ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

นาซ่า เผยภาพเทียบ 3 ปี ทุ่งพลังงานแสงอาทิตย์จีน ใหญ่ที่สุดในโลก

เริ่มโดย mrtnews, มี.ค 03, 17, 06:02:07 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

เอเจนซี - นาซ่า เผยภาพถ่ายจากดาวเทียม ทุ่งพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในโลก หลงหยางเสีย โซลาร์ ปาร์ค เพื่อให้สามารถเห็นทั้งหมดในภาพเดียว โดยเปรียบเทียบนับจากวันแรกที่เริ่มติดตั้งในปี พ.ศ. 2557 กับภาพล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2560 มีการประมาณกันว่าในปี 2559 จีนได้ติดตั้งแผงพลังงานแสงเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ประมาณสนามฟุตบอลหนึ่งสนาม ในทุกๆ 2 ชั่วโมง


เว็บไซต์ climatecentral.org รายงาน (22 ก.พ. 60) ภาพทุ่งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ หลงหยางเสีย แดม โซลาร์ ปาร์ค (Longyangxia Dam Solar Park) มณฑลชิงไห่ ซึ่งมีพื้นที่ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมอาณาบริเวณ 10 ตารางไมล์ ภูมิประเทศทะเลทรายบนที่ราบหลังคาโลก ติดเขตปกครองตนเองทิเบต

ล่าสุด NASA's Earth Observatory ได้เผยภาพถ่ายจากดาวเทียม Landsat 8 ทุ่งพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ เพื่อให้สามารถเห็นทั้งหมดในภาพเดียว โดยเปรียบเทียบนับจากเดือนเมษายน 2557 กับภาพล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2560 ในสามปีต่อมา

ดินแดนพลังงานแสงอาทิตย์แห่งหลงหยางเสีย นี้ มีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงถึง 850 เมกะวัตต์ หรือมากพอที่จะจ่ายไฟฟ้าบ้านให้กับประชาชนในสหรัฐอเมริกา 140,000 หลัง

หลงหยางเสีย โซลาร์ ปาร์ค เป็นหนึ่งในผลงานการปฏิวัติพลังงานของจีน โดยเมื่อปี 2015 จีนลงทุนกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ยอดรวมการลงทุนด้านพลังงานใหม่ของโลก มีมากกว่า 2.86 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ


ข้อมูลจาก Energydesk กรีนพีซ ระบุว่า ในปี 2016 จีนได้ติดตั้งแผงพลังงานแสงเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ประมาณสนามฟุตบอลหนึ่งสนาม ในทุกๆ 2 ชั่วโมง

ทั้งนี้ อ้างอิงจากแผนการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ระยะห้าปี (พ.ศ. 2559-2563) ของเอ็นอีเอ จีนจะขยับขยายกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้ตามเป้าหมาย 110 เมกะวัตต์ภายในปี 2563 และลดต้นทุนการผลิตลงอย่างน้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2558

นอกจากนั้นจีนยังมุ่งมั่นจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดหรือพลังงานที่ไม่ได้ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล (non-fossil fuel) ราวยี่สิบเปอร์เซ็นต์ภายในปี 2573 จากสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ในปัจจุบันอีกด้วย




ที่มา Data & Images -