ตร.รวบลูกจ้างสยามอินติก้าขโมยข้าว

[mrtnews]

วันที่ 12 มี.ค. 56 ที่ บช.ก. พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) แถลงผลการจับกุมนายจรัล พลิคามิน และนายสมศักดิ์ ช่วยส่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีร่วมกันลักทรัพย์ ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด

พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนีก่อเหตุลักขโมยข้าวสารของ บริษัท สยามอินติก้า จำกัด จำนวน 3,900 กระสอบ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 6 ล้านบาท ซึ่งพฤติกรรมการก่อเหตุของผู้ต้องหากลุ่มนี้จะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยนายสมศักดิ์มีหน้าที่เฝ้าเรือ (สลั่ง) ได้รู้เห็นกับนายจรัลซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบสินค้าของบริษัทดังกล่าวระหว่างรอขนข้าวสารจากเรือเล็กลากจูงขึ้นเรือใหญ่ที่บริเวณท่าเรือ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งในระหว่างนั้นผู้ร่วมขบวนการอีกกลุ่มหนึ่งจะนำเรืออีกลำมาลากจูงเรือที่ขนข้าวสารไปขนถ่ายข้าวสารออกจากลำเรือก่อนนำกลับมาไว้จุดเดิมอีกครั้ง และเมื่อมีการตรวจเช็คจำนวนสินค้าปรากฎว่าสินค้าหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนสอบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ที่ก่อเหตุขโมยข้าวสาร จึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาล ก่อนติดตามจับกุมนายจรัล ได้ที่บ้านพักย่านราษฎร์บูรณะ จากนั้นขยายผลไปจับกุมนายสมศักดิ์ได้ขณะหนีไปกบดานที่ จ.อุบลราชธานี

จากการสอบสวนทราบว่า นายสมศักดิ์ อ้างว่าตนมีหน้าที่เฝ้าเรือเท่านั้นได้ค่าจ้าง 3,000 บาท และเพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้เคยทำอาชีพก่อสร้าง ส่วนนายจรัล ยังให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมีหลักฐานเชื่อว่านายจรัลร่วมก่อเหตุจริง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลจับกุมผู้ที่ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป.

ที่มา -



ฉกข้าว 4 พันกระสอบ ส่งขายต่างชาติ ตร.จับ 2 ลูกจ้าง บ.สยามอินดิก้า

รองผบช.ก."นรบุญ แน่นหนา" แถลงรวบ 2 ลูกจ้างแสบ ลักข้าวสาร 3,900 กระสอบมูลค่า 6 ล้านบาท ของ บ.สยามอินดิก้า จก. เผยผู้ต้องหาทำหน้าที่สรั่งเรือโยงขนข้าวสารร่วมกับเช็กเกอร์บริษัท และนายใหญ่ นัดแนะใช้เรือเทียบขนถ่ายข้าวสารกลางทะเล แต่ทว่าเรื่องแดงพบข้าวสารสูญหายไปครึ่งลำเรือ โร่แจ้งตร.น้ำเกาะสีชัง ตามตะครุบตัวสองลูกจ้างนำตัวขยายผลผู้ร่วมขบวนการพร้อมกับตามหาข้าวสารทั้งหมดที่หายไป

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 มี.ค. 56 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต. นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก. แถลงผลการจับกุมนายจรัล พลิคามิน และนายสมศักดิ์ หรือกบ ช่วยส่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด ร่วมกันขโมยข้าวสารของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มีข้าวสารสูญหายไปถึง 3,900 กระสอบ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท จากที่ต้องจัดส่งทั้งหมด 90,000 กระสอบ ตำรวจน้ำจึงสืบสวนกระทั่งจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้

พล.ต.ต.นรบุญกล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 56 ที่ผ่านมา จากการสืบทราบว่า นายจรัล หรือรัล พลิคามิน และนายสมศักดิ์ หรือกบ ช่วยส่ง สองลูกจ้างบริษัทดังกล่าว ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนีคือ นายใหญ่ (ไม่ทราบนามสกุล) ร่วมกันลักทรัพย์ (ข้าวสาร) ของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าส่งออกนอกประเทศ ได้ส่งออกข้าวสาร จำนวน 90,000 กระสอบ แต่เมื่อทางบริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบปรากฏพบว่ามีข้าวสารสูญหายไปเป็นจำนวน 3,900 กระสอบ คิดเป็นเงินค่าเสียหาย 6,000,000 บาท จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ก่อนที่ผู้บังคับการตำรวจน้ำสั่งให้สืบสวนจนพบการกระทำผิด โดยเป็นการรู้เห็นของผู้ต้องหาที่เป็นสรั่งเรือโยงทำหน้าที่ขนกระสอบข้าวร่วมกับเช็กเกอร์ที่ทำหน้าที่ตรวจนับกระสอบข้าวรู้เห็นกันในการกระทำผิด

จากการสอบสวนนายจรัล รับสารภาพว่า เป็นสรั่งเรือทำหน้าที่เฝ้าเรือลำที่ 3 ของบริษัทสยามอินดิก้า จากทั้งหมด 4 ลำ ที่เดินทางจาก อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง มาตามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อลำเลียงข้าวสารต่อขึ้นเรือสินค้าขนาดใหญ่ไปต่างประเทศ โดยระหว่างทางได้รับเงินค่าจ้างจากนายใหญ่ จำนวน 3,000 บาท เพื่อแลกกับการเปิดทางให้มีการเคลื่อนย้ายข้าวสารจำนวนดังกล่าวออกไปจากเรือ หลังจากนั้นได้หลบหนีไปที่จังหวัดอุบลราชธานี กระทั่งถูกตามจับกุมได้บนขบวนรถไฟ ขณะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ส่วนนายสมศักดิ์ให้การภาคเสธ โดยระบุว่า มีหน้าที่เป็นเช็กเกอร์สินค้า ระหว่างเรือขนส่งกับเรือสินค้าขนาดใหญ่ และไม่รู้เห็นกับเหตุลักข้าวสารที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่ามีหน้าที่เฝ้าเรือเท่านั้น ก่อนหน้านี้เคยทำอาชีพก่อสร้าง แต่ตำรวจมีหลักฐานเชื่อว่าทั้งหมดร่วมก่อเหตุจริงจึงนำตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และขยายผลจับกุม ผู้ที่ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป

พล.ต.ต.นรบุญกล่าวด้วยว่า ขบวนการนี้ต้องมีการรู้เห็นหลายฝ่าย เพื่อลักทรัพย์นายจ้าง สร้างความเสียหายให้กับเจ้าของสินค้า บริษัทประกัน และลูกค้าปลายทาง มักดำเนินการกับสินค้าภาคการเกษตร ซึ่งจากนี้จะต้องเชิญผู้เสียหายมาหารือ หาแนวทางแก้ไขต่อไป และจะขยายผลไปยังข้าวสารที่หายไปด้วย เนื่องจากคาดว่าจะมีการนำไปบรรจุผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อจำหน่ายต่อ

ทั้งนี้ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา สำหรับ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มีชื่อตกเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ หลังจากพรรคฝ่ายค้าน นำข้อมูลการขายข้าวของบริษัทดังกล่าวมาอภิปรายในสภา กล่าวหาอ้างว่าได้รับประโยชน์จากการประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลยืนยันในความโปร่งใสเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวมาโดยตลอด

ที่มา -