข่องทางยุทธศาสตร์เปิดสู่พื้นที่ รีด แบงก์ (Reed Bank) ซึ่งเชื่อกันว่า อุดมด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

ในปี 2010 มะนิลาให้สัมปทานกลุ่มกิจการร่วมทุนอังกฤษ-ฟิลิปปินส์ สำรวจแหล่งก๊าซในรีด แบงก์ แต่การขุดเจาะชะงักไปตั้งแต่ปีที่แล้วเนื่องจากจีนส่งเรือไปคุมเชิง

ฟิลิปปินส์อ้างว่า รีด แบงก์ ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะปาลาวันเพียง 80 ไมล์ทะเล จึงถือว่าอยู่ภายในอาณาเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลของฟิลิปปินส์อย่างชัดเจนตามกฎหมายระหว่างประเทศ

แต่ปักกิ่งโต้กลับว่า รีด แบงก์เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ราว 250 เกาะ ครอบคลุมอาณาเขต 165,000 ตารางไมล์ โดยที่ทั้งจีน ไต้หวัน และเวียดนาม ต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะแห่งนี้ทั้งหมด ขณะที่มาเลเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ อ้างสิทธิ์บางส่วน

ราอูล เฮอร์นันเดซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์แถลงเมื่อวันพุธ (29) เรียกร้องให้จีนนำเรือของพวกเขาออกจากบริเวณเซ็กคันด์ โธมัส โชล เนื่องจากภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ การกระทำของจีนในขณะนี้ถือเป็นการยั่วยุและผิดกฎหมาย

ทว่า ในวันอังคาร (28) หง เหล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า เซ็กคันด์ โธมัส โชล เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งจีน "มีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนบริเวณนี้อย่างไม่อาจโต้แย้งได้" จึงเป็นเรื่องปกติที่เรือจีนจะเข้าไปตรวจการณ์ พร้อมกันนี้ หงยังสำทับว่า จีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องละเว้นการดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากยิ่งขึ้น

ความตึงเครียดล่าสุดสะท้อนว่า ข้อพิพาทที่ยืดเยื้อยาวนานมาหลายสิบปี เวลานี้กำลังสุกงอมกลายเป็นฝีกลัดหนองที่พร้อมแตกออกมามากยิ่งขึ้นทุกขณะ เนื่องจากประเทศคู่กรณีเริ่มออกมาอ้างสิทธิ์เหนือน่านน้ำในทะเลจีนใต้ครึกโครมขึ้น เพราะต่างต้องการผลประโยชน์จากแหล่งพลังงานใต้ทะเล พร้อมกันนั้นประเทศเหล่านี้ยังสะสมแสนยานุภาพทางนาวี และจับมือเป็นพันธมิตรกับประเทศอื่นๆ อย่างกระตือรือร้น

สัปดาห์นี้ เวียดนามออกมากล่าวหาจีนอีกคำรบว่า คุกคามชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมงของตนด้วยการข่มขู่เรืออวนลากที่ออกหาปลาในทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยและเขตอำนาจศาลของเวียดนามในทะเลตะวันออก

ด้านปักกิ่งอ้างว่า ต้องการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบทำประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำของตน และว่า ข้อกล่าวหาของฮานอย "ไม่มีมูลความจริง"

วันเดียวกัน ศูนย์เพื่อนโยบายการป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นทีมคลังสมองทางทหารของจีน ออกรายงานระบุว่า นโยบายหวนกลับมา "ปักหมุด" ในเอเชีย" ของอเมริกานั่นเอง เป็นตัวการทำลายความสงบในทะเลจีนใต้

"แม้เงื่อนไขในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นทำให้เกิดการเผชิญหน้าทางทหารขนาดใหญ่ แต่ข้อพิพาทในบริเวณดังกล่าวกำลังกลายเป็นสถานการณ์ปกติมากขึ้น ซึ่งในระยะยาวนั้นเพียงแค่การบริหารจัดการด้อยประสิทธิภาพก็สามารถนำไปสู่วิกฤตร้ายแรงได้" สำนักข่าวไชน่า นิวส์ เซอร์วิสรายงานเนื้อหาของรายงานฉบับนั้น

เซ็กคันด์ โธมัส โชล กำลังกลายเป็นจุดร้อนระอุดจุดหนึ่งในทะเลจีนใต้ ซึ่งอาจบีบให้อเมริกาต้องเข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องพันธมิตรของตนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นได้

เอียน สตอรีย์ นักวิชาการของสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาของสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า ความตึงเครียดในเซ็กคันด์ โธมัส โชล นั้น มีอันตรายกว่าการเผชิญหน้าในสการ์โบโรห์ โชล เมื่อปีที่แล้วเสียอีก เนื่องจากที่นี่มีทหารฟิลิปปินส์ประจำการอยู่

อาเซียนนั้นพยายามชักชวนให้จีนยอมรับความตกลงเกี่ยวกับหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้ แต่ปักกิ่งยังคงหลีกเลี่ยงโดยบอกเพียงว่าจะเจรจาเมื่อถึงเวลา อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีต่างประเทศของสมาคมอาเซียนมีกำหนดประชุมกันในเดือนสิงหาคมนี้ในประเทศไทย เพื่อพยายามผลักดันประเด็นนี้ต่อ ก่อนที่จะไปร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ของฝ่ายจีนที่ปักกิ่งในปลายเดือนเดียวกันหรือต้นเดือนกันยายน

ที่มา -