แหล่งผลิตนํ้ามันดิบในอ่าวไทยเริ่มทยอยหยุดผลิตแล้ว ผลราคาโลกตกตํ่าจี้แก้ให้ส่งออก

[mrtnews]

แหล่งผลิตน้ำมันดิบในอ่าวไทย เริ่มทยอยหยุดผลิตแล้ว หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำ นิวคอสตอลประเดิมหยุดแหล่งสงขลา ปริมาณน้ำมันหายไป 2 แท่น กว่า 1 พันบาร์เรลต่อวัน ขณะที่แหล่งใหญ่เชฟรอน ปตท.สผ.ไม่เพิ่มกำลังผลิต ด้านกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ยันไม่กระทบ ในทางกลับกันเร่งผลักดันผู้ผลิตในประเทศส่งออกน้ำมันดิบแก้ปัญหาการร้องเรียน และสเปกโรงกลั่นรับน้ำมันดิบไม่ได้

นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงมาอยู่อยู่ที่กว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ได้กระทบต่อต้นทุนการผลิตน้ำมันของแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยแล้ว เนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าบริหารจัดการได้ และได้มีการทยอยหยุดการผลิตเป็นการชั่วคราวแล้ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กในอ่าวไทย ต้องแบกรับภาระค่าเช่าเรือเก็บน้ำมันจึงไม่คุ้มที่จะผลิตในช่วงราคาน้ำมันต่ำๆ ส่วนแปลงสัมปทานบนบกยังอยู่ได้ แต่ไม่มีการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงนี้

สำหรับแหล่งน้ำมันดิบในอ่าวไทยที่ตัดสินใจหยุดผลิตไปแล้ว ได้แก่ แหล่งน้ำมันดิบสงขลาของบริษัท นิวคอสตอล (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 2 แท่น คิดเป็นกำลังการผลิตที่หายไปประมาณ 1 พันบาร์เรลต่อวัน จากทั้งหมด 5 แท่นที่มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 1.4 หมื่นบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากต้นทุนไม่คุ้ม ซึ่งหากราคาน้ำมันยังยืนในระดับดังกล่าวต่อไป คาดว่าในช่วงต้นปี 2559 ผู้ประกอบการจะตัดสินใจหยุดผลิตอีก 1 แท่น แต่หากราคาน้ำมันดิบกลับมาอยู่ที่ระดับ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ก็สามารถกลับมาผลิตได้อีก

อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้ประกอบการายเล็กจะทยอยหยุดผลิตน้ำมันดิบในช่วงนี้ก็ตาม แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำมันดิบรวมของประเทศ หรือความต้องการใช้ในประเทศเพราะถือยังมีสัดส่วนที่น้อยอยู่ จากปัจจุบันที่ผลิตน้ำมันดิบรวมได้ประมาณ 1.3-1.5 แสนบาร์เรลต่อวัน ประกอบกับ น้ำมันดิบที่ผลิตได้มีคุณภาพน้ำมันไม่ตรงกับสเปกของโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ จึงต้องส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศแทน

ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบแหล่งสัมปทานรายใหญ่ อาทิ แหล่งน้ำมันดิบของบริษัท เชฟรอนฯ และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ยังดำเนินต่อไปได้ แต่ก็ไม่ได้เพิ่มกำลังการผลิตแต่อย่างใด ซึ่งราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำนี้ ทำให้แหล่งผลิตน้ำมันได้รับผลกระทบทั่วโลก โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันของสหรัฐอเมริกา จากเดิมที่ผลิตน้ำมันถึง 1.6 พันแท่น แต่ขณะนี้ทำการผลิตน้ำมันเพียงประมาณ 500 แท่นเท่านั้น ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า หากราคาน้ำมันดิบลงมาระดับ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล จะมีผู้ผลิตน้ำมันดิบทั้งรายใหญ่และรายเล็กจะทยอยหยุดผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น

นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กรมยังสนับสนุนผู้ผลิตน้ำมันดิบในประเทศสามารถส่งออกน้ำมันดิบได้ หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลขอความร่วมมืองดการส่งออกน้ำมันดิบ แต่ภายหลังเกิดการร้องเรียนจากผู้ผลิตน้ำมันดิบในประเทศว่าถูกกดราคาจากทั้งราคาจากโรงกลั่นในประเทศ รวมถึงคุณภาพน้ำมันดิบที่ไม่ตรงกับความต้องการของโรงกลั่นในไทย จึงจะเปิดให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในประเทศส่งออกได้โดยขณะนี้กรมอยู่ระหว่างผลักดันส่งออกน้ำมันดิบที่มีเกรดไม่เหมาะสมกับโรงกลั่นในไทย 5 แหล่ง ได้แก่ แหล่งวาสนา บัวหลวง สงขลา มโนรา และนงเยาว์ กำลังการผลิตรวม 4-4.8 หมื่นบาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะในแหล่งวาสนาได้มีการเจรจาราคาส่งออกกันแล้ว คาดว่าจะสามารถส่งออกล็อตแรกได้ภายในต้นปี 2559 ซึ่งกรมเสนอให้ยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันดิบครั้งนี้ เนื่องจากคุณภาพน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากแหล่งในประเทศบางแหล่งมีสารปนเปื้อนสูง ส่งผลให้โรงกลั่นภายในประเทศไม่สามารถกลั่นได้ตามกระบวนการปกติ โดยปริมาณน้ำมันดิบที่มีคุณภาพไม่เหมาะสมที่ผลิตได้จากแหล่งในประเทศที่อยู่ในข่ายส่งออกดังกล่าว คิดเป็นเพียง 5% ของน้ำมันดิบที่จัดหาได้จากแหล่งในประเทศทั้งหมด

ส่วนความคืบหน้าการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21นั้นพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คาดว่าขั้นตอนการพิจารณาของทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการปรับแก้พ.ร.บ.ปิโตรเลียมและพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ทางกระทรวงพลังงานจะต้องมีการชี้แจงข้อดีและข้อเสียให้ทางคณะกรรมการกฤษฎีการับทราบด้วย จากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คาดว่ากระบวนการพิจารณาสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นภายใน 4 เดือน หรือประมาณเดือนเมษายน 2559 หรืออย่างช้าไม่น่าจะเกินกลางปีนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,122 วันที่ 14 – 16 มกราคม พ.ศ. 2559



ที่มา Data & Images -