ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา อาหาร ยา และเครื่องสำอางค์ รวมถึงสมุนไพรทุกชนิด ไม่ว่าจะมี อย. หรือไม่  เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

กองทัพเรือส่งมอบ “เรือหลวงแหลมสิงห์” ประจำการกองเรือตรวจอ่าว

เริ่มโดย mrtnews, ก.ย 24, 16, 06:33:24 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผบ.ทร.ทุ่มงบเกือบ 700 ล้านบาท จัดสร้างเขี้ยวเล็บผิวน้ำ เรือตรวจการณ์ปืน "เรือหลวงแหลมสิงห์" ส่งมอบประจำการยังกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และความมั่นคงในทะเล


เมื่อเวลา 15.09 น.วันนี้ (21 ก.ย. 59) พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีรับมอบเรือตรวจการณ์ปืน เรือหลวงแหลมสิงห์ ณ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พล.ร.ต.สุรศักดิ์ เมธยาภา ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ กำลังพลประจำเรือให้การต้อนรับ พร้อมรับมอบเรือเข้าประจำการ

พล.ร.อ.ณะ กล่าวว่า กองทัพเรือ ได้จัดหาเรือตรวจการณ์ปืนลำใหม่เข้าประจำการกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ มีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนเรือตรวจการณ์ระยะปานกลาง ตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ พ.ศ.2551-2560 ซึ่งได้ทยอยปลดประจำการ และใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือ อากาศนาวี หน่วยกำลังต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หน่วยกำลังนาวิกโยธิน และหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ มีขีดความสามารถปฏิบัติการรบ 2 มิติ ได้แก่ การปฏิบัติการสงครามผิวน้ำ และการต่อสู้ภัยคุกคามทางอากาศ

กองทัพเรือ ได้จัดซื้อแบบแปลนรายละเอียด และพัสดุสำหรับการสร้างเรือตรวจการณ์ปืน จากบริษัท มาร์ซัน จำกัด ในลักษณะ Package Deal งบประมาณ 699,459,000 บาท ทั้งนี้ กองทัพเรือได้มอบหมายให้กรมอู่ทหารเรือธนบุรี เป็นหน่วยรับผิดชอบการสร้างเรือ เพื่อดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และการพึ่งพาตนเอง และเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของกรมอู่ทหารเรือ ในการต่อเรือตรวจการณ์ปืน

หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.991 และนำไปสู่การปรับปรุงเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.994 ที่ได้มีการขยายแบบเรือ และรูปทรงตามพระบรมราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และล่าสุด คือ เรือหลวงกระบี่ ซึ่งเป็นเรือประเภทเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งที่มีขนาดใหญ่ และสมรรถนะสูง ในส่วนของเรือตรวจการณ์ (ปืน) กำหนดให้ตั้งชื่อตามอำเภอชายทะเล ซึ่งได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า "เรือหลวงแหลมสิงห์" (อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี)

คุณลักษณะทั่วไปของเรือ ยาว 58 เมตร กว้าง 9.3 เมตร ลึกกลางลำ 5.1 เมตร กินน้ำลึกเต็มที่ 2.9 เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด 520 ตัน ความเร็วสูงสุดที่ระวางขับน้ำ 23 นอต มีระยะปฏิบัติการไม่น้อยกว่า 2,500 ไมล์ทะเล ความคงทนทะเลจนถึงสภาวะระดับ 4 (Sea State 4) มีสถานที่จัดเก็บเสบียงอาหาร และระบบน้ำจืดเพียงพอสำหรับการปฏิบัติงานในทะเลต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยไม่ต้องรับการส่งกำลังบำรุง มีห้อง และที่พักอาศัยเพียงพอกำลังพลตามอัตรา 53 นาย มีอาวุธประจำเรือ ประกอบด้วย ปืนขนาด 76/62 มิลลิเมตร OTO Melara (Refurbished) จำนวน 1 กระบอก ปืนกลขนาด 30 มิลลิเมตร MIS จำนวน 1 กระบอก ปืนกลขนาด .50 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก

สมรรถนะขีดความสามารถในการปฏิบัติการ (Operation Capabilities) ต่อต้านภัยผิวน้ำ ด้วยการซ่อนพราง การใช้อาวุธปืนหลัก/ปืนรองของเรือ และการชี้เป้าให้แก่เรือผิวน้ำและอากาศนาวี การโจมตีที่หมายบนฝั่งด้วยอาวุธปืนหลัก/ปืนรองของเรือ การป้องกันฝั่ง การสกัดกั้น การตรวจค้นด้วยระบบตรวจการณ์ และเรือยางท้องแข็งไฟเบอร์กลาสความเร็วสูง (RIB) การป้องกันภัยทางอากาศในลักษณะการป้องกันตนเองด้วยระบบควบคุมการยิง และการใช้อาวุธปืนหลัก/ปืนรองของเรือ การค้นหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลตามแนวชายฝั่ง การสนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ และการสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรืออื่นๆ



ที่มา -




เผยโฉมเรือหลวงแหลมสิงห์ เรือรบลำใหม่ฝีมือคนไทย

สุดยอด!! ภาพเรือรบหลวงแหลมสิงห์ เรือรบที่ต่อโดยฝีมือคนไทย


หลังจากเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา กองทัพเรือได้ทำพิธีปล่อยเรือตรวจการณ์ปืน หรือเรือหลวงแหลมสิงห์ ซึ่งเป็นเรือรบลำใหม่ของกองทัพเรือลงน้ำแล้วนั้น ล่าสุดในเว็บไซต์ thaidefense-news ได้มีการเผยแพร่ภาพเรือรบลำใหม่สร้างโดยฝีมือคนไทยต่อตามแนวพระราชดำริดังกล่าว ออกมาให้ยลโฉมชมกันเป็นขวัญตา โดยเรือรบหลวงแหลมสิงห์ลำนี้ออกแบบโดย Marsun มีคุณลักษณะที่สำคัญ คือ

– ความยาวตลอดลำ 58 เมตร – ความกว้างกลางลำ 9.3 เมตร
– ความลึกกลางลำ 5.1 เมตร – กินน้ำลึกเต็มที่ 2.9 เมตร
– ระวางขับน้ำสูงสุด 520 ตัน

ขีดความสามารถของเรือตรวจการณ์ปืน
– ความเร็วสูงสุดที่ระวางขับน้ำสูงสุด 23 นอต
– ระยะปฏิบัติการไม่น้อยกว่า 2,500 ไมล์ทะเล
– ความคงทนทะเลจนถึงสภาวะระดับ 4 (Sea State 4)
– มีสถานที่จัดเก็บเสบียงอาหาร และระบบน้ำจืด เพียงพอสำหรับการปฏิบัติงานในทะเลต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยไม่ต้องรับการส่งกำลังบำรุง
– มีห้องและที่พักอาศัยเพียงพอสำหรับกำลังพลประจำเรือตามอัตรา 53 นาย

ขีดความสามารถในการปฏิบัติการ (Operation Capabilities)
– ต่อต้านภัยผิวน้ำ ด้วยการซ่อนพราง การใช้อาวุธปืนหลัก/ปืนรองของเรือ และการชี้เป้าให้กับเรือผิวน้ำและอากาศนาวี
– การโจมตีที่หมายบนฝั่ง ด้วยอาวุธปืนหลัก/ปืนรองของเรือ
– การป้องกันฝั่ง การสกัดกั้น และการตรวจค้นด้วยระบบตรวจการณ์ และเรือยางท้องแข็งไฟเบอร์กลาสความเร็วสูง (RIB)
– การป้องกันภัยทางอากาศในลักษณะการป้องกันตนเอง ด้วยระบบควบคุมการยิง และการใช้อาวุธปืนหลัก/ปืนรองของเรือ
– การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลตามแนวชายฝั่ง
– การสนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ
– การสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรืออื่น ๆ

อาวุธประจำเรือ
– ปืนขนาด 76/62 มิลลิเมตร OTO Melara (Refurbished) จำนวน 1 กระบอก
– ปืนกลขนาด 30 มิลลิเมตร MIS จำนวน 1 กระบอก
– ปืนกลขนาด .50 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก


ขณะที่ขั้นตอนการสร้างเรือแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกทำการต่อเฉพาะตัวเรือ รวมถึงระบบเครื่องจักร ณ อู่แห้งหมายเลข 1 อู่ทหารเรือธนบุรี มีระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 13 เดือน จากนั้นได้ปล่อยเรือลงน้ำและทำการประกอบในส่วน superstructure (หอบังคับการเรือ เสาสื่อสาร) รวมถึงระบบอาวุธ ณ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นระยะที่ 2 กินเวลาประมาณ 10 เดือน

ทั้งนี้การสร้างเรือลำนี้ กองทัพเรือได้ใช้ศักยภาพและความรู้ความสามารถของกำลังพลกองทัพเรือในการดำเนินการติดตั้ง ทดสอบได้อย่างเต็มภาคภูมิ แม้ว่าจะใช้แบบเรือของบริษัทเอกชน แต่ถือเป็นการดำเนินการในการสร้างเรือขนาดใหญ่อีกลำด้วยการพึ่งพาตนเอง

สำหรับเรือตรวจการณ์ปืนลำใหม่ลำนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนเรือตรวจการณ์ระยะปานกลางตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ พ.ศ.2551 – 2560 ซึ่งได้ทยอยปลดประจำการ และใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือ อากาศนาวี หน่วยกำลังต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หน่วยกำลังนาวิกโยธิน และหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ตั้งแต่ในภาวะปกติ โดยมีขีดความสามารถปฏิบัติการรบ 2 มิติ ได้แก่ การปฏิบัติการสงครามผิวน้ำ และการต่อสู้ภัยคุกคามทางอากาศ

โดยใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 699,459,000 บาท และตามระเบียบของ กองทัพเรือ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือรบ ตามประเภทของเรือ โดยในส่วนของเรือตรวจการณ์ (ปืน) กำหนดให้ตั้งชื่อตามอำเภอชายทะเล โดยเรือตรวจการณ์ปืนลำใหม่นี้ ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า "เรือหลวงแหลมสิงห์" (อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี

อนึ่ง ตามระเบียบของ กองทัพเรือ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือรบ ตามประเภทของเรือต่าง ๆ ไว้ดังนี้

- เรือพิฆาต ตั้งตามชื่อตัวบุคคล บรรดาศักดิ์ หรือสกุล ของผู้ประกอบคุณประโยชน์ไว้แก่ชาติ เช่น เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงตากสิน

- เรือฟริเกต ตั้งตามชื่อแม่น้ำสายสำคัญ เช่น เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวงบางปะกง

- เรือคอร์เวต ตั้งตามชื่อเมืองหลวง และเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น เรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงรัตนโกสินทร์

- เรือเร็วโจมตี (อาวุธนำวิถี) ตั้งตามชื่อเรือรบในทะเล สมัยโบราณที่มีความเหมาะสมกับหน้าที่ของเรือนั้น ๆ เช่น เรือหลวงอุดมเดช เรือหลวงปราบปรปักษ์

- เรือเร็วโจมตี (ปืน,ตอร์ปิโด) ตั้งตามชื่อจังหวัดชายทะเล เช่น เรือหลวงปัตตานี เรือหลวงนราธิวาส

- เรือดำน้ำ ตั้งตามชื่อผู้อิทธิฤทธิ์ในวรรณคดีในด้านการดำน้ำ เช่น เรือหลวงมัจฉานุ

- เรือทุ่นระเบิด ตั้งตามชื่อสมรภูมิรบที่สำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น เรือหลวงบางระจัน

- เรือยกพลขึ้นบก เรือลากจูง เรือส่งกำลังบำรุง เรือน้ำมัน ตั้งตามชื่อเกาะ เช่น เรือหลวงอ่างทอง (เรือยกพลขึ้นบก) เรือหลวงมาตรา (เรือน้ำมัน) เรือหลวงสิมิลัน (เรือส่งกำลังบำรุง)

- เรือตรวจการณ์ (ปืน) ตั้งชื่อตามอำเภอชายทะเล เช่น เรือหลวงหัวหิน

- เรือตรวจการณ์ (ปราบเรือดำน้ำ) ตั้งชื่อตามเรือรบในลำน้ำ สมัยโบราณที่มีความเหมาะสมกับหน้าที่ของเรือนั้น ๆ เช่น เรือหลวงทยานชล

- เรือสำรวจ ตั้งชื่อตามดาวที่สำคัญ เช่น เรือหลวงจันทร์

- เรือหน้าที่พิเศษ ตั้งชื่อด้วยถ้อยคำที่มีความหมายและเหมาะกับหน้าที่ของเรือนั้น เช่น เรือหลวงจักรีนฤเบศร

- เรือขนาดเล็ก (เล็กกว่า 200 ตัน) ตั้งชื่อด้วยอักษรย่อตามชนิดและหน้าที่ของเรือนั้น มีหมายเลขต่อท้าย เช่น เรือ ต.991



ที่มา Data & Images -



..