ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

บางจาก ปรับทัพธุรกิจยกแผง รุกสำรวจผลิต-ไล่ซื้อโรงกลั่น

เริ่มโดย mrtnews, มิ.ย 10, 13, 17:23:02 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

เปิดวิสัยทัศน์ประธานบอร์ดบางจาก "พิชัย ชุณหวชิระ" ลุยธุรกิจต้นน้ำสำรวจและผลิตทั้งใน-ตปท. เหมืองแร่โปรแตช ปรับทัพดึงทีมงานเสริมปรับภาพลักษณ์ เปลี่ยนวิธีคิดให้ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทำกำไรมากขึ้น เล็งเทกโอเวอร์หรือสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่ ทุ่ม 7 พันล้านเพิ่มศักยภาพโรงกลั่นเดิมเป็น 1.2 แสนบาร์เรล/วัน


นายพิชัย ชุณหวชิระ ประธานกรรมการ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงทิศทางการบริหารบางจากในช่วงจากนี้ไปว่า จะมุ่งเน้นไปสู่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำมากขึ้น จากเดิมที่มุ่งเน้นอยู่ที่ธุรกิจกลางน้ำ-ปลายน้ำ คือโรงกลั่นน้ำมัน และค้าปลีกน้ำมันเท่านั้น สำหรับธุรกิจต้นน้ำมองถึงการสำรวจและผลิต ที่มองความเป็นไปได้ทั้งในและต่างประเทศ และไม่ได้จำกัดวงอยู่ในด้านพลังงานเท่านั้น ยังรวมถึงการสำรวจและผลิตอื่น ๆ เช่น การลงทุนในบริษัท เหมืองแร่โปแตชอาเซียน จำกัด (มหาชน) (APMC) ที่ต้องการจะพัฒนาเพื่อให้สามารถผลิตออกมาใช้ประโยชน์ให้ได้ ปัจจุบันแม้ว่าจะยังอยู่ในระหว่างพัฒนา ทั้งนี้เมื่อประเมินการลงทุนที่ 10,000 ล้านบาท ที่กำลังผลิต 1 ล้านตัน/ปี ภายใต้ราคาแร่โปแตชปัจจุบันที่ 400-500 เหรียญสหรัฐ/ตัน ประเมินว่าจะคืนทุนได้ภายใน 3 ปี ที่ผลตอบแทนการลงทุนร้อยละ 22 และโครงการในรูปแบบนี้มีระยะเวลาทำกำไรค่อนข้างนาน เมื่อราคาแร่โปแตชขยับขึ้นในอนาคตที่ 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างที่เกิดขึ้นคือกำไรทั้งหมด

ส่วนการมองต้นน้ำด้านพลังงาน บางจากต้องมองหาแหล่งผลิตน้ำมันแม้ว่าราคาน้ำมันปัจจุบันจะอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่เมื่อมองอนาคต 10 ปีต่อจากนี้ ราคาน้ำมันมีโอกาสวิ่งไปถึง 200 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลได้ ฉะนั้นหากบางจากจะมองการลงทุนในแหล่งน้ำมันจะต้องรอจังหวะราคาที่เหมาะสม

"ธุรกิจต้นน้ำต้องอดทนรอจังหวะในช่วงเวลาที่ราคาไม่แพง เมื่อมองเห็นส่วนต่างราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแล้วจะเห็นว่า ต้นน้ำมันมีเสน่ห์ แต่บางจากต้องมองการลงทุนภายใต้ข้อจำกัดที่มี และไม่ผลีผลามจนเกินไป วันนี้เมื่อโลกมันเปิด ประชาคมอาเซียนก็จะเปิด ฉะนั้นบางจากจะต้องออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น"

นายพิชัยกล่าวอีกว่า จากความสนใจในธุรกิจต้นน้ำดังกล่าว จึงได้เสนอแนวความคิดไปที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ว่า ต้องเปิดโอกาสให้บริษัทลูกที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการกลั่นและน้ำมันที่มีมากกว่า 10 บริษัทในขณะนี้ออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะบางจากที่ต้องการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิต แต่ไม่ได้ต้องการแข่งกับบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. แต่เป็นการออกไปแข่งกับบริษัทต่างชาติ ที่สำคัญบางจากไม่ได้ต้องการเพิ่มรายได้จากเฉพาะยอดขายน้ำมันในประเทศเท่านั้น แต่ต้องสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วย

สำหรับธุรกิจกลางน้ำอย่างโรงกลั่นน้ำมัน ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ 2 แนวทาง คือ 1)การสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่ และ 2)การเข้าไปซื้อกิจการโรงกลั่นน้ำมันที่ต้องการขาย ทั้งนี้หากพิจารณาจากความต้องการใช้น้ำมันในปัจจุบันอาจจะไม่คุ้มค่ากับการสร้างใหม่ ฉะนั้นจึงต้องจับตาในตลาดว่ามีโรงกลั่นใดที่ต้องการขายหรือไม่ หากราคาไม่แพงจนเกินไปก็ควรที่จะใช้แนวทางนี้ เพราะโรงกลั่นเก่าสามารถมาปรับปรุงประสิทธิภาพเล็กน้อย สามารถทำกำไรได้เป็นเท่าตัว เมื่อมองเห็นสัญญาณจากนโยบายรัฐที่เตรียมจะขยายท่อน้ำมันเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคนี้เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงจากเมืองทวาย เมียนมาร์ มาระยอง หรือการเชื่อมโยงจากระยองไปยังภาคอีสานจนไปถึง สปป.ลาว เป็นต้น ฉะนั้นตลาดน้ำมันจะกลายเป็นระดับภูมิภาค และบางจากจะต้องมองการลงทุนในส่วนนี้เพื่อรองรับการขยายตัวด้วย

ส่วนการลงทุนธุรกิจปลายน้ำนั้น นายพิชัยกล่าวว่า จะต้องปรับทีมบริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมันใหม่ เพื่อปรับ 2 ส่วนคือ 1) ภาพลักษณ์ของสถานีบริการน้ำมัน สร้างความแตกต่างจากปัจจุบันที่เป็นเพียง Conventional และ 2) ปรับระบบค้าปลีกที่เป็น Nonoil ทั้งหมด ตั้งแต่แนวความคิดใหม่คือ บางจากจะต้องเป็นผู้ได้รับประโยชน์ มากกว่าที่จะให้เอกชนรายอื่นเข้ามาใช้ประโยชน์จากพื้นที่ภายในสถานีบริการน้ำมันของบางจาก เช่น การลงทุนสร้างแบรนด์ค้าปลีกเป็นของตัวเอง และอาจจะจัดระบบการค้าปลีกเหมือนกับที่เซเว่นอีเลฟเว่นที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ

"หากเซตระบบค้าปลีกให้ดี เชื่อว่าลูกค้าจะอยู่กับเรา ต้องพัฒนารูปแบบปั๊มให้เหมาะกับสังคมปัจจุบัน บางจากอาจต้องมีคอนวีเนี่ยนสโตร์ที่เป็นของตัวเอง อาจจะจัดปาร์กกิ้งไว้ให้จอดรถตามจังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ ๆ โดยบางจากเก็บค่าเช่าที่ดิน แค่นี้ก็สร้างรายได้เพิ่มได้แล้ว"


นอกจากการวางทิศทางอนาคตของบางจากแล้ว นายพิชัยกล่าวถึงปัจจุบันและแผนลงทุนสำคัญในช่วง 5 ปีจากนี้ของบางจากว่า ยังคงใช้ศักยภาพที่มีอยู่เพื่อสร้างรายได้ คือ โรงกลั่นน้ำมันยังเดินเครื่องปกติเต็มที่ แต่ที่จะทำรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้นมากขึ้นคือโรงงานเอทานอล ประมาณ 100-200 ล้านบาท/ปี โดยปีนี้กำไรจะเพิ่มขึ้นอีกจากความต้องการใช้เอทานอลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ และโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ทำรายได้ 2,500 ล้านบาท/ปี

ที่จะมีการลงทุนใหญ่คือ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงกลั่นน้ำมัน ให้สามารถเพิ่มกำลังการกลั่นเป็น 120,000 บาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่กลั่นได้เพียง 100,000 บาร์เรล/วัน ที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 7,000 ล้านบาท เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะสร้างกำไรให้บางจากเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาและออกแบบโครงการที่คาดว่าเร็ว ๆ นี้จะเปิดประมูลได้

ที่มา -