TASCO ลุยเพิ่มงบ 8 พันล้าน เพิ่มกำลังการผลิต เตรียมซื้อเรือบรรทุก 4 พันตัน 1 ลำ

[mrtnews]

TASCO ทุ่มงบ 550 ล้าน ซื้อเรือบรรทุกน้ำมันเพิ่ม 1 ลำ อัดฉีดเม็ดเงินเสริมสภาพคล่องธุรกิจรุกตลาดจีนผู้ซื้อรายใหญ่ 70% คาดเป้าปีนี้โต 4.2 หมื่นล้าน

นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงผลสรุปการดำเงินงานในปีที่ผ่านมา และแผนการดำเนินธุรกิจของปี 2013 ว่า

จากในปีที่ผ่านมา บริษัทขายยางมะตอยประมาณสุทธิ 1.33 ล้านตัน โดยขายในประเทศไทย 7 แสนตัน คิดเป็นอัตราส่วนขายในประเทศ 30% และขายให้แก่ต่างประเทศ 70% โดยลูกค้าส่วนใหญ่ที่รับซื้อยางมะตอยของบริษัทนั้นเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ มีส่วนงานราชน้อยมาก ส่วนลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่คือ ประเทศจีน ที่มียอดสั่งซื้อจำนวนมาก โดยในขณะนี้ประเทศจีนยังอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม จะเป็นช่วงที่เริ่มการผลิต และซ่อมแซมถนนหนทางมากขึ้น จะเป็นช่วงที่มีการใช้ยางมะตอยเป็นอย่างมาก

จากการคาดการณ์ว่า ในปี 2013 นี้ จะเป็นปีที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างเริ่มฟื้นตัว และมียอดสั่งซื้อเข้ามามาก ทั้งในส่วนของการก่อสร้างต่อเติมสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งจะต้องใช้ยางมะตอยเกรดพรีเมียมพิเศษที่มีความทนทานต่อคราบนำมัน และการรองรับการขยายตัวต่อภาคธุรกิจ ในการรองรับ AEC 2015 บริษัทจึงได้ตั้งงบลงทุนจัดซื้อเรื่อบรรทุกน้ำมันดิบ ระวางบรรทุก 4 พันตัน มูลค่า 550 ล้านบาท มาช่วยเสริมความคล่องตัวมากขึ้น  บริษัทตั้งงบอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนในปีนี้เพิ่ม 2 พันล้านบาท เพิ่มขยายการผลิตเพิ่มเติมจากส่วนที่มีอยู่

ทั้งนี้อัตราการซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบนั้นยังคงอ้างอิงต่อภาวะน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นจาก 2 หมื่น เป็น 3.5 หมื่นบาร์เรล/วัน และบริษัทกำลังวางแผนที่จะเจรจาจัดซื้อน้ำมันดิบกับทางบางบริษัทผู้ขายบางราย ขณะที่โรงกลั่นในไทยตอนนี้ไม่มีแนวโน้มลดลง หรือขาดแคลนยางมะตอย ยังคงสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้อย่างเพียงพอ โดยผูกพันสัญญาการขายหลังจากซื้อน้ำมันดิบแปรรูปแล้วจะขายเป็นยางมะตอยล่วงหน้าได้อีก 2 เดือน จากวันที่ซื้อ

แนวโน้มการเติบโตของบริษัทในปีนี้ จะเติบโตขึ้นอีกราว 10% มาที่ 1.52 ล้านตัน จากที่มีอยู่ หรือประมาณ 8 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคงมีสภาพคล่องในการบริหารจัดการได้อยู่ แต่หากไม่เพียงพอก็จะกู้เพิ่มเพื่อเสริมสภาพคล่องจากมาเลเซีย โดยตั้งเป้ารวมปีนี้ไว้อยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท

ที่มา -



TASCO ตั้งงบลงทุน 2 พันลบ.ใช้ขยายกำลังการผลิต-ปรับปรุงกิจการ

นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์(TASCO) ตั้งงบลงทุนราว 2 พันล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตยางมะตอยและปรับปรุงกิจการในด้านต่าง ๆ ในปีนี้ โดยคาดว่าปริมาณขายยางมะตอยในปี 56 จะเติบโตราว 10% มาที่ 1.52 ล้านตัน ดังนั้น จึงตั้งเป้ารายได้รวมในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น  4.2 หมื่นล้านบาท จากปี 55 อยู่ที่ 3.84 หมื่นล้านบาท

พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้ตั้งเป้าการซื้อน้ำมันดิบในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านบาร์เรล เพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ซื้อมาแล้วทั้งสิ้น 3.5 ล้านบาร์เรล

สำหรับแผนลงทุนในปีนี้จะมีการขยายกำลังการผลิตโรงกลั่นที่ประเทศมาเลเซียเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 30,000 บาร์เรล/วัน จากเดิม 25,000 บาร์เรล/วัน หรือเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 20% คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/56 และเริ่มผลิตได้เต็มที่ต้นปี 57 ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 90% แล้ว จึงจำเป็นต้องมีการขยายเพิ่มเพื่อรองรับปริมาณความต้องการในอนาคต

นอกจากนั้น ยังมีแผนปรับปรุงระบบพลังงานในโรงกลั่นจากการใช้น้ำมันเตาเป็นแก๊สธรรมชาติ ซึ่งในช่วงเดือนเม.ย.จะเริ่มดำเนินการระบบการผลิตเป็นรูปแบบการใช้แก๊สธรรมชาติ ซึ่งการใช้แก๊สธรรมชาติจะช่วยให้ต้นทุนของบริษัทลดลงประมาณ 0.50-0.80 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกทั้งจะมีการซื้อที่ดิน สร้างถังเก็บน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป

รวมทั้งซื้อเรือใหม่เพื่อใช้บรรทุกน้ำมันดิบ โดยใช้เงินลงทุนราว 550 ล้านบาท และก่อนหน้านี้บริษัทได้สั่งต่อเรือขนาดบรรทุก 4,000 เดทเวทตันสำหรับบรรทุกยางมะตอย ใช้วงเงินกู้จากธนาคารยูโอบีประเทศมาเลเซียราว 80% ของมูลค่าเรือ โดยได้สั่งไปเมื่อเดือน พ.ย. 55 และคาดว่าจะได้รับมอบเรือในช่วงปี 57

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/56 คาดว่ายอดขายทรงตัว เนื่องจากจีนยังอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่ตั้งแต่เดือน เม.ย.56 เป็นต้นไป คาดว่าจะเริ่มรับรู้ยอดขายจากจีนเข้ามาเพิ่มขึ้นมาก

ด้านราคาซื้อขายยางมะตอยในตลาดในประเทศและต่างประเทศขณะนี้ยังทรงตัวอยู่ เนื่องจากในช่วงต้นปีประเทศจีนยังอยูในช่วงฤดูหนาว ทำให้ไม่มีการก่อสร้างต่าง ๆ แต่ราคาซื้อขายยางมะตอยจะมีการขยับขึ้นเมื่อพ้นฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูทำงาน คาดว่าจะมีการก่อสร้างถนนในจีนเพิ่มขึ้น ทำให้มีดีมานเพิ่มขึ้นและราคาก็จะเริ่มขยับขึ้น

ที่มา -