ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

อ่านใจ "เฉลิมชัย มหากิจศิริ" ลุยรีแบรนด์ เพิ่มเสน่ห์หุ้น TTA

เริ่มโดย mrtnews, มี.ค 18, 15, 14:02:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

ในแวดวงการลงทุน หลายคนคงจะคุ้นชื่อ "บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์" หรือ TTA เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นครั้งสำคัญเมื่อปี 2555 จากการที่กลุ่ม "มหากิจศิริ" เข้ามาถือหุ้นใหญ่และปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจแบบ "ยกเครื่อง"


ทว่า "เฉลิมชัย มหากิจศิริ" ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ซึ่งเข้ามารับหน้าที่บริหารอย่างเป็นทางการได้ปีเศษ (รับตำแหน่ง 1 ม.ค. 2557) เขาเปิดใจกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การพลิกโฉม TTA ของจริงกำลังจะเกิดขึ้นอย่างจริงจังในปีนี้และนักลงทุนจะได้พบกับความเคลื่อนไหวใดบ้าง ติดตามได้ดังนี้

- ตั้งแต่เข้ามาบริหารงาน "TTA" เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

TTA ในตอนนี้ต้องบอกว่า มีการกระจายธุรกิจที่หลากหลายกว่าเดิม โดยนักลงทุนที่ติดตามบริษัทจะเห็นได้ว่าเรามีการกระจายรายได้เข้าไปในหลายธุรกิจ ได้แก่ "ธุรกิจขนส่ง" ซึ่งสร้างรายได้จากการให้บริการเดินเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ธุรกิจเรือบรรทุกน้ำมัน และธุรกิจงานบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ สร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของทั้งหมด

ขณะที่ "ธุรกิจพลังงาน" ซึ่งมาจากการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจการให้บริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งสร้างรายได้ให้แก่ TTA ราว 50%

ส่วนที่เหลือ "ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน" ซึ่งสร้างรายได้ให้ราว 20% จากการที่ TTA ได้เข้าไปถือหุ้นใน บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS ประกอบธุรกิจค้าถ่านหินและบริการโลจิสติกส์ สัดส่วน 88.68% ผ่านบริษัท อะธีน โฮลดิ้งส์ อีกทั้ง TTA ยังถือหุ้น 100% ในบริษัท บาคองโค จำกัด ผู้ผลิตปุ๋ยพรีเมี่ยมแบรนด์ในประเทศเวียดนาม และยังมีรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ที่เข้าไปลงทุน อาทิ บริษัท ไซโน แกรนด์เนส ฟู้ด อินดัสตรี กรุ๊ป จำกัด (Sino Grandness) ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศจีนที่ผลิตและส่งออกน้ำผลไม้ ในช่วงที่ผ่านมา TTA จึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแล้ว

- การเปลี่ยนแปลงนี้จะสร้างผลดีให้ผู้ถือหุ้น TTA อย่างไร

ตอนนี้ค่าระวางเรือในตลาดโลกไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากมีปริมาณเรือเพิ่มขึ้น แต่จะเห็นได้ว่า TTA ยังคงประคองตัวอยู่ได้ ซึ่งก็เป็นผลจากการที่เรากระจายการลงทุนเข้าไปในหลายธุรกิจ โดยหลังจากนี้เราก็ยังมีแผนที่จะกระจายการลงทุนไปในธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจและมีศักยภาพการเติบโตได้อีก เช่น ธุรกิจพลังงานทดแทน เป็นต้น

ส่วนธุรกิจเดินเรือที่ค่าระวางไม่ค่อยดีนัก เราก็มองหาแนวทางที่จะสนับสนุนการสร้างรายได้ในช่องทางใหม่อย่างการ "รับบริหารกองเรือ" เพราะช่วงหลังมานี้เราเห็นว่าในตลาดมีจำนวนเรือเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลจากการที่มีกองทุนขนาดใหญ่เข้าไปลงทุนซื้อเรือจากเจ้าของเรือที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง กองทุนเหล่านี้มีเงิน แต่ไม่มีความเชี่ยวชาญการบริหารกองเรือ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของ TTA ที่มีความชำนาญ มีองค์ความรู้ที่จะเข้าไปรับบริหารกองเรือเหล่านี้ได้

- ในระยะข้างหน้าจะปรับอะไรอีกบ้าง

เราต้องสร้างความชัดเจนให้กับธุรกิจ ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังติดภาพที่ว่า TTA เป็นบริษัทเดินเรืออยู่ แต่จริง ๆ เราไม่ใช่แล้ว ดังนั้นเราจึงต้องมีการ "พลิกโฉมใหม่" ซึ่งภายในปีนี้มีแผนจะ "รีแบรนด์" และอาจย้ายหมวดธุรกิจเข้าสู่การเป็นโฮลดิ้งคอมปะนี จากปัจจุบันเป็นหมวดธุรกิจขนส่งและบริการ

อีกทั้งในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้เราจะนำ บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ หรือ PMTA ที่ถือหุ้นในบริษัท บาคองโก 100% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ผ่านเกณฑ์โฮลดิ้งคอมปะนี ซึ่งจะเป็นการสะท้อนให้นักลงทุนเห็นว่า บริษัทที่ TTA ได้ลงทุนไปนั้นมีศักยภาพและมีแนวโน้มขยายตัวที่ดี สามารถนำเข้าจดทะเบียนได้ ส่วนเรื่องของความต้องการระดมเงินทุนไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักที่ต้องการ

เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท (บอร์ด) ก็เพิ่งมีมติอนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PMTA โดยให้สิทธิผู้ถือหุ้น TTA จองซื้อหุ้นPMTA (Right Ratio) ในอัตราส่วน 37 หุ้นของ TTA ต่อ 1 หุ้นของ PMTA

- ตั้งเป้าหมายผลประกอบการ TTA ในปีนี้อย่างไร

เราต้องการสร้างผลกำไรให้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน (ปี 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 154.73 ล้านบาท) จากช่วงปี 2555-2556 เราประสบผลขาดทุนสุทธิมาตลอด อย่างไรก็ตาม สภาพของราคาหุ้น TTA ต่อจากนี้คงต้องขึ้นกับภาวะตลาด แต่สิ่งสำคัญที่เราอยากให้ผู้ถือหุ้นมองเราคือมองให้ลึก มองไปที่ความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน ซึ่งตอนนี้จะเห็นได้ว่าอัตราส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) เราต่ำอยู่แค่ 0.2 เท่า แถมยังมีกระแสเงินสดอีกเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ที่จะทำให้บริษัทสามารถเลือกลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพอื่น ๆ ได้อีก


เนื่องจาก TTA จะให้ความสำคัญกับการเป็น "First Mover" พอ ๆ กับการเป็น "Last man standing" เพราะเรามองว่าทั้งสองสิ่งนี้สำคัญอย่างมากในการบริหารกิจการให้เติบโต

ต่อจากนี้จึงต้องจับตาภารกิจ "พลิกโฉม" TTA ในปีนี้ต่อไป ว่าจะสามารถสร้างศรัทธา ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ตามที่หวังไว้หรือไม่

ที่มา -