กองทัพเรือ ชง ครม. ซื้อเรือดำน้ำ งบ 3.6 หมื่นล้าน

[mrtnews]

ผู้บัญชาการทหารเรือ ระบุ เสนอโครงการซื้อเรือดำน้ำ งบ 3.6 หมื่นล้าน รอพิจารณาจาก ครม. พร้อมเผยไปดูเรือดำน้ำจีนมาแล้ว พอใจระบบ AIP

วันที่ 24 เมษายน 2558 พล.ร.อ. ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เปิดเผยว่า ได้เสนอโครงการจัดหาเรือดำน้ำไปที่สำนักงานเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว คาดว่าจะมีการพิจารณาในที่ประชุม ครม. เร็ว ๆ นี้ และในตอนนี้ทางกองทัพเรือ มีคณะกรรมการที่จะพิจารณาคัดเลือกแบบเรือดำน้ำ ว่าจะจัดหาจากประเทศใดให้มีความเหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งการพิจารณาจะดูในภาพรวมทั้งโครงการ โดยเฉพาะเรื่องระบบ การบำรุงรักษา และการฝึกศึกษาด้วย

ทั้งนี้ หากรัฐบาลอนุมัติโครงการดังกล่าวแล้ว ทางกองทัพเรือเองก็ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ในทันที เพราะต้องใช้เวลาในการต่อเรือ เมื่อรวมกับการส่งบุคลากรไปศึกษาอบรมให้เกิดความชำนาญอีก 1-2 ปี รวมเวลา 5-6 ปี จึงจะนำเข้าประจำการได้ แต่ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ ก็คงรอไปอีกนาน เพราะในขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ก็มีเข้าประจำการมาหลายปีแล้ว เมื่อตนมาอยู่ตรงนี้เห็นว่าเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์แผนพัฒนากองทัพ เป็นหน้าที่ที่ต้องเสนอขึ้นไปให้รัฐบาลได้พิจารณา ส่วนรัฐบาลจะอนุมัติหรือไม่ก็แล้วแต่เห็นสมควร โดยการดำเนินการต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ซึ่งกองทัพเรือ พร้อมอธิบาย ชี้แจงข้อมูลทุกอย่างได้

นอกจากนี้ ผบ.ทร. เปิดเผยอีกว่า ในการเดินทางไปเยือนประเทศจีน ได้เดินทางไปดูเรือดำน้ำชั้นหยวน ซึ่งเทคโนโลยีในการต่อเรือก็มาจากเรือดำน้ำชั้นกิโล ของรัสเซีย มีการติดตั้งระบบ AIP หรือ Air Independent Propulsion ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนเรือดำน้ำรุ่นใหม่ ที่มีแบตเตอรี่ อยู่ได้นาน

ในขณะที่เรือดำน้ำของเยอรมนี ชั้น U-206 ซึ่งตนได้เดินทางไปดูแล้วแต่ก็ไม่ได้มีระบบดังกล่าว จะมีติดตั้งใน ชั้น U-212-U-214 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใหม่กว่า อีกทั้งตนยังได้เดินทางไปดูเรือดำน้ำในอีกหลายประเทศ ที่เสนอจะขายให้ไทย อาทิ เกาหลีใต้ จีน รัสเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส และสวีเดน แต่ไม่ได้เจาะจงดูของประเทศไหนเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ผบ.ทร. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกแบบ โดยให้ พล.ร.อ. ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วย ผบ.ทร. เป็นประธานคณะกรรมการ โดยให้พิจารณาอย่างเป็นอิสระ ยึดข้อมูลและความเหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด ภายใต้กรอบงบประมาณที่รัฐบาลจะอนุมัติให้ ซึ่งคาดว่า ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท โดยจะไปดูเรือดำน้ำหลายประเทศ และเร่งสรุป ภายใน 3 เดือน

สำหรับ คำถามว่า ทำไม ประเทศไทยต้องมีเรือดำน้ำ ?

ผบ.ทร. ตอบว่า "ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในปัจจุบัน มีมูลค่ารวมกว่า 17.9 ล้านล้านบาท ได้แก่ ผลผลิตการประมง เชื้อเพลิง การคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งนับเป็นมูลค่ามหาศาล และมีแนวโน้มมากขึ้นทุกปี ปัจจุบัน ครม. ได้อนุมัติแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล พ.ศ. 2558 – 2568 โดยให้เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555 – 2559 )

และกรอบทิศทางวางแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2566 – 2569) เพื่อให้การดำเนินการมุ่งสู่เป้าหมาย "ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง" โดยอาศัยผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เป็นปัจจัยขับเคลื่อน ซึ่งเรือดำน้ำ ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล เมื่อประเทศมีความมั่นคง ความมั่งคั่งก็จะตามมา ข้อมูลของเรือดำน้ำมีเผยแพร่อยู่ทั่วไปในสื่อต่าง ๆ โดยสามารถศึกษา/ดูรายละเอียดได้ แต่ถ้ามองด้วยใจเป็นธรรมและอยู่บนผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริงแล้ว จะเห็นว่าการจัดหาเรือดำน้ำมีความจำเป็น"

ที่มา -