“JUTHA” ขายหุ้นเพิ่มทุน PP ให้กลุ่ม “ปานบุญห้อม” จำนวน 22.45 ล้านหุ้น

[mrtnews]

"JUTHA" ขายหุ้นเพิ่มทุน PP ให้กลุ่ม "ปานบุญห้อม" จำนวน 22.45 ล้านหุ้น ราคา 4.50 บาท/หุ้น ถือเป็นราคาที่สูงกว่าราคาหุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน) หรือ JUTHA เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้รับอนุมัติจากมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2556 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2556 เวลา 14.00 น. ซึ่งมีมติอนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 22,450,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 3 บาท ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยบุคคลดังกล่าวจะไม่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือบุคคลที่เกี่ยวโยงกันตามที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

ทั้งนี้ อนุมัติรายชื่อผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นดังกล่าว ได้แก่ น.ส.นีรชา ปานบุญห้อม จำนวน 15,715,000 หุ้น มูลค่า 70,717,500 บาท และ น.ส.ปาลีรัฐ ปานบุญห้อม จำนวน 6,735,000 หุ้น มูลค่า 30,307,500 บาท รวมจำนวนหุ้น 22,450,000 หุ้น รวมเป็นเงิน 101,025,000 บาท โดยบริษัทได้พิจารณาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อกลุ่มนักลงทุนที่มีศักยภาพด้านเงินทุน มีประสบการณ์ และ/หรือ ความรู้ในสายธุรกิจด้านต่างๆ ที่สามารถเพิ่มศักยภาพในทางธุรกิจให้แก่บริษัท

บริษัทจะดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงในระหว่างวันที่ 17-30 ตุลาคม 2556 ซึ่งการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวข้างต้นได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่1/2556 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2556 ด้วยคะแนนเสียงข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุม และออกเสียงลงคะแนน

บริษัทแจ้งว่าเหตุผลในการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) แทนการเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการขาดทุน และไม่ได้มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา อีกทั้งต้องอาศัยเวลาในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือ

นอกจากนี้ ราคาที่เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนนี้ คือ 4.50 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่สูงกว่าราคาหุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยค่อนข้างมาก ดังนั้น ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทมีแนวโน้มที่จะไม่ให้ความสนใจในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท

ในทางกลับกัน สำหรับการเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) นั้นบริษัทจะสามารถเข้าถึงนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายได้ตรงตามความต้องการ และเป็นการขยายฐานนักลงทุนรายใหม่ให้แก่บริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ดังนั้น การเสนอขายหุ้นต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

ประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับนอกเหนือจากเงินเพิ่มทุน คือ บุคคลที่ได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในธุรกิจขนส่งทางทะเลซึ่งความสัมพันธ์กับบุคคลดังกล่าว นอกจากจะสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ทางธุรกิจระหว่างกันแล้ว ยังสามารถเพิ่มโอกาสให้แก่บริษัทในการขยายขอบเขตการให้บริการ และฐานลูกค้าในอนาคต และการจัดสรรหุ้นให้แก่บุคคลดังกล่าวจึงไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารจัดการ และการดำเนินธุรกิจของบริษัท

ที่มา -