ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา อาหาร ยา และเครื่องสำอางค์ รวมถึงสมุนไพรทุกชนิด ไม่ว่าจะมี อย. หรือไม่  เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

ฟิทช์จัดอันดับเครดิต'บ.โทรีเซนไทย เอเยนซีส์ จำกัด (มหาชน)'ที่ BBB(tha)/ลดอันดับเครดิตหนี้เป็น BBB

เริ่มโดย mrtnews, พ.ค 15, 13, 07:08:07 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวสำหรับบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนซีส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ TTA ที่'BBB (tha)'


และปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ เป็น 'BBB-(tha)' จาก'BBB(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

การปรับลดอันดับเครดิตหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ สะท้อนถึงแนวโน้มอัตราการรับชำระคืนหนี้ (Recovery Prospect) ของหนี้ไม่มีหลักประกันที่ลดลง โดยอัตราส่วนหนี้มีหลักประกันต่อสินทรัพย์รวมและอัตราส่วนหนี้มีหลักประกันต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทฯ ได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและไม่ลดลงตามที่คาดการณ์ นอกจากนี้อัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นหลักประกัน (เรือประเภทต่างๆ) ต่อหนี้ไม่มีหลักประกัน อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่า ณ สิ้นปี 2555 

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 4 เท่าถึง 5 เท่า ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทฯ มีแผนค่าใช้จ่ายประมาณลงทุนรวมประมาณ 18,000 ล้านบาท ถึง 19,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2556 – 2558  สำหรับการขยายกองเรือและการจัดซื้อเรือขุดเจาะใหม่เพื่อทดแทนของเดิม บริษัทฯ เฝ้ามองโอกาสที่จะซื้อสินทรัพย์ในระดับราคาที่ต่ำ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2557  โดยส่วนหนึ่งจะมาจากเงินเพิ่มทุนจำนวน 4,000 ล้านบาท

ลักษณะความเป็นวัฏจักรของธุรกิจ:  ธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองมีความเป็นวัฏจักร มีความผันผวนสูง และประกอบด้วยผู้ประกอบการหลายราย ธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองได้ประสบกับภาวะตกต่ำของอุตสาหกรรมตั้งแต่ปลายปี 2551 อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่า แรงกดดันที่มีต่ออัตราค่าระวางเรือ ซึ่งเกิดจากการที่ปริมาณเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมีมากกว่าความต้องการขนส่งสินค้า จะลดลงในครึ่งหลังของปี 2556  ซึ่งน่าจะทำให้อัตราค่าระวางเรือมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2557

การกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่น: การกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นได้ช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะตกต่ำที่ยืดเยื้อของธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองได้ในระดับหนึ่ง  การพลิกฟื้นของธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง (Offshore Marine Service Business)  น่าจะทำให้ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งเป็นธุรกิจหลักที่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานให้แก่บริษัทฯ ในช่วงปี 2556 – 2557 โดยฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง จะมีสัดส่วนร้อยละ 60 ถึงร้อยละ 70 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย รวมของบริษัทฯ ในขณะที่ธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกอง น่าจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ ส่วนธุรกิจใหม่ๆ ที่บริษัทฯ ได้ลงทุนไปน่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์ร่วมกันกับธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกอง รวมถึงช่วยลดความผันผวนและความไม่แน่นอนของกระแสเงินสดได้ ในระยะยาว

ความเชี่ยวชาญและสถานะที่มั่นคงในธุรกิจ: อันดับเครดิตได้รวมการพิจารณาถึงประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจและสถานะทางการตลาดที่มั่นคงในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในการขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคอื่น ได้แก่ ภูมิภาคตะวันออกกลางสำหรับธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง และเส้นทางแอตแลนติกสำหรับธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกอง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากฤดูกาลในบางเส้นทาง และ/หรือภูมิภาคได้

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
•    การเพิ่มขึ้นของกระแสเงินสดจากทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สิน ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) ลดลงต่ำกว่า 4 เท่าอย่างต่อเนื่อง
•    การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นหลักประกัน (เรือประเภทต่างๆ) ต่อหนี้ไม่มีหลักประกันที่สูงกว่า 2 เท่า จะส่งผลทางบวกต่ออันดับเครดิตของหนี้ไม่มีหลักประกัน

ปัจจัยลบ:
•    การขยายธุรกิจและการลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่สูงอย่างต่อเนื่องโดยใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย สูงเกินกว่า 6.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง 
•    สภาพคล่องของบริษัทฯ ที่อ่อนแอลงอย่างมาก โดยมีอัตราส่วนกระแสเงินสดต่อดอกเบี้ยจ่ายและค่าเช่า (FFO Fixed Charge Coverage) ลดลงต่ำกว่า 1.5 เท่า (ณ สิ้นปี 2555: 2.1 เท่า) หรือ หากเจ้าหนี้ธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทฯ ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อสภาพคล่องของบริษัทฯ

ที่มา -




ฟิทช์จัดอันดับเครดิตบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนซีส์ จำกัด (มหาชน) ที่ BBB(tha)  และปรับลดอันดับเครดิตหนี้ไม่มีหลักประกันเป็น  BBB-(tha)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวสำหรับบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ที่'BBB(tha)' และปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ เป็น 'BBB-(tha)' จาก'BBB(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ


การปรับลดอันดับเครดิตหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ สะท้อนถึงแนวโน้มอัตราการรับชำระคืนหนี้ (Recovery Prospect) ของหนี้ไม่มีหลักประกันที่ลดลง โดยอัตราส่วนหนี้มีหลักประกันต่อสินทรัพย์รวมและอัตราส่วนหนี้มีหลักประกันต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทฯ ได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและไม่ลดลงตามที่คาดการณ์ นอกจากนี้อัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นหลักประกัน (เรือประเภทต่างๆ) ต่อหนี้ไม่มีหลักประกัน อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่า ณ สิ้นปี 2555

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 4 เท่าถึง 5 เท่า ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทฯ มีแผนค่าใช้จ่ายประมาณลงทุนรวมประมาณ 18,000 ล้านบาท ถึง 19,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2556 — 2558 สำหรับการขยายกองเรือและการจัดซื้อเรือขุดเจาะใหม่เพื่อทดแทนของเดิม บริษัทฯ เฝ้ามองโอกาสที่จะซื้อสินทรัพย์ในระดับราคาที่ต่ำ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2557 โดยส่วนหนึ่งจะมาจากเงินเพิ่มทุนจำนวน 4,000 ล้านบาท

ลักษณะความเป็นวัฏจักรของธุรกิจ: ธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองมีความเป็นวัฏจักร มีความผันผวนสูง และประกอบด้วยผู้ประกอบการหลายราย ธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองได้ประสบกับภาวะตกต่ำของอุตสาหกรรมตั้งแต่ปลายปี 2551 อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่า แรงกดดันที่มีต่ออัตราค่าระวางเรือ ซึ่งเกิดจากการที่ปริมาณเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมีมากกว่าความต้องการขนส่งสินค้า จะลดลงในครึ่งหลังของปี 2556 ซึ่งน่าจะทำให้อัตราค่าระวางเรือมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2557

การกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่น: การกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นได้ช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะตกต่ำที่ยืดเยื้อของธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองได้ในระดับหนึ่ง การพลิกฟื้นของธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง (Offshore Marine Service Business) น่าจะทำให้ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งเป็นธุรกิจหลักที่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานให้แก่บริษัทฯ ในช่วงปี 2556 — 2557 โดยฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง จะมีสัดส่วนร้อยละ 60 ถึงร้อยละ 70 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย รวมของบริษัทฯ ในขณะที่ธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกอง น่าจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ ส่วนธุรกิจใหม่ๆ ที่บริษัทฯ ได้ลงทุนไปน่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์ร่วมกันกับธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกอง รวมถึงช่วยลดความผันผวนและความไม่แน่นอนของกระแสเงินสดได้ ในระยะยาว

ความเชี่ยวชาญและสถานะที่มั่นคงในธุรกิจ: อันดับเครดิตได้รวมการพิจารณาถึงประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจและสถานะทางการตลาดที่มั่นคงในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในการขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคอื่น ได้แก่ ภูมิภาคตะวันออกกลางสำหรับธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง และเส้นทางแอตแลนติกสำหรับธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกอง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากฤดูกาลในบางเส้นทาง และ/หรือภูมิภาคได้

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:
- การเพิ่มขึ้นของกระแสเงินสดจากทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สิน ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) ลดลงต่ำกว่า 4 เท่าอย่างต่อเนื่อง

- การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นหลักประกัน (เรือประเภทต่างๆ) ต่อหนี้ไม่มีหลักประกันที่สูงกว่า 2 เท่า จะส่งผลทางบวกต่ออันดับเครดิตของหนี้ไม่มีหลักประกัน

ปัจจัยลบ:
- การขยายธุรกิจและการลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่สูงอย่างต่อเนื่องโดยใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย สูงเกินกว่า 6.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง

- สภาพคล่องของบริษัทฯ ที่อ่อนแอลงอย่างมาก โดยมีอัตราส่วนกระแสเงินสดต่อดอกเบี้ยจ่ายและค่าเช่า (FFO Fixed Charge Coverage) ลดลงต่ำกว่า 1.5 เท่า (ณ สิ้นปี 2555: 2.1 เท่า) หรือ หากเจ้าหนี้ธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทฯ ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อสภาพคล่องของบริษัทฯ

การปรับลดอันดับเครดิตหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มอัตราการรับชำระคืนหนี้ (Recovery Prospect) ของหนี้ไม่มีหลักประกันที่ลดลง โดยอัตราส่วนหนี้มีหลักประกันต่อสินทรัพย์รวมและอัตราส่วนหนี้มีหลักประกันต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทฯ ได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและไม่ลดลงตามที่คาดการณ์ นอกจากนี้อัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นหลักประกัน (เรือประเภทต่างๆ) ต่อหนี้ไม่มีหลักประกัน อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่า ณ สิ้นปี 2555

ทั้งนี้ ฟิทช์คาดว่า อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 4 เท่าถึง 5 เท่า ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทฯ มีแผนค่าใช้จ่ายประมาณลงทุนรวมประมาณ 18,000 ล้านบาท ถึง 19,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2556 — 2558  สำหรับการขยายกองเรือและการจัดซื้อเรือขุดเจาะใหม่เพื่อทดแทนของเดิม บริษัทฯ เฝ้ามองโอกาสที่จะซื้อสินทรัพย์ในระดับราคาที่ต่ำ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจเดินเรือประเภทสินค้าแห้งเทกองซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2557  โดยส่วนหนึ่งจะมาจากเงินเพิ่มทุนจำนวน 4,000 ล้านบาท

ที่มา -