ททท. เล็งเจาะตลาดธุรกิจเรือสำราญ ดึงผู้ประกอบการจัดแฟมทริปสำรวจแหล่งท่องเที่ยว

[mrtnews]

นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรปแอฟริกาและตะวันออกกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้เชิญ บริษัทที่ทำธุรกิจเรือสำราญและอุตสาหกรรมการเดินเรือ(ครุยส์)จาก12บริษัททั่วโลก มาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทยในลักษณะแฟมมิลี่ทริป ที่เกาะสมุยและจังหวัดภูเก็ต เพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพด้านสาธารณูปโภคและความสวยงามในแหล่งท่องเที่ยวของไทยที่มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทางเรือ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เลือกจะเดินทางรอบโลกหรือข้ามทวีปโดยใช้เวลาอยู่บนเรือขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 100 วัน

สำหรับธุรกิจเรือสำราญถือเป็นธุรกิจที่นำนักท่องเที่ยวระดับสูงที่มีการใช้จ่ายมาก แต่ละทริปจะมีผู้โดยสารประมาณ 3,000 คนขึ้นไป และใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 48,000 บาทต่อทริป โดยจะแบ่งเป็นทริประยะสั้นและทริประยะยาว ซึ่งในทริประยะยาวนั้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ คือ เป็นวัยกลางคนขึ้นไปจนถึงวัยเกษียณอายุที่ไม่จำกัดระยะเวลาในการท่องเที่ยวและมีรายได้จากเงินเก็บสูงซึ่งตรงกับเป้าหมายของ ททท.ที่ต้องการเจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ

"กลุ่มคนที่เน้นเดินทางท่องเที่ยวทางเรือจะใช้จ่ายแบบไม่คิดมาก เพราะมีเวลามีกำลังซื้อ เมื่ออยู่บนเรือก็จะเน้นทำกิจกรรม อาทิเช่น การเล่นคาสิโน เข้าสปา ทานอาหารทะเลแบบหรูหรา และ เมื่อถึงแหล่งท่องเที่ยวตามที่บริษัทจัดไว้ ก็จะให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาบนฝั่ง รวมถึงอาจจะให้พำนักบนฝั่งได้ด้วย ซึ่งจุดนี้ประเทศไทยมีความพร้อมมากเพราะมีทั้งความเป็นทะเลและความเป็นเมืองในกรุงเทพ ททท.จึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นให้บริษัททัวร์รับรู้ให้ได้"

นางจุฑาพร ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้เป็นจุดสำคัญของแหล่งท่องเที่ยวทางเรือได้มากนัก โดยปัจจุบันบริษัทที่นำนักท่องเที่ยวเข้ามาจะใช้ไทยเป็นเพียงจุดพักเรือเพื่อท่องเที่ยวแบบไปกลับหรือค้างไม่เกิน 1-2คืนซึ่งหากเทียบกับสิงคโปร์และฮ่องกงที่มีท่าเทียบเรือขนาดใหญ่สำหรับพักและตรวจสภาพเรือ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงจะต้องขึ้นมาท่องเที่ยวบนฝั่งนานกว่า

อย่างไรก็ตามประเทศไทยได้ใช้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นสถานที่พักเรือหลัก โดยล่าสุดเมื่อเดือนก.ย.ปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสต้อนรับเรือสำราญขนาดใหญ่ชื่อ ควีนอลิซาเบธ ที่นำผู้โดยสาร 2,000 คนเดินทางตั้งแต่ท่าเรือเซาท์แธมป์ตัน ต่อเนื่องมาถึงประเทศไทยเป็นเวลา 103วัน

ที่มา -