เรือสำราญ แซฟไฟร์ ปริ๊นเซส ล่องภูมิภาคอาเซียน - บอกเล่าสู่เออีซี

[mrtnews]

เรือสำราญ แซฟไฟร์ ปริ๊นเซส สุดหรู ลงทุนออกเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจอดเทียบท่าถึงสิงคโปร์ เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ

เรือสำราญ แซฟไฟร์ ปริ๊นเซส สุดหรู ลงทุนออกเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจอดเทียบท่าถึงสิงคโปร์ เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ หลังตลาดล่องเรือสำราญในกลุ่มประเทศอาเซียน (สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

เหตุผลหลักที่ผู้ประกอบกิจการล่องเรือสำราญระดับโลกอย่าง "ปริ๊นเซส ครูซ" สัญชาติอเมริกัน ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เจ้าของเรือสำราญ แซฟไฟร์ ปริ๊นเซส ตัดสินใจมาทอดสมอเรือในภูมิภาคอาเซียนก็เพราะ การเติบโตของชนชั้นกลางที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของภูมิภาค ส่งผลให้ความต้องการการล่องเรือสำราญท่องเที่ยวในภูมิภาคเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับสายการบินต้นทุนต่ำที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด

เรือสำราญ แซฟไฟร์ ปริ๊นเซส ระวางขับน้ำ 116,000 เมตริกตัน ความสูง 18 ชั้น และมีความยาวเกือบเท่ากับสนามฟุตบอล 3 สนามเรียงต่อกัน แล่นออกจากท่าเรือในสิงคโปร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมนำนักท่องเที่ยวกว่า 2,500 คน แล่นไปกลางทะเลมุ่งหน้าสู่บรูไน เวียดนาม กัมพูชา และปิดท้ายที่ไทยก่อนแล่นกลับไปสิงคโปร์ รวมประสบการณ์บนท้องทะเลสุดหรูทั้งหมด 11 วัน

ด้านนายฟาร์รีค ทอว์ฟิค ผู้อำนวยการปริ๊นเซส ครูซ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยว่า ผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางไปกับเรือในครั้งนี้เป็นชาวเอเชียถึงร้อยละ 30 โดยเรือจะให้บริการนำนักท่องเที่ยวไปสัมผัสประสบการณ์กลิ่นอายคลื่นลมในทะเลของน่านน้ำอาเซียนจนถึงเดือน มี.ค. ปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวร่วมล่องเรือทั้งหมด 40,000 คน ตลอดระยะเวลา 4 เดือน ทั้งนี้แพ็กเกจล่องเรือมีทั้งระยะเวลาแบบสั้น ตั้งแต่ 3 วัน ไปจนถึง 17 วัน
สำหรับกลุ่มคนในแถบประเทศอาเซียน การล่องเรือสำราญเพื่อดื่มด่ำสายลมและเกลียวคลื่นยังเป็นอะไรที่เรียกว่า "แปลกใหม่" ที่ยังไม่คุ้นชินกันนัก ซึ่งส่วนใหญ่มักคิดไปเองว่า การล่องเรือเป็นทริปท่องเที่ยวที่น่าเบื่อ รวมถึงยังเป็นกังวลหากเจ็บไข้ได้ป่วยบนเรือ ซึ่งล้วนแต่เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนทั้งสิ้น
นายทอว์ฟิค กล่าว

ขณะที่แนวโน้มธุรกิจและความนิยมการล่องเรือสำราญในภูมิภาคอาเซียนมีทีท่าที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ขานรับกับการเติบโตของธุรกิจล่องเรือสำราญในเอเชีย ที่สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเรือสำราญนานาชาติเผยตัวเลขออกมาแล้วว่า ในปีหน้าจะมีเรือสำราญถึง 52 ลำจากทั่วโลกให้บริการรองรับนักท่องเที่ยวในเอเชียมากถึง 2.17 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านคนจากปีนี้

จำนวนนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการเรือสำราญในเอเชียปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 7 จากทั่วโลก แต่ภายในปี 2563 ส่วนแบ่งการตลาดของเอเชียจะพุ่งกระฉูดขึ้นไปถึงร้อยละ 20 ซึ่งแต่ก่อนการล่องเรือสำราญส่วนใหญ่มักอยู่ในกลุ่มคนฐานะดี แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว และผู้ประกอบการกำลังมุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนฐานะปานกลาง โดยเฉพาะในเอเชียที่จะเป็นแหล่งรวมชนชั้นกลางมากถึง 2 ใน 3 ของชนชั้นกลางทั่วโลกภายในปี 2573

เมื่อเทียบกันในภูมิภาคเอเชีย การล่องเรือสำราญมักได้รับความนิยมในจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน ขณะที่จำนวนชนชั้นกลางที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในภูมิภาคอาเซียน จะทำให้ธุรกิจท่องทะเลสุดหรูเติบโตมากขึ้น และเมื่อเทียบกับภูมิภาคทะเลแคริบเบียนที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจเรือสำราญ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนเกาะถึง 25,000 เกาะ มากกว่าประเทศแถบแคริบเบียนที่มีอยู่เพียง 7,000 เกาะเท่านั้น

ผู้ประกอบธุรกิจเรือสำราญสุดหรูรู้ดีว่า อาเซียนมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการล่องเรือสำราญระดับโลกได้ ซึ่งสามารถเทียบเท่าหรือดีกว่าภูมิภาคแคริเบียนด้วยซ้ำ ถือเป็นโอกาสที่ดีของอาเซียนที่จะได้รองรับธุรกิจท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาส และช่วยเปิดประสบการณ์แบบ 'ครูซ" หรือการล่องเรือสุดหรูให้เป็นหนึ่งในตารางการพักผ่อนของชาวอาเซียน.

ที่มา -

[youtube=640,390]http://www.youtube.com/watch?v=VBi3_jNxrLo[/youtube]