เรือบรรทุกแอมโมเนียมไนเตรตปุ๋ยเคมี 180 ตันล่มนอกฝั่งคอสตาริกา

[mrtnews]

ทางการคอสตาริกาประกาศลดระดับเตือนภัย หลังยังไม่พบความผิดปกติในทะเลนอกชายฝั่งด้านตะวันตกของประเทศ ที่เกิดเหตุเรือบรรทุกแอมโมเนียมไนเตรตซึ่งเป็นส่วนประกอบของปุ๋ยเคมี ปริมาณ 180 ตัน จมในทะเลเมื่อวันเสาร์ 2 พ.ค. 58

เว็บไซต์ข่าวอัลจาซีรา รายงานเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 58 ว่า คณะกรรมการสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติคอสตาริกา (ซีเอ็นอี) ประกาศเหตุฉุกเฉิน เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำและจับปลา ในทะเลนอกชายฝั่งเมืองปุนตารีนาส ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันตกของกรุงซันโฮเซราว 90 กิโลเมตร หลังเกิดเหตุเรือบรรทุกแอมโมเนียมไนเตรตอับปางในอ่าวนิโกยา เมื่อวันเสาร์ ส่งผลให้สารเคมีปริมาณ 180 ตัน ปนเปื้อนลงสู่ทะเล

เรือลำดังกล่าวบรรทุกแอมโมเนียมไนเตรต เพื่อนำส่งให้กับบริษัทเฟอร์ติลิซานเตส เด เซนโตรอเมริกา หรือเฟอร์ติกา โดยขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือลูกเรือ 2 คนขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย สำนักข่าวตีโกไทมส์รายงานว่า ทางการคอสตาริกากำลังประชุมอย่างเร่งด่วน เพื่อหาทางรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

แอมโมเนียมไนเตรต เป็นสารเคมีที่มักนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตปุ๋ย และยังเป็นส่วนผสมในการผลิตระเบิดด้วย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายหากสัมผัสกับสารโดยตรง ขณะที่นางกลาวเดีย อากราซ เออร์นันเดซ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

เธอให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวเอลปายส์ว่า สารดังกล่าวอาจทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของสาหร่ายเซลล์เดียว จนนำไปสู่ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (เรดไทด์) ทำให้ปริมาณอ็อกซิเจนในน้ำลดลง และส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ยังอาจกระทบต่อสารอาหารในทะเลตามแนวชายฝั่ง คุณภาพของน้ำ รวมไปถึงการทำประมงและระบบนิเวศน์ในป่าโกงกางด้วย

ตีโกไทมส์รายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ ซีเอ็นอีได้ลดระดับการเตือนภัยลงจากสีแดงเป็นสีเหลือง ซึ่งแนะนำให้ประชาชนสามารถลงเล่นน้ำได้ แม้จะยังต้องรอผลทดสอบตัวอย่างน้ำอีก 72 ชั่วโมงก็ตาม โดยนางมาเรีย ฟุลเมน รมช.กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เผยว่า ความเปลี่ยนแปลงที่พบคือมีปลาตายเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป

อย่างไรก็ตาม กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อหาผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อไป.

ที่มา -