ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

เรือโป๊ะบรรทุกปูน 3,000 ตัน อับปางหน้าเกาะสีชัง 2 ลำ เร่งขนย้ายก่อนกู้

เริ่มโดย mrtnews, ก.ย 19, 15, 19:27:05 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

เรือโป๊ะบรรทุกปูน 3,000 ตัน 2 ลำ อับปางกลางทะเลหน้าเกาะสีชัง หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งยกปูนออก เพื่อกู้เรือ ด้าน นายกเล็ก สั่ง ผอ.สาธาณสุขเกาะสีชัง ลงพื้นที่ พบน้ำขุ่น ปะการังเสียหาย ขู่ฟ้องหน่วยงานกำกับดูแล หากพบละเลยหน้าที่ ...


เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 18 ก.ย. 58 เกิดเหตุเรือโป๊ะบรรทุกปูน ของบริษัทเอสพี ได้เกิดอับปางหน้าเกาะสีชัง ต.เทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี โดยมีเรือจอดทั้งหมด 4 ลำ และ 2 ลำอับปาง ซึ่งมีขนาดความจุน้ำหนักปูนผงที่บรรทุกมาอยู่ที่ประมาณ 2,500-3,000 ตัน สาเหตุที่ทำให้เรืออับปาง

เบื้องต้นคาดว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีพายุฝนและคลื่นลมแรง อาจเป็นเหตุให้เรือบรรทุกปูนที่จอดติดกันถูกคลื่นที่แรงซัดแล้วกระแทกใส่กันจนเป็นเหตุให้เรือแตกและรั่ว ก่อนน้ำทะเลจะไหลเข้าทำให้ค่อย ๆ จมลง ซึ่งขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งเรือเข้าไปเทียบเพื่อรีบขนย้ายปูนภายในเรือออก เพื่อง่ายต่อการกู้ไม่ให้จมแล้ว

ล่าสุด นายดำรงค์ เภตรา นายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง ได้สั่งการให้ นางพุฒิตา กลิ่นโพธิ์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเกาะสีชัง ลงพื้นที่สำรวจบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเพื่อดูผลกระทบ พบว่า น้ำในบริเวณที่เรือโป๊ะจะอับปางมีลักษณะขุ่น ปะการัง ที่ทางชาวบ้านได้ร่วมกันปลูกได้รับความเสียหาย รวมทั้งไม่พบสัตว์ทะเล บริเวณดังกล่าวด้วย

นางพุฒิตา ได้กล่าวว่า ทางบริษัทที่เจ้าของเรือต้องรับผิดชอบในการเก็บกู้เรือ ซึ่งที่ผ่านมาในปีนี้ได้เกิดกรณีเรืออำปางมาแล้ว 3 ครั้ง แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการกำกับดูแลไม่มาเอาผิดกับบริษัทที่รับผิดชอบ ส่งผลทำให้ระบบนิเวศของเกาะสีชัง เสียหายเพิ่มขึ้น และมีผลกระทบกับชาวบ้านและผู้ที่ประกอบอาชีพประมง หากหน่วยงานที่กำกับดูแลในเรื่องนี้ยังละเลย ไม่หามาตรการในการป้องกับการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ทางเทศบาลจะนำเนินการฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป.



ที่มา Data & Images -




ทต.เกาะสีชัง วอนหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเข้มเรือขนถ่ายสินค้า หลังเกิดปัญหาถึง 3 ครั้ง

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทต.เกาะสีชัง ลงพื้นที่ดูเรือปูนซีเมนต์ล่ม วอนหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลผู้ประกอบการขนถ่ายสินค้าบริเวณหน้าเกาะสีชังให้เข้มงวด หลังเกิดปัญหามา 3 ครั้งแล้ว ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล เผยหากไม่มีมาตรการพร้อมจะดำเนินการฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องละเว้น


จากกรณีเกิดเหตุเรือบรรทุกปูนอับปาง ชื่อ SP 45 ที่บริเวณแหลมงูห่างจากฝั่งเกาะสีชังประมาณ 100 เมตร นอกจากนั้น ยังมีเรืออีก 3 ลำ ชื่อ จากั้ว 14, จากั้ว 24 และ Sp 69 เกยอยู่บนหินโสโครก แต่ยังไม่จม

ล่าสุด นางพุฒิตา กสินโพธิ์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลตำบลเกาะสีชัง กล่าวว่า เหตุการณ์เรือจมครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย. นี้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหาคลื่นลมในทะเล ที่สำคัญผู้ประกอบการเรือขนถ่ายสินค้าไม่ได้วางมาตรการดูแลเรือสินค้าของตนเองอย่างดี ทำให้เรือเกิดปัญหา และจมลงดังกล่าว

สำหรับสินค้าที่มีการขนถ่ายบริเวณหน้าเกาะสีชังนั้นส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ก่อให้เกิดมลพิษ เช่น ปูนซีเมนต์ ถ่านหิน แป้งมันสำปะหลัง โซดาแอส และปุ๋ย ซึ่งการขนถ่ายแต่ละครั้งมีฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ และหากเกิดเหตุการณ์เรือจมขึ้นมาก็จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล ทำให้ทรัพยากรใต้ท้องทะเลเสียหายอย่างมาก เช่น ปะการังเสียหาย แหล่งอาหารของสัตว์ทะเล

นางพุฒิตา กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาเทศบาลฯ ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มประมงพื้นบ้านที่จับสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวไม่สามารถทำมาหากินได้ เนื่องจากระบบนิเวศเสียหาย

เรื่องดังกล่าว ทางเทศบาลฯ โดยนายดำรง เภตรา นายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง พยายามหาแนวทางในการช่วยเหลือ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาระดับประเทศ แต่ก็ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลช่วยเหลือ เพราะเทศบาลฯ ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้โดยตรง ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงควรลงมาดูแล และวางมาตรการที่เข้มงวดมากกว่านี้

"ปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ลงมาดูแลตรวจสอบอย่างจริงจัง ทำให้ผู้ประกอบการเองก็ไม่ได้ใส่ใจต่อปัญหา หรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างจริงจัง ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบควรเข้มงวด และใส่ใจมากกว่านี้ และหากไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจังหลังจากนี้ต่อไป ทางเทศบาลฯ อาจจะต้องดำเนินการต่อหน่วยงานดังกล่าวในเรื่องการละเว้น เนื่องจากไม่มาช่วยเหลือ หรือดูแลท้องทะเลบริเวณดังกล่าว เพื่อให้ระบบนิเวศบริเวณเกาะสีชังมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นกว่านี้" นางพุฒิตา กล่าว



ที่มา Data & Images -