ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา อาหาร ยา และเครื่องสำอางค์ รวมถึงสมุนไพรทุกชนิด ไม่ว่าจะมี อย. หรือไม่  เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

TTA คาดปีนี้สรุปดีล M&A 3-4 หมื่นลบ. แย้มเจรจาพันธมิตรเข้าถือ UMS

เริ่มโดย mrtnews, เม.ย 29, 15, 20:05:07 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

จันทร์ที่ 27 เมษายน 2558 - นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปดีลการซื้อกิจการขนาดใหญ่ซึ่งอาจจะเป็นกิจการที่อยู่ในประเทศ มูลค่า 3-4 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการอยู่หลายรายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทในระยะยาว


ในปัจจุบันบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมาก โดยมีเงินสดอยู่ในมือกว่า 1 หมื่นล้านบาท อีกทั้งการให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อของสถาบันการเงินที่บริษัทยังมีความสามารถในการก่อหนี้อยู่ค่อนข้างมาก โดยบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนในระดับที่ต่ำ อยู่ที่ 0.48 เท่า

นอกจากนี้บริษัทยังได้มองถึงการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งมองโอกาสในการเติบโตจากการที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนเป็น 25% ภายใน 10-20 ปี ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทมีความสนใจในการเข้าไปลงทุน โดยบริษัทได้มีการเข้าไปเจรจากับผู้ประกอบการพลังงานทดแทนหลายรายในพลังงานทดแทนประเถทพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานไบโอแมส แต่ทั้งนี้ยังต้องความคืบหน้าของการให้ใบอนุญาตเพิ่มเติมจากทางกระทรวงพลังงาน

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 58 จะสามารถมีกำไรเช่นเดียวกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 154.73 ล้านบาท ขณะเดียวกันรายได้จะดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 6.62 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากทุกธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจเรือเทกองที่ค่าระวางเรือจะมีแนวโน้มเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังไตรมาส 1/58 ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่ในปีนี้ยังไม่มีแผนการเพิ่มกองเรือ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 24 ลำ ขณะที่ UMS จะสามารถพลิกมีกำไร

แม้ว่าแนวโน้มผลผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/58 ของ TTA จะยังมีผลขาดทุนเล็กน้อย เนื่องจากธุรกิจเรือเทกองซึ่งเป็นธุรกิจหลักอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น มีลูกค้าใช้บริการขนส่งน้อย อีกทั้งยังเผชิญภาวะค่าระวางเรือที่อยู่ไนระดับต่ำ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าธุรกิจเรือเทกองจะดีขึ้นในไตรมาส 2/58 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นและแนวโน้มค่าระวางเรือเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น

"แนวโน้มปีนี้เราคาดจะมีกำไรและรายได้เราอาจจะมากกว่าปีก่อน แต่อันนี้เป็นงบการเงินปกติแล้ว ซึ่งปีนี้เราพยายามบริหารต้นทุนทุกธุรกิจก็น่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น ในตัวพลังงานทดแทนคาดคาดว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะมีกำไรสุทธิ...ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้คาดว่าก็ยังขาดทุนอยู่แต่ไม่มาก แต่ก็ขาดทุนลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งปีนี้เป็นไปตามปีปฏิทินตามปกติแล้ว ก็เมื่อผมไปเทียบๆกันก็คาดว่าจะขาดทุนลดลง ที่ยังขาดทุนอยู่เพราะธุรกิจชิปปิ้งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และ Index ค่าระวางเรือต่ำอยู่"นายเฉลิมชัย กล่าว

ในส่วนการหาพันธมิตรเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของบมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจเข้ามาถือหุ้น (Strategic Partner) หลายราย โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ถือหุ้นที่สนใจเข้ามาช่วยในการสร้างการเติบโตในเรื่องของรายได้และกำไรของ UMS แต่ทั้งนี้บริษัทยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะได้ข้อสรุปการหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นได้ในปีนี้หรือไม่ ซึ่งบริษัทไม่ได้มีความรีบร้อนในการหาพันธมิตร

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าผลการดำเนินของ UMS ในปีนี้จะสามารถพลิกกลับมามีกำไร จากปี 57 ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่ที่ 22.11 ล้านบาท หลังจาก UMS ได้มีการทยอยขายถ่ายหินที่เป็นสินค้าคงคลังออกไปจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีปริมาณถ่านหินในคลังเหลืออยู่ที่ 2 แสนตัน จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 4-5 แสนตัน พร้อมกันนี้จะมีการสรรหาถ่านหินใหม่จากประเทศอินโดนีเซียที่มีคุณภาพสูงและให้ราคาขายที่ดีมาขาย เพื่อสร้างความสมดุล เนื่องจากถ่านหินที่เป็นสินค้าคงคลังในปัจจุบันเป็นถ่านหินเก่า คุณภาพเริ่มเสื่อมลง ทำให้ราคาขายต่ำ


ส่วนธุรกิจจำหน่ายปุ๋ยบาคองโกของบมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส(PMTA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีแนวโน้มดีขึ้นหลัง มีความพยายามควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ ทั้งนี้บริษัท PMTA จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 6 พ.ค. 58 ด้วยราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 18 บาท/หุ้น โดยระดับราคาดังกล่าว P/E Retio อยู่ที่ 6.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่า P/E ในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ส่วนแผนการออกหุ้นกู้บริษัทมีวงเงินในการออกหุ้นกู้มูลค่า 5 พันล้านบาท ในช่วงปี 58-62 เพื่อเป็นการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุในวันที่ 9 ก.ค. มูลค่า 2 พันล้านบาท และวันที่ 29 มิ.ย.59 มูลค่า 2 พันล้านบาทเช่นเดียวกัน โดยหุ้นกู้ชุดใหม่ที่จะออกมาทดแทนชุดเดิมนั้นจะมีอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในขณะนั้น นอกจากนี้ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท

ที่มา -