เรื่องเศร้าของ "ธุรกิจชิปปิ้งโลก" เผชิญกับภาวะถดถอยจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก

[mrtnews]

ไม่ใช่แค่เพียง "ฮันจินชิปปิ้ง" บริษัทขนส่งทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้เท่านั้นที่ประสบพิษเศรษฐกิจจนต้องยื่นล้มละลาย แต่บริษัทชิปปิ้งขนาดใหญ่ระดับโลกอีกหลายบริษัทก็เผชิญกับภาวะถดถอยเช่นกัน นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ผ่านมา

เดอะ อีโคโนมิสต์ รายงานว่า ไตรมาสที่ผ่านมา 11 บริษัทเดินเรือยักษ์ใหญ่ รายงานผลประกอบการที่ตกต่ำ และมีหลายรายเสี่ยงจะล้มละลาย รวมทั้งบริษัทเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง "เอพี โมลเลอร์ เมิร์สก์" จากเดนมาร์ก ซึ่งประสบปัญหาขาดทุน 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้บริษัทที่ปรึกษาด้านขนส่งทางเรือ "ดรูรี มารีไทม์ รีเสิร์ช" ระบุว่า ปีนี้รายได้ของธุรกิจชิปปิ้งอาจหายไปถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สถานการณ์ของธุรกิจขนส่งทางเรือโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะสาหัสตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยทั้งความซบเซาของการค้าโลก รวมทั้งการขยายธุรกิจของบริษัทข้ามชาติทำให้ไม่ต้องพึ่งการขนส่งทางทะเล รวมไปถึงกำลังผลิตที่ล้นเกินของธุรกิจชิปปิ้ง

ก่อนหน้านี้บรรดาบริษัทชิปปิ้งได้ต่อเรือขนส่งขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้มีเรือส่งสินค้ามากเกินความต้องการ ภาวะล้นตลาดทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรง ส่งผลให้ค่าระวางเรือ "ลดฮวบ" ปัจจุบันการขนส่งจากเซี่ยงไฮ้ไปยังยุโรปเหลือเพียงครึ่งราคาจากเมื่อปี 2557 วิกฤตธุรกิจชิปปิ้งในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ธุรกิจชิปปิ้งได้พยายามปรับตัวเพื่ออยู่รอดด้วยวิธี "ควบรวมกิจการ" หรือความร่วมมือต่าง ๆโดยเดือนมกราคม 2558 บริษัท เอพี โมลเลอร์ เมิร์สก์ จำกัด และบริษัท เมดิเตอร์เรเนียน ชิปปิ้ง จำกัด ได้ร่วมเป็นพันธมิตรภายใต้ "2เอ็ม พาร์ตเนอร์ชิป" เพื่อแบ่งพื้นที่บนเรือขนส่งสินค้า ขณะที่บริษัท ฮุนได เมอร์แชนท์ มารีน จำกัด จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ "2เอ็ม พาร์ตเนอร์ชิป" ในเดือนเมษายน 2017

ขณะที่เดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทเดินเรืออีก 4 บริษัทก็ได้รวมตัวเป็นพันธมิตร ตามมาด้วยอีก 6 บริษัทในเดือนพฤษภาคม และล่าสุดวิกฤตฮันจิน ทำให้ 3 บริษัทเดินเรือในญี่ปุ่น ได้แก่ มิตซุย โอ.เอส.เค ไลน์ส,เอ็น วาย เค ไลน์ และคาวาซากิ ไคเซ็นไคฉะ ถูกกดดันจากนักลงทุนให้รวมตัวเป็นพันธมิตร เพื่อเลี่ยงภาวะล้มละลายแบบฮันจินชิปปิ้ง

"Zvi Schreiber" ซีอีโอของบริษัท Freightos บริษัทจัดการโลจิสติกส์ออนไลน์ ได้ให้ความเห็นกับ "ซีเอ็นบีซี" ว่า สิ่งที่น่ากังวลใจคือ ฮันจินชิปปิ้ง มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 3% ขณะที่ภาวะการล้นตลาดของธุรกิจชิปปิ้งมีมากกว่าการล้มละลายของฮันจิน และคาดว่า 3 แนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหาภาวะการล้นตลาดได้ นั่นคือ การเติบโตของเศรษฐกิจ การล่มสลายของธุรกิจนี้ในอนาคต หรือการควบรวมกิจการ

"บางทีเศรษฐกิจโลกอาจจะเติบโตขึ้นและตามทันภาวะการล้นตลาด ซึ่งนี่เป็นหนทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย"



ที่มา Data & Images -

[youtube=640,390]http://www.youtube.com/watch?v=a7yx6zKRXDI[/youtube]