“เจ้าท่า” คุมเข้มลดมลพิษขนส่งสินค้าบริเวณเกาะสีชัง

[mrtnews]

รายงานข่าวจากกรมเจ้าท่า (จท.) โดยกลุ่มสิ่งแวดล้อม สำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ได้พิจารณาโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและภาวะมลพิษกรณีการขนส่งสินค้าบริเวณเกาะสีชัง เพื่อประเมินศักยภาพและผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในการเป็นเขตขนส่งสินค้าระดับภูมิภาคเพื่อรองรับการขยายตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ซึ่งจากกรณีเรือบรรทุกสินค้าที่มีขนาดตั้งแต่ 20,000-120,000 ตัน ไม่สามารถเข้าจอดท่าเทียบเรือได้ จึงทำการขนถ่ายสินค้าบริเวณนอกชายฝั่ง โดยนำเรือเล็กหรือโป๊ะมาเทียบเรือบรรทุกสินค้าแล้วทำการขนถ่ายโดยใช้สายพานลำเลียงขึ้นเรือใหญ่ หรือใช้ปั้จั่นตักแล้วยกเทลงระวาง ทำให้เกิดปัญหาการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองออกสู่บรรยากาศ และตกเป็นตะกอนสะสมใต้พื้นทะเล ซึ่งพบว่าพื้นที่ระหว่างอ่าวศรีราชากับเกาะสีชังเป็นพื้นที่ที่มีการขนถ่ายสินค้าทางเรือเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้  กรมเจ้าท่า ในฐานะหน่วยงานส่งเสริมการพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวีให้มีการเชื่อมต่อกับระบบการขนส่งอื่นๆ ทั้งการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้า ท่าเรือ อู่เรือ กองเรือไทย และกิจการเกี่ยวเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ทั่วถึง ปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ได้ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และภาวะมลพิษกรณีการขนถ่ายสินค้าทางเรือดังกล่าว

จากการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมฯ พบว่าปัญหาฝุ่นละอองในอากาศจากการขนถ่ายสินค้าขาเข้า-ขาออก ประเภท มันสำปะหลังจากเรือลำเลียงขึ้น-ลงเรือเดินทะเล ที่มีผลกระทบถึงชุมชน ประเภทถ่านหินจากเรือลำเลียงขึ้น-ลงเรือเดินทะเลที่มีผลเฉพาะบริเวณขนถ่าย ปัญหาการทิ้งขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลจากเรือขนส่งประเภทต่างๆ

อย่างไรก็ตาม กรมเจ้าท่าได้กำหนดมาตรการควบคุมและติดตามตรวจสอบการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการขนถ่ายสินค้าทางเรือ โดยกำหนดให้บริษัทส่งออกต้องควบคุม กำกับและติดตามตรวจสอบขั้นตอนการขนถ่ายให้เป็นไปตามวิธีปฏิบัติที่ดี การขนถ่ายสินค้าประเภทเทกอง ต้องใช้ grab เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองในอากาศ การกำหนดให้เรือโป๊ะติดตั้งระบบ GPS เรือสินค้าติดตั้งระบบ AIS เพื่อติดตามตรวจสอบการเดินเรือ การจอดและการขนถ่ายสินค้า รวมทั้งกำหนดให้ศูนย์ควบคุมการจราจรและความปลอดภัยทางทะเล หรือหน่วยงานส่วนท้องถิ่น ติดตั้งกล้องบันทึกภาพเคลื่อนที่ CCTV เพื่อบันทึกขั้นตอนการขนถ่ายสินค้า

ที่มา -