ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา อาหาร ยา และเครื่องสำอางค์ รวมถึงสมุนไพรทุกชนิด ไม่ว่าจะมี อย. หรือไม่  เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

ทวีปอาร์คติก ดินแดนน่าพิศวง

เริ่มโดย mrtnews, ก.ค 11, 13, 17:14:38 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

ทวีปอาร์คติก ดินแดนซึ่งส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งรอบขั้วโลกเหนือ จากที่ไม่ค่อยมีใครสนใจในอดีต ปัจจุบันกำลังจะกลายเป็นสมรภูมิสงครามเย็นของจริง หลายต่อหลายประเทศแย่งกันจับจองอาณาเขต เพื่อตักตวงผลประโยชน์มหาศาลจากทรัพยากรพลังงานและแร่ธาตุ


จากการประเมินของทางการสหรัฐ ระบุว่า อาร์คติกมีน้ำมันดิบสำรองที่ยังไม่มีการสำรวจพบ 15% ของทั่วโลก และก๊าซที่ยังไม่มีการค้นพบ 30% ของทั่วโลก นอกจากนั้นยังมีแร่ธาตุและโลหะหายากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ไฮเทคอีกเป็นจำนวนมาก

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก หรือที่เรียกกันว่า สภาวะโลกร้อน (ขึ้น) ทำให้ทวีปอาร์คติกกลายเป็นจุดสนใจของหลายประเทศทั่วโลก ในยุคที่พลังงานร่อยหรอ อาร์คติกร้อนขึ้นเร็วกว่าส่วนอื่น ๆ ของโลก ผู้เชี่ยวชาญทำนายว่า รอบขั้วโลกเหนือจะปราศจากน้ำแข็งทะเลในช่วงหน้าร้อน ภายในประมาณ 20 ปีข้างหน้า

น้ำแข็งทะเลเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบภูมิอากาศโลก เนื่องจากเป็นตัวรักษาความเย็นของอากาศในส่วนที่เหลือของโลก รายงานผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของบางสำนัก ระบุว่า การละลายของทุ่งน้ำแข็งในทวีปอาร์คติก มีส่วนเกี่ยวข้องทางอ้อมกับสภาพอากาศวิปริตแปรปรวนรุนแรงในสหรัฐและที่อื่น ๆ ของโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ประกาศแผนยุทธศาสตร์ใหม่สำหรับอาร์คติกของสหรัฐ โอบามาบอกว่า หลายประเทศที่หมายตาจับจ้อง "ดินแดนน่าพิศวง" แห่งนี้ จะต้องร่วมกันปกป้องภาวะแวดล้อมที่เปราะบาง และรีบกำหนดกฎเกณฑ์ เพื่อป้องกันกรณีพิพาทจากการแก่งแย่งผลประโยชน์ ที่เชื่อว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต

ภาวะโลกร้อนขึ้นทำให้น้ำแข็งอาร์คติกละลายในอัตราเร่ง ในระยะยาวนอกจากจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นหมีขั้วโลก วาฬ แมวน้ำ และชนพื้นเมืองที่ล่าสัตว์เหล่านี้เป็นอาหารแล้ว ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ยังจะเป็นภัยต่อเกาะแก่ง รวมทั้งพื้นที่ชายฝั่งระดับต่ำทั่วโลกด้วย

ในทางกลับกัน ทุ่งน้ำแข็งอาร์คติกละลายในช่วงฤดูร้อน ที่นั่นจะกลายเป็นโอกาสทองทางธุรกิจและเศรษฐกิจ เกิดเส้นทางเดินเรือทะเลใหม่ ที่ย่นระยะทางประหยัดทั้งเงินและเวลา นอกจากเรือขนส่งสินค้าแล้ว เรือท่องเที่ยวก็จะแห่กันไปที่นั่นเช่นกัน

เท่าที่เป็นข่าว ดูเหมือนรัสเซียจะเป็นประเทศแรกที่แสดงตัวเข้าไปจับจองดินแดนในอาร์คติก ปี  2550 เรือวิจัยรัสเซียดำดิ่งลงไปปักธงชาติใต้ก้นมหาสมุทรอาร์คติก ใกล้ขั้วโลกเหนือ เป็นสัญลักษณ์ให้ชาวโลกได้รับรู้ หลังจากนั้นหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก แคนาดา สหรัฐ และจีน ต่างก็ส่งเรือสำรวจและเรือตัดน้ำแข็ง เดินทางไปป้วนเปี้ยนให้เป็นข่าว

พอสถานการณ์เริ่มจะตึงเครียด 8 ประเทศจึงรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่ม "คณะมนตรีอาร์คติก" ประกอบด้วย แคนาดา เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ รัสเซีย สวีเดน และสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมกันกำหนดกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุป


การประชุมของคณะมนตรีอาร์คติกหนล่าสุด เมื่อกลางเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ที่เมืองคิรูนา ทางเหนือของสวีเดน ที่ประชุม มีมติให้รับ 6 ชาติ ประกอบด้วย จีน อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เป็นผู้สังเกตการณ์ถาวรของกลุ่ม มีสิทธิเข้าร่วมรับฟังการประชุม เสนอแนะข้อคิดเห็น และสนับสนุนด้านเงินทุน

อีกไม่นานน่าจะได้เห็นข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร และมีผลผูกพันตามกฎหมาย ของกลุ่มหมายปองขุมทรัพย์ขั้วโลกเหนือกลุ่มนี้.

เลนซ์ซูม

ที่มา -