ผลประกอบการ ทลฉ. ปี 59 โตตามเป้า เร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการต่อเนื่อง

[mrtnews]

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผลดำเนินงาน ทลฉ.เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2559 พบเติบโตตามเป้าหมายที่ 4% เร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการท่าเทียบเรือต่อเนื่องในเฟส 2 รับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความคืบหน้าท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่ 3 อยู่ระหว่างจัดทำ EHIA ให้เสร็จทันมีนาคมปีหน้า

นายชุนณ์ลพัทธ์ ศรีภาเพลิน ผู้ช่วยผู้อานวยการ กองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เผยถึงการดำเนินของท่าเรือแหลมฉบัง ในปีงบประมาณ 2559 (1 ตุลาคม 2558-30 กันยายน 2559) ว่า มีการเติบโตในระดับที่คาดการณ์ไว้ คือ ประมาณ 4% โดยเฉพาะเที่ยวเรือที่มีมากถึง 1.26 หมื่นเที่ยว และมีเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเกือบหมื่นเที่ยว

"ศักยภาพของท่าเรือฯ จะวัดกันที่ปริมาณตู้สินค้าผ่านท่า ซึ่งผลการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบัง ในปีงบประมาณ 2559 มีตู้สินค้าผ่านท่า 7.06 ล้านทีอียู เติบโตจากช่วงปีก่อนที่มีจำนวน 6.77 ล้านทีอียู ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แบ่งเป็นตู้สินค้านำเข้ากว่า 3.42 ล้านทีอียู ตู้สินค้าส่งออกกว่า 3.5 ล้านทีอียู และสิ่งที่เพิ่มขึ้นยังเป็นในส่วนของจำนวนตู้สินค้าทรานชิปเมนต์ที่โตขึ้นกว่า 5 หมื่นทีอียู"

นายชุนณ์ลพัทธ์ ยังเผยถึงจำนวนรถยนต์ที่ส่งออกผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ว่า เติบโตขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ รถยนต์ที่ผลิตเพื่อการส่งออกในประเทศไทยเกือบ 98% จะขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และในปีงบประมาณ 2559 มีจำนวนรถยนต์ที่ขนถ่ายผ่านท่าประมาณ 1.26 ล้านคัน แบ่งเป็นรถยนต์นำเข้า 6.5 หมื่นคัน รถยนต์ส่งออกกว่า 1.2 ล้านคัน

ขณะที่ผู้โดยสารที่เดินทางมากับเรือท่องเที่ยวต่างๆ พบว่า เดินทางผ่านท่ามากถึง 2.28 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารที่เดินมาลงยังท่าเรือแหลมฉบัง บางส่วนเดินทางโดยสายการบินจากยุโรปเพื่อท่องเที่ยวเมืองไทย และใช้เส้นทางกลับทางเรือ ขณะที่บางรายเดินทางจากประเทศสิงคโปร์ เพื่อขึ้นเรือท่องเที่ยวกลับประเทศของตนที่ท่าเรือแหลมฉบัง

ทั้งนี้ แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะซบเซา แต่ภาคการขนถ่ายสินค้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ยังเติบโตตามเป้าหมาย ท่าเรือแหลมฉบัง จึงเดินหน้าพัฒนาท่าเทียบเรือชุด D ในโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 2 เพื่อรองรับจำนวนตู้สินค้าที่เติบโตต่อเนื่อง และได้มอบหมายให้กลุ่มฮัทชิสัน เป็นผู้บริหารจัดการ

"ท่าเรือแหลมฉบัง ยังคงแผนดำเนินการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ในระยะที่ 3 เพื่อรองรับจำนวนตู้สินค้าที่จะเต็มในส่วนของท่าเทียบเรือชุด D ที่มีขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าถึง 18 ล้านทีอียู ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำ EHIA ที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2561 จากนั้นจึงจะเสนอโครงการนี้ต่อคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสามารถเปิดท่าเทียบเรือชุดแรกฝั่ง F ได้เป็นอันดับแรก และหากการพัฒนาท่าเทียบเรือชุดแรกเป็นไปตามแผน ท่าเรือแหลมฉบัง ก็จะเป็นท่าเรือขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลก" นายชุนณ์ลพัทธ์ กล่าว



ที่มา Data & Images -