ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ทำสัญญาเช่าเหมาเรือบรรทุกน้ำมัน VLCC เก็บสำรองน้ำมันลอยน้ำ

เริ่มโดย mrtnews, ม.ค 14, 15, 19:21:06 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

Reuters - 14 ม.ค. 58 - ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในตลาดโลกได้เริ่มต้นทำสัญญาเช่าเหมาลำเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญระดับ supertankers เพื่อใช้ในการจัดเก็บสำรองน้ำมันดิบ จอดลอยลำในทะเล เพื่อรอให้ราคาน้ำมันในตลาดสูงขึ้นดีกว่าขณะนี้ จึงค่อยนำออกมาขาย เหมือนกับที่พวกเขาเคยทำมาแล้วในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นช่วงล่าสุดที่ราคาน้ำมันในตลาดเคยตกต่ำมาแล้ว


ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ เช่น Trafigura , Vitol, Gunvor, Koch และ Shell ได้เริ่มทำสัญญาจองเรือเพื่อเช่าเหมาลำเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ สำหรับใช้ในการเก็บสำรองน้ำมันดิบ เป็นเวลานานถึง 12 เดือน ด้วยการจอดทอดสมอเป็นคลังสำรองน้ำมันลอยอยู่กลางทะเลหรือริมชายฝั่งที่มีความลึกเพียงพอ (แหล่งข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์)

ขณะนี้มีเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ (VLCC - very large crude carriers) อย่างน้อย 11 ลำ ที่ได้รับรายงานว่าถูกจองทำสัญญาเช่าใช้เป็นคลังเก็บสำรองน้ำมันดิบแล้ว และยังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีก 5 ลำเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเรือแต่ละลำสามารถเก็บสำรองน้ำมันดิบไว้ในระวางสินค้าได้มากถึง 2 ล้านบาร์เรล (barrels)

และด้วยเหตุผลที่ราคาน้ำมันดิบในช่วงระยะนี้ได้ตกลงมาก ถึงเกือบร้อยละ 50 ของราคาน้ำมันอัตราปกติ ทำให้ผู้ค้าน้ำมันวางแผนทำกำไรได้จำนวนมากหากเก็บน้ำมันดิบสำรองไว้เพื่อรอการขายและส่งมอบในอีก 12 เดือนข้างหน้า เมื่อราคาน้ำมันฟื้นตัวหรือกลับไปอยู่ใกล้เคียงกับระดับราคาเดิมในปีที่แล้ว

บริษัท Vitol ผู้ประกอบการค้าน้ำมันอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ตกลงใจเช่าเหมาลำ เรือบรรทุกน้ำมันดิบชื่อ TI Oceania ที่เป็นเรือน้ำมันใหญ่ที่สุดในโลกลำหนึ่งแบบ ULCC (Ultra-large crude carrier)  มีความจุถังระวางสินค้าที่เก็บน้ำมันดิบได้มากถึง 3 ล้านบาร์เรล (barrel)

นั่นย่อมหมายความว่า ตอนนี้มีน้ำมันดิบอย่างน้อยปริมาณ 25 ล้านบาร์เรล ได้ถูกจัดสรรเก็บไว้แล้วในคลังน้ำมันลอยน้ำกลางทะเล นอกจากนี้ยังมีเรือน้ำมันขนาดกลางอีกบางส่วนที่ไม่ได้กล่าวถึง ถูกใช้เป็นคลังเก็บสำรองน้ำมันดิบไว้บนเรือก่อนหน้านี้ รอคอยเวลาที่ราคาสูงขึ้นพร้อมที่จะขาย และเรือสามารถขนส่งน้ำมันดิบไปส่งยังปลายทางทันทีที่ได้รับใบสั่งซื้อ ข้อมูลราคาซื้อขาย ณ ปลายเดือนธันวาคม 2557 อยู่ที่ 56 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งบาร์เรล

สำหรับอัตราค่าเช่าเรือและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าประกันภัย คิดรวมเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนจะตกอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเรือบรรทุกน้ำมันหนึ่งลำ เป็นอัตราสำหรับทุกพื้นที่ในโลก หรือประเมินค่าใช้จ่ายในการเช่าเหมาลำเรือบรรทุกน้ำมันในการเก็บสำรองน้ำมันดิบ 1 ปี จะมีค่าใช้จ่ายตกอยู่ที่ประมาณ 6 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งบาร์เรล และหากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นมากกว่าเดิม 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะทำกำไรได้อย่างงามสำหรับผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกกลุ่มนี้ การคำนวณนี้จะใช้ได้สำหรับผู้ที่ทำการเก็บสำรองน้ำมันไว้รอขายในปริมาณมากๆ เท่านั้น (biggest players)

อย่างไรก็ดี เมื่อมีความต้องการหาเรือเพื่อเช่าเหมาลำเรือบรรทุกน้ำมันมากขึ้น จนทำให้อัตราค่าเฉลี่ยรายวัน (Average daily earnings) สำหรับเรือน้ำมันระดับ VLCC ได้ถูกขยับสูงขึ้นไปมากกว่า 84,000 เหรียญสหรัฐต่อวันแล้ว จากอัตราค่าเช่าปกติเดิมที่อยู่ระหว่าง 50,000 ถึง 63,000  เหรียญสหรัฐต่อวันเมื่อตอนต้นเดือนมกราคม 2558 และคาดว่าอัตราค่าเช่าอาจขยับสูงมากขึ้นไปถึงมากกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐต่อวันในช่วงเดือนหน้าที่จะถึงนี้ก็เป็นได้


ในปัจจุบันมีเรือบรรทุกน้ำมันดิบหลายลำถูกนำไปใช้สำหรับการจัดเก็บสำรองน้ำมันลอยน้ำ (floating storage) อยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือเก่าที่มีอายุใช้งานมากกว่า 15 ปี และเป็นเรือที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมาก จนไม่คุ้มกับการใช้วิ่งขนส่งตามปกติ  และด้วยการนำเรือเก่ามาใช้เช่นนี้ ผู้ค้าน้ำมันอาจจะจ้างเช่าเหมาลำเรือบรรทุกน้ำมัน VLCC แบบนี้ในอัตราค่าเช่าที่น้อยกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐต่อวันได้ รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันรุ่นเก่าที่เป็นแบบเปลือกชั้นเดียว (single hull) ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกวิ่งขนส่งแล้ว จะถูกนำมาซ่อมเพื่อใช้เป็นคลังน้ำมันลอยน้ำได้อีกด้วย

"เรือทุกลำที่ถูกลบชื่อออกจากการค้าวิ่งขนส่งน้ำมันแล้ว และเรือที่ถูกนำไปผูกยึดอยู่กับที่ใช้เป็นคลังเก็บน้ำมันลอยน้ำ (floating storage) จะกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจในการถ่วงความสมดุลในตลาดเรือบรรทุกน้ำมันดิบ เป็นตัวช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้มีกำไรเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายเดือนต่อไปนี้" นาย อีริค นิโคไล สตาฟเซท (Erik Nikolai Stavseth) นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัท Arctic Securities กล่าว

ที่มา - | แปลและเรียบเรียงข่าวโดย