ข่าว:

คุณ ต้องลงทะเบียนสมัครสมาชิกก่อน ตอบกระทู้หรือตั้งคำถามใหม่ นะครับ

Main Menu

กลุ่มเดินเรือขยับขึ้นยกแผง ขานรับดัชนีค่าระวาง BDI พุ่งทำ New High

เริ่มโดย mrtnews, พ.ย 19, 16, 06:23:57 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2559 - หุ้นในกลุ่มเดินเรือขยับขึ้นยกแผง โดยเมื่อเวลา 10.26 น.หุ้น PSL บวก 3.36% มาอยู่ที่ 7.70  บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 36.48 ล้านบาท


หุ้น TTA บวก 2.60% มาอยู่ที่ 9.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 102.80 ล้าบาท

หุ้น JUTHA บวก 1.48% มาอยู่ที่ 2.74 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 354,730 บาท

หุ้น RCL บวก 0.94% มาอยู่ที่ 5.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 1.16 ล้านบาท

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มเดินเรือ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA), บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL), บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) มีประเด็นจากดัชนีค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ของปีที่ระดับ 1,231 จุด (+7.51%)

ด้านบล.โกลเบล็ก แนะนำ"ซื้อ" TTA, PSL จากปัจจัยบวกจากค่าระวางเรือทำ High ในรอบ 1 ปี ล่าสุด 1,231 จุด

ส่วนบล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า ค่าระวาง BDI ทำ New High ในรอบ 2 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 1,231 จุด (+7.5%) คาดเป็นบวกต่อกลุ่มเดินเรือ TTA, PSL, RCL, บมจ.จุฑานาวี (JUTHA)

สำหรับบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะ"เก็งกำไร"หุ้น TTA ราคาเหมาะสม 12.60 บาท คาดว่าหุ้น TTA จะ Outperform ตลาดได้ จาก Sentiment บวก หลังดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 11 ติดต่อกัน อีก 81 จุด ปิดที่ 1,231 จุด ทำระดับสูงสุดใหม่ของปี 2559

นอกจากนี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นต่อการฟื้นตัวของธุรกิจเรือเทกองในรอบนี้ เนื่องจากค่าระวางเรือ BDI ที่ 1,100-1,200 จุด เป็นระดับคุ้มทุนของธุรกิจเรือเทกอง

อีกทั้งซื้อขายที่ PBV2559 เพียง 0.8 เท่า และฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท หรือเทียบเท่า 6.59 บาทต่อหุ้น



ที่มา Data & Images -




TTA บวก 4.86% โบรกฯเชียร์ซื้อค่าระวาง BDI ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุนงบฯ Q4/59

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 16 พฤศจิกายน 2559 - หุ้น TTA ราคาวิ่งขึ้น 4.86% มาอยู่ที่ 9.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท มูลค่าซื้อขาย 359.54 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.04 น. โดยเปิดตลาดที่ 9.40 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 9.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 9.35 บาท

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA)  โดยราคาเหมาะสมยังคงอิง P/BV 1.0 เท่า ที่ 12.60 บาท/หุ้น จากทิศทางพัฒนาการต่าง ๆ กำลังเดินไปในเชิงบวก ขณะเดียวกันในภาพของการเก็งกำไรไปกับดัชนีค่าระวางเรือ BDI นั้น TTA ก็ดูจะมีความเสี่ยงต่ำกว่า จากการที่สถานะมีกำไรได้เร็วกว่า และมีเงินสดในมือพร้อมลงทุนสูงถึง 6.79 บาท/หุ้น

แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 ด้วยระดับ BDI ที่ฟื้นต่อเนื่อง จึงมองว่าจะทำให้กลุ่มธุรกิจเรือเทกองเข้าใกล้จุดคุ้มทุนได้ ราว ๆ ที่ BDI 1,200 จุด ซึ่งจะเป็นจุดที่ทำให้ทั้ง 3 ธุรกิจหลักมีกำไรพร้อมกัน ดังนั้นทิศทางผลกำไรคาดจะยังคงขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และงวดปีก่อน

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 TTA พลิกมารายงานกำไรสุทธิได้ตามที่ประเมินไว้ โดยทำกำไรสุทธิได้ 7 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 31 ล้านบาทในไตรมาส 2/59 อย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ผลกำไรยังอ่อนแอกว่าปีก่อน 96% จากงวดปีก่อน เนื่องจากฐานกำไรที่สูง จากการอยู่ในสิ่งแวดล้อมการทำธุรกิจที่ดีกว่าที่ BDI เฉลี่ย 974 จุด เทียบกับไตรมาส 3/59 นี้ที่ 736 จุด ส่วนในภาพการดำเนินงานปกติ ไตรมาส 3/59 เมื่อหักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 41 ล้านบาท และการสำรองด้อยค่าจากสินทรัพย์ 72 ล้านบาท ออกไป TTA รายงานกำไรปกติได้ที่ 119 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 5 ล้านบาทในไตรมาส 2/59 และกำไร 294 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 ด้วยเหตุผลเดียวกัน โดยกลุ่มธุรกิจ 2 ใน 3 ทำได้งานดี

ธุรกิจเดินเรือ ยังให้ผลขาดทุน 223 ล้านบาทมายัง TTA เนื่องจากระดับค่าระวางที่ทำได้ 5,473 เหรียญ/ลำ/วัน ยังคงต่ำกว่าจุดคุ้มทุนที่ 7,145 เหรียญ/ลำ/วัน หรือ 23% แต่ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากค่าระวางนี้สามารถฟื้นตัวต่อเนื่อง 8% เมื่อเทียบต่อไตรมาส

ธุรกิจพลังงาน Mermaid ส่งกำไรเข้ามาให้ 152 ล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่ทว่าลดลงจากปีก่อน 55% เนื่องจาก ส่วนแบ่งกำไรจากเรือขุดน้ำมันของ AOD ลดลง 73% เนื่องจากลูกค้าได้ขอเจรจาลดค่าจ้างลงมา ภายหลังราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงมาต่ำ 40-50 เหรียญ/บาร์เรล อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นยืนได้ดี 32% เนื่องจากงาน Cable laying ซึ่งให้มาร์จิ้นต่ำทยอยหมดไป

ธุรกิจสาธารณูปโภค UMS ส่งขาดทุนเข้ามาเพียง 7 ล้านบาท ลดลงต่อเนื่องจาก 10 ล้านบาทในไตรมาส 2/59 เนื่องจากผลของการปรับโครงสร้างต้นทุนก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายถ่านเพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาสก่อน เป็น 47,000 ตัน ส่วน PMTA ก็ส่งผลกำไรเข้ามา 52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน และ 61% จากงวดปีก่อน ผลักดันจากต้นทุนที่เกี่ยวเนื่องด้านปิโตรเคมี (ตามราคาน้ำมันดิบ) ลดลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นทำได้สูงถึง 29.9% จาก 25.2% ในไตรมาส 2/59 และ 23.1% ในไตรมาส 3/58



ที่มา Data & Images -




TTA - ซื้อเก็งกำไร

กำไรหลักไตรมาส 3/59 สูงกว่าคาด คาดการณ์กำไรหลักอ่อนตัวลงในไตรมาสหน้าสะท้อนในราคาหุ้นแล้ว


กำไรหลักสูงกว่าคาด

TTA รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 ที่ 7 ล้านบาท ลดลง 96% YoY แต่พลิกจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/59 หากไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุน 40 ล้านบาท, ขาดทุนจากการขายเรือ 68 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 41 ล้านบาท กำไรหลักไตรมาส 3/59 จะอยู่ที่ 62 ล้านบาท ลดลง 76% YoY แต่พลิกจากขาดทุนหลักในไตรมาส 2/59 กำไรหลักสูงกว่าคาดการณ์ของเราที่ 41 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานธุรกิจขนส่งทางเรือและ PMTA ที่ดีกว่าคาด และดอกเบี้ยจ่ายที่ต่ำกว่าคาด

ประเด็นหลักผลประกอบการ

ปัจจัยที่ส่งผลให้กำไรหลักลดลง YoY ได้แก่ 1) ผลการดำเนิงานของธุรกิจขนส่งทางเรือที่่่อ่อนแอลง และ 2) ผลการดำเนินงานของธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งที่อ่อนตัว (อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือให้บริการใต้น้ำลดลง, การให้บริการวางสายเคเบิ้ลใต้้น้ำลดลง, และผลการดำเนิน งานของแท่นขุดเจาะของ AOD ลดลง) ขณะที่ปัจจัยหนุนการดำเนินงาน QoQ ให้ปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ 1) ขาดทุนหลักจากธุรกิจขนส่งทางเรือลดลง, 2) ผลการดำเนินงานของ PMTA ที่ดีขึ้น (อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น) และ 3) ขาดทุนจาก UMS ลดลง (ปริมาณขายถ่านหินเพิ่มขึ้น)

แนวโน้ม

ดัชนี BDI เฉลี่ยในไตรมาส 4/59 ถึงปัจจุบันสูงขึ้น 38% YoY และ 20% QoQ มาอยู่ที่ 885 จุด ปัจจัยหนุนดัชนี BDI คือ อุปสงค์โดยรวมที่สูงขึ้น และอุปสงค์ต่อการขนส่งด้วยเรือเทกองที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล

เราจึงคาดว่าผลประำกอบการของธุรกิจเดินเรือจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ อย่างไรก็ตามผลประกอบการของธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งคาดว่าจะอ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากผลการดำเนินงานของแท่นขุดเจาะ และการให้บริการวางสายเคเบิ้ลใต้น้ำคาดว่าจะอ่อนตัวลง ในขณะที่เราคาดว่าผลประกอบการของ UMS จะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ดังงนั้นโดยภาพรวม เราคาดว่ากำไรหลักของ TTA ในไตรมาส 4/59 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ แต่เราคาดว่าผลประำกอบการไตรมาส 4/59 จะพลิกเป็นกำไรสุทธิ (จากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/58) เนื่องจากมีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์จำนวนมากในไตรมาส 4/58

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราได้ปรับประมาณการปี 2559 เป็นขาดทุนสุทธิ 228 ล้านบาท (จากคาดกำไรสุทธิที่ 305 ล้านบาท)

และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ลงมาอยู่ที่ 286 ล้านบาท (จาก 837 ล้านบาท) จากความคาดหวังที่ลดลงต่อผลประกอบการจากธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 60 ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 11.70 บาท—อ้างอิงจาก PE 0.8x เท่า (ซึ่งเป็นมูลค่าที่หุ้นถูกซื้อขายเมื่ออุตสาหกรรมเริ่มปรับตัวดีขึ้น)

คำแนะนำ

เรามองว่าราคาหุ้นปัจจุบันซึ่งซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 60 ที่ 0.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 0.9 เท่า และค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 0.7x เท่า ได้สะท้อนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงไปแล้ว อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ตลาดเดินเรือเทกองที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นหนุนโดยความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่ปรับตัวดีขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"



ที่มา Data & Images -