ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

'TTA' คาดปีนี้พลิกมีกำไร หากค่าระวางเรือปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง

เริ่มโดย mrtnews, มิ.ย 03, 16, 06:21:22 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

"TTA" คาดปีนี้มีโอกาสพลิกมีกำไร หากครึ่งปีหลังค่าระวางเรืออยู่ที่ 8,000 เหรียญฯ/ลำ/วัน คาดครึ่งปีหลังชัดเจนเรื่องการซื้อกิจการเสริมธุรกิจ


นายวิทวัส เวชชบุษกร ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบริหารการลงทุน บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA กล่าวว่า บริษัท คาดปีนี้มีโอกาสพลิกมีกำไร หากค่าระวางเรือในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับกว่า 7,000-8,000 เหรียญ/ลำ/วัน ซึ่งปัจจุบันอัตราค่าระวางเรือมีทิศทางค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ 6,000 เหรียญ/ลำ/วัน และคาดว่าธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันมีงานในมือ 272 ล้านเหรียญ ขณะที่ธุรกิจปุ๋ยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนเช่นกัน โดยตั้งเป้าจะมียอดขายปีนี้ 230,000 ตัน

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/59 คาดว่าธุรกิจเดินเรือจะยังคงมีผลขาดทุน เพราะค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าภาพรวมไตรมาส 2 บริษัทจะมีผลขาดทุนหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับธุรกิจวิศวกรรมและปุ๋ยว่าจะเป็นอย่างไร

"บริษัทคาดค่าระวางเรือได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1 ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดี ค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นจะเป็นลักษณะค่อยๆ ปรับตัว ซึ่งหากในครึ่งปีหลังค่าระวางเรือมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 7,000-8,000 เหรียญ/ลำ/วัน บริษัทมีโอกาสพลิกมีกำไร หรืออาจจะมีผลขาดทุนน้อยลง ซึ่งต้องจับตาในช่วงครึ่งปีหลัง" นายวิทวัส กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดรวม 13,000 ล้านบาท ซึ่งยังมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการเพื่อมาเสริมธุรกิจเดิมของบริษัทโดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น



ที่มา Data & Images -




TTA หวังทั้งปีพลิกเป็นกำไรหลังจากแนวโน้มค่าระวางเรือฟื้นในครึ่งปีหลัง

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2559 - นายวิทวัส เวชชบุษกร ผู้อำนวยการ สายงานการเงินและการบริหารการลงทุน บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) เปิดเผยว่า บริษัทลุ้นผลประกอบการทั้งปีพลิกกลับมามีกำไร แม้ไตรมาส 1/59 จะมีผลขาดทุนอยู่ 230.68 ล้านบาท และไตรมาส 2/59 ยังไม่มั่นใจว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เนื่องจากปีนี้บริษัทอาจไม่ต้องบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่เงินสดเหมือนในปีก่อนที่บันทึกสูงถึง 1.15 หมื่นล้านบาท และหากครึ่งปีหลังค่าระวางเรือปรับตัวดีขึ้นมาที่ระดับ 7,000-8,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน


ขณะที่บริษัทมองว่าค่าระวางเรือน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยปริมาณเรือของโลกจะปรับเข้าสู่จุดสมดุลภายในปี 60-61 เนื่องจากขณะนี้ปริมาณเริ่มทรงตัว ไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้นแล้ว ในขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจการขนส่งทางเรือ

"ปีนี้เราจะไม่มีการตัดขาดทุนเหมือนในปีก่อนแล้ว แต่เรายังลุ้นค่าระวางเรือในครึ่งปีหลังว่าจะสามารถปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 7,000-8,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วันได้หรือไม่ ซึ่งหากสามารถปรับขึ้นมาในระดับนี้ได้เราก็จะมีผลประกบอการกลับมาเป็นบวกได้ ทั้งนี้ เรามองว่าค่าระวางเรือนั้นผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และปัจจุบันเริ่มฟื้นตัว ซึ่งในปี 60-61 ค่าระวางเรือจะกลับมาได้อย่างมีนัยสำคัญหลังอุปสงค์และอุปทาน ของเรือเข้าสู่จุดสมดุล"นายวิทวัส กล่าว

บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานมีแนวโน้มที่ดีเนื่องจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจวิศวกรรมเดินเรือของ บมจ.เมอร์เมด มารีนไทม์ มีแนวโน้มการทำกำไรในปีนี้มากขึ้นกว่าปีก่อน และมีปริมาณงานเพิ่มขึ้น และยังมีการขยายฐานลูกค้าออกไปสู่กลุ่มลูกค้าในตะวันออกกลางที่ดำเนินธุรกิจขุดเจาะน้ำมันเป็นหลัก

สำหรับธุกิจปุ๋ยและคลังสินค้าให้เช่าในเวียดนามภายใต้ บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์  (PMTA) ในปีนี้ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดปริมาณการขายที่ 2.2-2.3 แสนตัน โดยเน้นการส่งออกเป็นหลัก และล่าสุเบริษัทฯได้เพิ่มพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าอีก 8,200 ตารางเมตร ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯมีพื้นที่รวม 55,000 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันมีผู้เช้าเต็มพื้นที่แล้ว

นายวิทวัส กล่าวต่อว่า บริษัทยังมองหาการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มูลค่าของสินทรัพย์ลดลง จึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ แต่อย่างตาม ยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของราคาและผลตอบที่ดีในการเข้าไปลงทุนด้วย



ที่มา Data & Images -