บังกลาเทศหนุนเดินเรือเชื่อมท่าเรือระนองกับท่าเรือจิตตะกอง

[mrtnews]

เอกอัครราชทูตบังกลาเทศนำคณะนักธุรกิจลงพื้นที่ระนอง สานสัมพันธ์และหารือแนวทางการพัฒนาเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางเรือ ระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือจิตตะกองของบังกลาเทศ

นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า นางไซดา มูนา ทัสนีม (Mrs. Saida Muna Tasneem) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ประจำประเทศไทย พร้อมคณะนักธุรกิจชาวบังคลาเทศ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดระนอง และเข้าพบตนเองและหารือร่วมกันถึงการเชื่อมโยงทางด้านการค้า การลงทุน และเส้นทางการเดินเรือระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกอง ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดี โดยท่าเรือระนอง มีจุดแข็ง คือ มีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลฝั่งอันดามัน และจะเป็นฮับในขนส่งทางทะเล ของกลุ่มประเทศบิมสเทค

นางไซดา มูนา ทัสนีม เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ประจำประเทศไทยกล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดระนองในครั้งนี้ ก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับหัวหน้าส่วนราชการและภาคธุรกิจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการขยายเส้นทางเดินเรือ ระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกองของบังกลาเทศ ที่จะมีความร่วมมือเพิ่มมากขึ้น หลังการเปิดเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)

"เป็นโอกาสที่ดีที่ทั้งสองประเทศจะพัฒนาการลงทุนร่วมกัน การลงพื้นที่จังหวัดระนองในครั้งนี้ ได้รับทราบข้อมูลในด้านต่างๆ และยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมท่าเรือระนอง และบรรยากาศการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดระนอง-เกาะสอง"

ด้านนายมิ่งขวัญ ฉายาวิจิตรศิลป์ ประธานสภาธุรกิจไทย-บังกลาเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกับบังกลาเทศได้ทำธุรกิจการค้ากันมายาวนานแล้ว ซึ่งตนเองก็เข้าไปทำธุรกิจในประเทศบังกลาเทศมากว่า 20 ปี และอยากจะเชิญชวนนักธุรกิจชาวจังหวัดระนองได้ไปลองหาลู่ทางการค้าใหม่ๆในประเทศบังกลาเทศ เนื่องจากจำนวนประชากรของบังกลาเทศมีมากกว่าจำนวนประชากรประเทศไทย 2 เท่าครึ่ง หรือมีประชากรถึงกว่า 170 ล้านคน ดังนั้นโอกาสทางด้านการค้าและการลงทุน จึงมีมากและอยากจะให้นักลงทุนที่จะไปลงทุนที่ประเทศบังกลาเทศ ทำการค้าแบบ 2 ทาง คือ ทั้งส่งออกและนำเข้า จึงจะเป็นการค้าที่ยั่งยืน ในอนาคต



ที่มา Data & Images -