ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

ซีอีโอ 'บางจาก' ลั่นเตรียมงบ 9 หมื่นล้านลุยสร้างธุรกิจครบวงจร

เริ่มโดย mrtnews, ก.พ 26, 15, 06:51:24 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

"ชัยวัฒน์"เผยพร้อมเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์บางจาก ปั้นเป็นธุรกิจข้ามชาติครบวงจร เตรียมงบ 9 หมื่นล้านลงทุนทั้งใน-ต่างประเทศ

เผยเจรจาลงทุนแหล่งแร่ริเทียมในสหรัฐฯ ขณะหั่นรายจ่าย 10% รับราคาน้ำมันช่วงขาลง


บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) เปิดตัวผู้บริหารชุดใหม่ ยังเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์เดิมในการก้าวสู่ธุรกิจข้ามชาติอย่างครบวงจร ทั้งธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจพลังงานทดแทน

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การลงทุนของบางจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แม้ว่าธุรกิจพลังงานทั่วโลกลดการลงทุน และ บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) เตรียมขายหุ้น 12% ในบางจาก โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาสแรกปีนี้

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ คนใหม่ของบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าบางจากตั้งงบลงทุนระยะ 6 ปี (2558-2562) จำนวน 9 หมื่นล้านบาท สำหรับลงทุนในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้บางจากเป็นธุรกิจข้ามชาติอย่างครบวงจร ทั้งธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจต้นน้ำ อาทิ การลงทุนแหล่งปิโตรเลียมในต่างประเทศ

"เร็วๆ นี้ เตรียมพิจารณาลงทุนธุรกิจแหล่งแร่ริเทียม ที่สหรัฐฯ เพื่อพัฒนาธุรกิจแบตเตอรี่ในอนาคต" นายชัยวัฒน์ คาดว่าในปี 2558 บางจากจะมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยและค่าเสื่อม(EBITDA) ไม่ต่ำกว่า 10,400 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาทในปี 2563

พร้อมยื่นขอสัมปทานรอบ 21
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าจากยุทธศาสตร์ดังกล่าวบางจากยังคงสนใจยื่นขอสิทธิ สำรวจ การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 แต่คงต้องรอความชัดเจนจากทางภาครัฐว่าจะสามารถเปิดตามกำหนดได้หรือไม่ โดยบางจากศึกษาสำรวจแปลงสัมปทานไว้ 1-2 แปลง ในพื้นที่บริเวณอ่าวไทย เนื่องจากเชื่อว่าศักยภาพแหล่งสัมปทานในอ่าวไทยยังมีน้ำมันค่อนข้างมาก

สำหรับแหล่งเงินลงทุนธุรกิจขุดเจาะสำรวจดังกล่าวจะถูกรวมอยู่ในงบลงทุนธุรกิจใหม่ของบางจากในระยะ 5 ปี (ปี2558-2563) ที่ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากบางจากได้รับอนุมัติสัมปทาน คาดว่าในระยะแรกคงใช้เงินลงทุนไม่มาก เพราะคงต้องใช้ระยะเวลา 6-7 ปีกว่าจะเริ่มผลิต

ศึกษาลงทุนแห่งสัมปทานในอาเซียน
อย่างไรก็ตามนอกจากบางจากจะสนใจลงทุนสัมปทานปิโตรเลียมในไทยแล้ว ยังศึกษาเพื่อลงทุนแหล่งสัมปทานในต่างประเทศด้วย อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพราะต้องการกระจายความเสี่ยงและขยายลงทุนในธุรกิจต้นน้ำมากขึ้น ปัจจุบันรายได้หลักจะมาจากธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลัก

"นักลงทุนก็สอบถามบางจากบ้าง แต่ก็ไม่ได้กังวลเพราะบางจากแจ้งว่า หากเปิดสัมปทานรอบ 21 บางขาก็ยื่น แต่หากเปิดไม่ได้ตามกำหนด บางจากก็สนใจลงทุนในต่างประเทศเช่นกัน ขณะเดียวกันธุรกิจขุดเจาะก็ไม่ใช้ธุรกิจหลักของบางจากด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลมากนัก อย่างไรก็ตามบางจากต้องการมีน้ำมันดิบ 20% ของกำลังการผลิตในปี2563" นายชัยวัฒน์ กล่าว

หั่นรายจ่าย 10% รับน้ำมันขาลง
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าบางจากปรับแผนรับมือราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับต่ำไว้แล้ว โดยลดค่าใช้จ่ายลงประมาณ 10% ของงบใช้จ่ายปกติ พร้อมกันนี้ได้ตั้งประเมินราคาน้ำมันขั้นต่ำสุดไว้ที่ 53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งหากต่ำกว่า 53 ดอลลาร์/บาร์เรล จะมีผลให้บางจากฯขาดทุนสต็อกน้ำมัน
"แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันโลกสูงกว่าอัตราดังกล่าวและมีแนวโน้มจะสูงขึ้นแล้ว"

บางจากประเมินว่าในปี 2558 ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกจะทรงตัวที่ 55-60 ดอลลาร์/บาร์เรล และปลายปี 2558 มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 60 ดอลลาร์/บาร์เรล เล็กน้อย

ราคาหุ้นบางจาก (BCP) ปิดตลาดวานนี้ (24 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 2.38% อยู่ที่ 32.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 101.09 ล้านบาท

ค้านแผนยกเลิกโซฮอล์ 91
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่ากรณีที่กระทรวงพลังงานมีแนวทางจะยกเลิกการจำหน่ายการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 หรือแก๊สโซฮอล์ 95 เพื่อลดชนิดน้ำมันในปั๊มลงนั้น บางจากฯได้เข้าหารือกับผู้บริหารกระทรวงพลังงานเพื่อเสนอแนวทางให้จำกัดชนิดน้ำมันในปั๊ม โดยไม่จำเป็นต้องยกเลิกจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ด้วยการระบุให้แต่ละปั๊มจำหน่ายน้ำมันไม่เกิน 5 ชนิด และให้ผู้จำหน่ายมีสิทธิ์พิจารณาเองว่าจะเลือกจำหน่ายชนิดใด

ทั้งนี้จะช่วยบรรลุวัตถุประสงค์ของกระทรวงพลังงานที่ต้องการให้ลดชนิดของน้ำมันลง เพื่อจะช่วยผู้บริโภคเกิดความสะดวกในการเลือกเติมน้ำมัน และลดต้นทุนของปั๊มน้ำมันลงด้วย อย่างไรก็ตามเห็นว่าภาครัฐยังไม่ควรยกเลิกจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ผู้บริโภคใช้จำนวนมาก และเกษตรกรใช้แก๊สโซฮอล์ 91 เป็นส่วนใหญ่ในเครื่องยนต์เพื่อการเกษตร

"คงต้องรอให้กระทรวงพลังงานตัดสินใจอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยหากยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 จริง บางจากต้องปรับตัวหันไปจำหน่ายน้ำมันชนิดอื่นแทน"

ส.อ.ท.คาดน้ำมันโลกครึ่งปีหลัง 60-70 ดอลลาร์
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าในปี 2558 ราคาน้ำมันดิบ ดูไบ น่าจะมีราคาอยู่ในช่วง 50 - 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งปรับลดลงอย่างมากจากปี 2557 ที่ราคาดูไบเฉลี่ย 97 ดอลลาร์/บาร์เรล
จากข้อมูลล่าสุดคาดว่าอุปสงค์น้ำมันดิบจะขยายตัวที่ระดับ 9 แสนบาร์เรลต่อวัน โดยมีความต้องการหลักจากเอเชีย สำหรับอุปทานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกโดยเฉพาะ สหรัฐฯ ที่มีการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ในขณะที่มีโรงกลั่นใหม่เพิ่มขึ้นทั้งจากตะวันออกกลางและภูมิภาคเอเชียราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะมีโรงกลั่นเก่าปิดตัวลงกว่า 3 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้กำลังการกลั่นสุทธิที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบน่าจะทรงตัว อยู่ที่ระดับ 50-60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ค่าการกลั่นก็น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับที่ดี

"มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบดูไบจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ระดับ 60-70 ดอลลาร์/ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจาก การชะลอการลงทุนของแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่มีต้นทุนสูงและไม่คุ้มทุนที่ระดับราคาในปัจจุบัน จากทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในปัจจุบันทำให้ผู้ค้าน้ำมันทำการเช่าเรือเก็บน้ำมันลอยลำกลางทะเล เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอยู่ที่ระดับ 60 ล้านบาร์เรลในเดือนม.ค." นายสุกฤตย์ กล่าว

คาดอุตฯ น้ำมันปีนี้ฟื้นตัว/
ผลกระทบกับอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันในประเทศ คาดว่าปีนี้อุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันในประเทศ น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการคาดการณ์เศรษฐกิจที่เติบโตสูงขึ้น อุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปจะเพิ่มมากขึ้นจากราคาที่ปรับตัวลดลง อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งจะทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน

นายสุกฤตย์ กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันดิบลดลง ทำให้ใช้เงินทุนหมุนเวียนน้อยลงช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน ประกอบกับค่าการกลั่นที่คาดว่าจะดีขึ้น จากการที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคปรับตัวลงช้ากว่าการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบ ตลอดจนการฟื้นตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองในปี 2558 คือการปฏิรูปพลังงาน ที่มีวัตถุประสงค์ให้ราคาพลังงานสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อปริมาณความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปชนิดต่างๆ ภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

ที่มา -




บางจากฯจ่อลงทุน 90,000 ลบ. พัฒนาโรงกลั่น ขยายปั๊ม และลงทุนธุรกิจนวัตกรรม

รายงานข่าวแจ้งว่า นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง แผนลงทุนของบางจากช่วง 2558-2563 ว่า จะมีการลงทุนรวม 90,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนสำหรับโรงกลั่นน้ำมันที่ 2,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพโรงกลั่น ค้าปลีกน้ำมัน 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายสถานีบริการเพิ่มเติมอีก 400 แห่ง และพัฒนาธุรกิจเสริม (Nonoil) การลงทุนสำรวจและผลิตรวม 50,000 ล้านบาท และลงทุนธุรกิจใหม่ ๆ ด้านนวัตกรรม เช่น แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ที่มองการลงทุนไปถึงต้นทางคือ แร่ลิเธียม ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนของการสำรวจและผลิต คาดว่าจะขยายโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะในอาเซียน


ฐานะการเงินของบางจากค่อนข้างแข็งแกร่งได้เตรียมเงินสำรองสำหรับการลงทุนไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่การลงทุนจะเน้นใช้กระแสเงินสดที่มี รวมถึงการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ในกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนนอกเหนือจากนี้ได้เตรียมแผนออกหุ้นกู้ไว้ด้วย เช่น Green Bond เพื่อลงทุนเฉพาะพลังงานสีเขียวโดยเฉพาะ

ทั้งนี้ สำหรับยุทธศาสตร์ ของบางจากจะเน้นไปที่ Security สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยขยายการลงทุนไปยังธุรกิจต้นน้ำ เพื่อจัดหาพลังงาน Stability เสริมสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานและการเงิน ด้วยการลงทุนด้านพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ เช่น พลังงานใต้พื้นพิภพ (Geothermal) พลังงานชีวมวล (Biomass) พลังงานชีวภาพ (Biogas) พลังงานจากเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell) Sustainability สร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร โดยเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Oil ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นรูปแบบเฉพาะในลักษณะ Bangchak Model ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ดูแลสุขภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันเป็นการทำธุรกิจเพื่อสังคม Social Enterprise อันเป็นการต่อยอดจาก CSR / CSV เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ พร้อมส่งเสริมให้คนในชุมชนร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่

นายชัยวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมถึง แผนการดำเนินงานในปี 2558 คาดว่าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ไม่ต่ำกว่า 10,400 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาทในปี 2563 โดยจะขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เช่น ขยายธุรกิจพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Power) มีกำลังการผลิตเพิ่ม 100-150 เมกะวัตต์ เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน เพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจเดิม พัฒนาเพิ่มศักยภาพโรงกลั่นให้มีความทันสมัย ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (YES-R Project) และจะเพิ่มกำลังการกลั่นเป็น 105,000 บาร์เรล/วัน คาดว่าจะมีค่าการกลั่นเฉลี่ย 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ด้านการตลาด ตั้งเป้าการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันกว่า 450 ล้านลิตร/เดือน พร้อมขยายสถานีบริการน้ำมันอีก 70 แห่ง โดยเป็นสถานีบริการขนาดใหญ่ (Flagship) 2 แห่ง พร้อมพัฒนารูปแบบของสถานีบริการแบบใหม่ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสอดคล้องกับในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในอีก 6 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 400 แห่ง หรือเพิ่มเป็นกว่า 1,500 แห่ง ภายในปี 2563

ในปี 2558 จะเพิ่ม EBITDA ของธุรกิจ Non-oil จาก 145 ล้านบาท เป็นกว่า 200 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 นอกจากนี้ นอกจากขยายร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100 แห่ง จากปัจจุบัน 92 แห่ง และขยายร้านกาแฟอินทนิลบางจากอีก 100 แห่ง จากที่มีอยู่ 343 แห่งแล้วยังจะพัฒนาธุรกิจใหม่ เช่น อินทนิล Organic หรือ Grocery Store เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ให้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการจัดหาน้ำมัน หลังจากบริษัท บางจากฯ เข้าไปถือหุ้นบริษัท Nido Petroleum ในประเทศออสเตรเลียที่ได้รับสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยล่าสุดบริษัท Nido Petroleum ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Galoc Production Company WLL จากบริษัท Otto Energy Limited ในมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท จะทำให้ Nido มีสัดส่วนถือครองแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Galoc จากร้อยละ 22.88 เป็นร้อยละ 55.88 และทำหน้าที่เป็น Operator ในแหล่ง Galoc ส่งผลให้ Nido มีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4,000 บาร์เรลต่อวัน และมีสำรองน้ำมันประมาณ 7 ล้านบาร์เรล (2P) นอกจากนี้ยังมีแผนขยายธุรกิจอื่นๆ อีกเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้

ด้านธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัท บางจากฯ มีแผนที่จะขยายโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าว่าจะขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าจะสร้างกำลังการผลิตเพิ่มอีก 300 เมกะวัตต์ ใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าโซล่า ชีวมวล ชีวภาพและโรงไฟฟ้าขยะ (Waste to Energy) โดยจะเน้นการทำงานร่วมกับกลุ่มสหกรณ์การเกษตร  อีกทั้งจะขยายธุรกิจผลิตเอทานอลและไบโอดีเซล โดยจะเดินเครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซล B100 เต็มกำลังการผลิตสูงสุด และเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานไบโอดีเซล แห่งที่ 2 ขึ้นอีก 450,000 ลิตรต่อวัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 360,000 ลิตรต่อวัน ให้เป็น 810,000 ลิตร/วัน

ด้านผลการดำเนินงานในปี 2557 บางจากฯ มี EBITDA 5,162 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานธุรกิจตลาดและธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์อยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ส่งผลให้ EBITDA ลดลงจากปีก่อนหน้า 4,300 ล้านบาท

ที่มา -