ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

เริ่มเฟสใหม่! เรือจีโอฟีนิกซ์ส่งอุปกรณ์ “ไซด์สแกนโซนาร์” ลงค้นหา MH370 ใต้ทะเล

เริ่มโดย mrtnews, ต.ค 07, 14, 19:31:58 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

เอเอฟพี - การค้นหาร่องรอยของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ที่หายสาบสูญไปนานเกือบ 7 เดือนเริ่มเข้าสู่เฟสใหม่ในวันนี้ (6 ต.ค. 57) โดยมีการส่งอุปกรณ์ค้นหาวัตถุใต้น้ำด้วยคลื่นโซนาร์ลงไปยังใต้มหาสมุทรอินเดียอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแถลง


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญต่างทุ่มเทความพยายามไปที่การจัดทำแผนที่ใต้ทะเลบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นสุสานของ โบอิ้ง 777-200 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 239 คนที่สูญหายขณะออกเดินทางจากเมืองหลวงมาเลเซียไปยังกรุงปักกิ่ง เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม

สำนักงานความปลอดภัยขนส่งออสเตรเลีย (เอทีเอสบี) แถลงว่า เรือจีโอฟีนิกซ์ ซึ่งว่าจ้างโดยรัฐบาลมาเลเซียเดินทางไปถึงสถานที่เป้าหมายกลางทะเล และได้เริ่มสแกนพื้นมหาสมุทรเพื่อตามหาเครื่องบินที่สูญหายแล้ว

"เรือจีโอ ฟีนิกซ์ พร้อมด้วยอุปกรณ์และผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท ฟีนิกซ์ อินเทอร์เนชันแนล เดินทางไปถึงพื้นที่ค้นหาในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ และเริ่มปฏิบัติการค้นหาใต้ทะเลแล้ว"

ออสเตรเลียรับบทผู้นำในการติดตามหาเครื่องบินของมาเลเซีย คาดว่าจะตกลงสู่มหาสมุทรอินเวิ้งว้างห่างไกล หลังถูกบังคับออกนอกเส้นทางจนกระทั่งน้ำมันเชื้อเพลิงหมดเกลี้ยง

การค้นหา MH370 เป็นไปอย่างยุ่งยากและสับสน เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วโมงท้ายๆ ก่อนเครื่องบินจะพบจุดจบ อีกทั้งพื้นที่ค้นหาก็กว้างใหญ่ไพศาลและแทบไม่เคยผ่านการสำรวจใดๆ มาก่อน

หลังการค้นหาทั้งทางอากาศและเหนือพื้นผิวทะเลไม่พบสัญญาณใดๆ ของ โบอิ้ง 777-200 ลำนี้ และการค้นหาใต้ทะเลก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ความคืบหน้า ผู้เชี่ยวชาญจึงกลับไปวิเคราะห์สัญญาณดาวเทียมที่ส่งมาจากตัวเครื่องบินอีกครั้งเพื่อระบุจุดตกที่น่าจะใกล้เคียงที่สุด

เนื่องจากพื้นมหาสมุทรบริเวณดังกล่าวถูกพบว่ามีทั้งภูเขาไฟที่ดับแล้ว สันเขาใต้น้ำที่สูงชัน และร่องลึกอีกหลายแห่ง การสำรวจเพื่อทำแผนที่ใต้น้ำจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งก่อนที่การค้นหาจะเริ่มขึ้นใหม่

การทำแผนที่ใต้ทะเลซึ่งสำเร็จลุล่วงไปแล้วราว 110,000 ตารางกิโลเมตรตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ช่วยปูทางให้แก่ภารกิจของเรือจีโอ ฟีนิกซ์ ซึ่งจะทำการสำรวจพื้นทะเลด้วยคลื่นโซนาร์แบบกวาดด้านข้าง (side scan sonar)

เอทีบีเอสเผยก่อนหน้านี้ว่า เรือจีโอ ฟีนิกซ์จะลากอุปกรณ์ค้นหาที่มีความไวสูงไปเหนือพื้นทะเล เพื่อสำรวจหาสิ่งผิดปกติใต้น้ำขนาดใหญ่ๆ เช่น เครื่องยนต์ หรือลำตัวเครื่องบิน เป็นต้น

"ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว ภาพถ่ายที่มีความละเอียดคมชัดสูงของจุดค้นหาจะถูกเก็บรวบรวมและวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ เพื่อติดตามหาซากเครื่องบิน MH370 ให้ได้" บริษัท ฟีนิกซ์ อินเทอร์เนชันแนล ระบุในถ้อยแถลงเมื่อเดือนที่แล้ว

ทางการออสเตรเลียยืนยันว่า ยัง "เชื่อมั่นพอสมควร" ว่าเครื่องบินลำนี้น่าจะถูกพบอยู่ภายในพื้นที่ค้นหาที่กำหนดไว้แล้ว แต่อาจจะต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม

รัฐบาลออสเตรเลียและมาเลเซียต่างสนับสนุนงบประมาณในการค้นหา MH370 ซึ่งจะมี เรือฟูโกร ดิสคัฟเวอรี และเรือฟูโกร อีเควเตอร์ มาเข้าร่วมด้วยในช่วงปลายเดือนนี้

เรือจีโอ ฟีนิกซ์ จะใช้เวลาค้นหาประมาณ 12 วัน ก่อนจะล่องกลับไปยังท่าเรือฟรีแมนเทิลทางภาคตะวันตกของออสเตรเลียเพื่อเติมเชื้อเพลิง

ที่มา -




เริ่มค้นหา MH370 อีกครั้งในวันนี้

ซิดนีย์ 6 ต.ค. 57 - คณะค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบิน MH370 เริ่มการค้นหาในมหาสมุทรอินเดียอีกครั้งในวันนี้ หลังจากเครื่องบินหายไปร่วม 7 เดือนและยังไม่พบเบาะแสใด ๆ


การค้นหาครั้งใหม่ประกอบด้วยเรือ 3 ลำ เป็นเรือโกฟีนิกซ์ที่มาเลเซียว่าจ้าง 1 ลำ และเรือที่จ้างจากเนเธอร์แลนด์อีก 2 ลำ เรือโกฟีนิกซ์จะเริ่มงานก่อนในวันนี้ ด้วยใช้โซนาร์ กล้องวีดิทัศน์ และตัวจับสัญญาณเชื้อเพลิงเครื่องบินค้นหาซากเครื่องบินใต้ท้องมหาสมุทรอินเดียเป็นเวลา 12 วันก่อนกลับไปเติมน้ำมันใหม่ ส่วนเรืออีก 2 ลำจะตามมาสมทบในภายหลัง

ปฏิบัติการค้นหาจะกินเวลานานสูงสุด 1 ปี หลังจากระงับไป 4 เดือนระหว่างรอให้ลูกเรือทำแผนที่ท้องมหาสมุทรอินเดียในเขตค้นหา 60,000 ตารางกิโลเมตรที่อยู่ห่างจากชายฝั่งออสเตรเลียไปทางตะวันตก 1,800 กิโลเมตร เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่สอบสวนเชื่อว่าเครื่องบินน้ำมันหมดแล้วตกโดยวิเคราะห์จากการส่งสัญญาณระหว่างเครื่องบินกับดาวเทียม นายมาร์ติน โดแลน หัวหน้าสำนักงานความปลอดภัยการขนส่งออสเตรเลียในฐานะแกนนำปฏิบัติการค้นหาคาดการณ์ในแง่ดีว่าจะพบซากเครื่องบินที่หายไปอย่างปริศนาตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ขณะนำผู้โดยสารลูกเรือรวม 239 ชีวิตเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียไปกรุงปักกิ่งของจีน

ที่มา -