ยูเอ็นเผยอาเซียน โจรสลัดปล้นสูงสุด โซมาเลียลดลงแล้ว

[mrtnews]

หน่วยงานยูเอ็นเผยข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นบริเวณที่โจรสลัดออกปล้นเรือมากที่สุดในโลก หลังจากโจรสลัดในน่านน้ำของโซมาเลียลดลงไปมาก

รายงานของสถาบันเพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยแห่งสหประชาชาติ (ยูนิตาร์) ( United Nations Institute for Training and Research - UNITAR) ระบุว่า ปีที่แล้วมีเรือที่ถูกโจรสลัดปล้นบริเวณมหาสมุทรอินเดียตะวันตก 28 ลำ ช่วงปี 2543 โจรสลัดโซมาเลียปล้นสินค้าบนเรือและจับลูกเรือไปกักขังไว้ แต่หลังจากที่กองเรือรบของนานาชาติออกลาดตระเวนที่อ่าวเอเดนและมหาสมุทรอินเดีย ตลอดจนเรือบรรทุกสินค้าหลายลำมีหน่วยรักษาความปลอดภัยติดอาวุธประจำการบนเรือ ทำให้โจรสลัดโซมาเลียที่ออกปล้นเรือ 43 ครั้งในปี 2554 ปีที่แล้วลดลงเหลือ 3 ครั้ง

ส่วนเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าไถ่ให้โจรสลัดจากเดิมในปี 2554 ที่มียอด 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ปีต่อมาเหลือ 60 ล้านเหรียญสหรัฐ น่านน้ำที่โจรสลัดออกปล้นอยู่ใกล้กับชายฝั่งมากขึ้น ในปี 2556 เรือที่ถูกโจรสลัดปล้นอยู่ห่างจากฝั่งไม่เกิน 50 กม.

แต่โจรสลัดกลับเพิ่มมากขึ้นในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะที่ช่องแคบมะละกาที่อยู่ระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางทะเล ในปีที่แล้วภูมิภาคนี้เกิดเหตุโจรสลัดปล้นเรือ 150 ครั้ง เริ่มมีการปล้นเรือมากขึ้นตั้งแต่ปี 2553

รายงานฉบับนี้ของยูนิตาร์ระบุว่า "โจรสลัดในช่องแคบมะละกาเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับความปลอดภัยในเส้นทางเดินเรือของมหาสมุทรอินเดียด้านตะวันออก"

สำนักงานการเดินเรือนานาชาติเผยข้อมูลเมื่อเดือนที่แล้วว่า ช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.ปีนี้เกิดเหตุโจรสลัดทั้งที่พยายามบุกปล้นเรือและปล้นสำเร็จ 23 ครั้งในน่านน้ำประเทศอาเซียน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งอินโดนีเซีย

ยูนิตาร์เห็นว่า ปัญหาโจรสลัดในภูมิภาคอาเซียนจะยิ่งเลวร้ายลงเนื่องจากว่าเส้นทางการขนส่งสินค้าทางทะเลมุ่งมายังเอเชียมากขึ้น เป็นผลมาจากภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของประเทศที่อยู่ในละติจูดสูง ประกอบกับประเทศในเอเชียแต่เดิมประชาชนมีรายได้ปานกลางถึงระดับต่ำ แต่ขณะนี้หลายประเทศมีรายได้ต่อหัวของประชากรสูงขึ้นมาก ส่งผลให้เส้นทางการขนส่งทางทะเลขยายเพิ่มขึ้นด้วย.

ที่มา -