ข่าว:

ห้ามโพส ปั่นลิงก์ SEO ในส่วนของ ลายเซ็นสมาชิกเพื่อจะแสดงที่ด้านล่าง ของแต่ละข้อความที่ตอบกระทู้ เช่น คาสิโน บาคาร่า แทงบอล ฯลฯ เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

ปตท.ทุ่ม 2 แสนล้านเสริมมั่นคงพลังงาน ผุดคลังแอลเอ็นจีลอยน้ำ-ท่อก๊าซเส้นที่ 5

เริ่มโดย mrtnews, มิ.ย 08, 15, 19:50:25 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.จะใช้เงินลงทุน 200,000 ล้านบาท ในระยะ 3-6 ปีข้างหน้า เพื่อลงทุนก่อสร้างท่อก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 และคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ลอยน้ำ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทยในระยะยาว โดยคลังดังกล่าวขณะนี้กำลังเจรจากับรัฐบาลพม่า เพื่อขอใช้พื้นที่ฝั่งอันดามันของพม่าสำหรับลอยเรือแอลเอ็นจีขนาด 3 ล้านตันต่อปี ไว้ใช้ในช่วงที่พม่าหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติให้แก่ประเทศไทยในเดือน เม.ย.ของทุกๆปี


"สำหรับคลังแอลเอ็นจีลอยน้ำแห่งที่ 2 จะอยู่ที่บริเวณ อ.จะนะ จ.สงขลา เพื่อรองรับกรณีที่แหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ) มีปัญหาเรื่องการส่งก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศไทย ซึ่งจะมีปริมาณสำรองอีก 3 ล้านตัน รวมเป็น 6 ล้านตัน ราคาของคลังลอยน้ำมีมูลค่าแห่งละ 450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ผมจะพ้นจากวาระประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 9 ก.ย. 58 นี้ ยังมีความเป็นห่วงเรื่องความมั่นคงทางด้านพลังงาน เพราะขณะนี้ยังมีผู้ต่อต้านเรื่องการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ซึ่งหากไม่เร่งวางแผนและนำเข้าแอลเอ็นจีก็อาจจะทำให้กระทบต่อภาคประชาชน".

ที่มา -




ปตท. เล็งเสนอรัฐสร้างคลังสำรองก๊าซ

"ไพรินทร์" เตรียมเสนอรัฐบาลพิจารณาแผนสร้างคลังสำรองก๊าซ พร้อมทุ่ม 2 แสนล้าน ลงทุนสร้างเรือ หวังใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองไฟภาคใต้


นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.เตรียมเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแผนการก่อสร้างคลังและหน่วยแปลงสภาพก๊าซธรรมชาติเป็นแอลเอ็นจีรูปแบบลอยน้ำ หรือ เอฟเอสอาร์ยูจำนวน 2 ลำ และลงทุนท่อแก๊สหุงต้มเส้นที่ 5 โดยใช้งบประมาณรวมกว่า 2 แสนล้านบาท สำหรับสำรองแอลเอ็นจีไว้ใช้ในประเทศ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการปิดซ่อมท่อแก๊ส และไฟดับในภาคใต้ช่วงเดือนเม.ย. รวมถึงเป็นแหล่งสำรองแก๊สธรรมชาติของประเทศในอนาคต

ทั้งนี้ เรือทั้ง 2 ลำ จะมีปริมาณความจุแก๊สได้ลำละ 3 ล้านตัน รวมเป็น 6 ล้านตัน โดยจะมีการเปลี่ยนแก๊สฯ เป็นของเหลวเพื่อเก็บไว้ในเรือ ซึ่ง ลำแรกลอยลำอยู่ฝั่งอันดามัน เพื่อขนส่งต่อทางท่อ ที่ กันบ็อก ประเทศเมียนมาร์ ลำสองอยู่ฝั่งอ่าวไทย เพื่อขนส่งทาง อ.จะนะ จ.สงขลา โดยวิธีการใช้เรือสำรองแก๊สธรรมชาติ มีข้อดีคือ จัดหาได้สะดวก และเคลื่อนย้ายได้ง่าย รับมือการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การจัดส่งพลังงานที่ไม่แน่นอนได้

"ที่ผ่านการจัดส่งแก๊สธรรมชาติมาไทย ไม่สามารถผลิตและจัดส่งได้ตามกำหนด โดยเฉพาะเดือนเม.ย. ที่ล่าช้า จนเกิดปัญหา กระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอใช้ในหน้าร้อน แต่หากไทยมีแก๊สสำรองไว้ ก็จะแก้ปัญหานี้ได้ รวมถึงรองรับการเติบโตการใช้พลังงานในอนาคตได้"

ทั้งนี้ คาดว่า การดำเนินการเรือสำรองแก๊สธรรมชาติ จะเริ่มได้ที่แรกที่เมียนมาร์ โดยในเร็วๆนี้ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน จะเดินทางไปหารือกับรัฐบาล ถึงแนวทางดำเนินการ โดยการเจรจาคาดหวังว่สจะสำเร็จในปีนี้ และใช้เวลาจัดหาอีก 3 ปี

ส่วนการลงทุนคลังเก็บแอลเอ็นจีบนบกระยะ 2 ในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง อยู่ระหว่างการเร่งก่อสร้าง ขณะที่ระยะ3 อีก 5 ล้านตัน กำลังพิจารณาพื้นที่ตั้งที่แน่ชัด แต่ก็จะอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยยืนยันว่าไทยจำเป็นต้องมีคลังเก็บแอลเอ็นจีทั้งบนบกและลอยน้ำ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน

ที่มา -